พาณิชย์คุมเข้มกระเช้าปีใหม่

พาณิชย์คุมเข้มกระเช้าปีใหม่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ส่งสายตรวจตามห้างค้าปลีกห้ามนำของห่วย-เหล้ามาจัด

นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ให้เจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดและค้าภายในจังหวัดทั่วประเทศ ออกสุ่มตรวจร้านค้า และสินค้าที่นิยมซื้อขายในช่วงเทศกาลปีใหม่และคริสต์มาส พร้อมทั้งแจ้งให้ห้างค้าปลีกรายใหญ่ทั้ง เทสโก้ โลตัส, คาร์ฟูร์, บิ๊กซี เดอะมอลล์, ฟู้ดแลนด์, ท็อปส์ ปฏิบัติตาม ประกาศคณะกรรมการ กลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) อย่างเคร่งครัด ป้องกันไม่ให้เกิดการเอา เปรียบผู้บริโภค ด้วยการฉวยขึ้นราคาหรือนำสินค้าไม่มีคุณภาพออกมาจำหน่าย

ทั้งนี้ผู้จัดกระเช้าของขวัญ ต้องแสดงป้ายราคาสินค้าต่อหน่วย จำนวนและปริมาณสินค้าที่อยู่ในกระเช้าให้ผู้ซื้อเห็นอย่างชัดเจน นอกจากนี้ต้องนำสินค้าที่มีคุณภาพมีอายุเหลือตั้งแต่ 3-6 เดือนขึ้นไปมาจัดกระเช้า ส่วนกรณีที่เป็นสินค้าสดประเภท ผลไม้ หรืออาหารที่อาจมีน้ำหนักเปลี่ยนแปลง ผู้จัดกระเช้า ต้องชั่งน้ำหนักเผื่อความชื้นลดลง ขณะที่ผู้บริโภคควรระมัดระวังการลือกซื้อและไม่ควรนำป้ายแสดงราคา จำนวน หรือปริมาณสินค้าออกก่อนจะมอบให้ผู้อื่น เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินความผิดกับผู้ผลิต หรือร้านค้าที่จำหน่ายกรณีที่พบสินค้าไม่มีคุณภาพ เพราะที่ผ่านมาเกิดปัญหากระเช้าของขวัญไม่มีคุณภาพ แต่ขาดหลักฐานในการเอาความผิด

กระทรวงได้ส่งสายตรวจออกตรวจการจำหน่ายสินค้าปีใหม่ ตั้งแต่เดือนพ.ย.แล้ว และหากพบผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตาม จะมีความผิดตามกฎหมาย เช่น นำสินค้าคุณภาพไม่ดี หรือบรรจุปริมาณไม่ถูกต้องมีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท รวมถึงกระทรวงยังได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อรณรงค์ลดการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยแจ้งไปห้างร้านค้า ห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอ ฮอล์มาร่วมจัดทำกระเช้า และห้ามโฆษณาเชิญชวน ไม่เช่นนั้นมีความผิดจำคุก 1 ปี และปรับ 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ยังมอบนโยบายให้กรมการค้าภายในจัดโครงการรณรงค์ซื้อสินค้าไทยในช่วงปีใหม่ โดยจะร่วมกับบิ๊กซีและเดอะ มอลล์ จัดมุมส่งเสริมการซื้อสินค้าไทย นำ ลไม้ อาหารไทย และสินค้าโอทอปมาจำหน่าย เพื่อลดการบริโภคสินค้าต่างประเทศ

นางจิรนันท์ ผู้พัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายบริหารจัดซื้อและการตลาด บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กล่าวว่า ในเทศกาลปีใหม่นี้ ตลาดรวมกระเช้ามีแนวโน้มเติบโต 20% มูลค่า 1,100 ล้านบาท แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัวอยู่ก็ตาม แต่เชื่อว่าทุกคนยังเห็นความสำคัญในการให้ของขวัญแก่กันอยู่ โดยคาดว่าราคากระเช้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจะมีราคา 1,000-1,500 บาท

สำหรับราคากระเช้าในปีนี้ประเมินว่า ส่วนใหญ่ไม่ได้ปรับสูงขึ้นจากปีก่อนแต่อย่างใด เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาลงไม่ควรปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด และมองการแข่งขันในตลาดรวมจะเน้นกระเช้าเพื่อสุขภาพเป็น หลัก เพราะกระแสคนไทย ที่หันมาดูแลใส่ใจสุขภาพมากขึ้น.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook