ศูนย์กลางพุทธศาสนาแห่งโลกอีกหนึ่งปณิธานของชาวไทยพุทธ

ศูนย์กลางพุทธศาสนาแห่งโลกอีกหนึ่งปณิธานของชาวไทยพุทธ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ด้วยเหตุที่สถานที่ปฎิบัติพุทธศาสนกิจที่พุทธมณฑลมณฑล จ.นครปฐม มีข้อจำกัดในเรื่องการขยายพื้นที่ที่ไม่สามารถรับมือกับจำนวนชาวพุทธทั่วโลกที่จะมารวมตัวกันในทุกปี และปีละหลายๆ หนกับการสัมมนาระดับโลกที่เกี่ยวกับการบำรุงพระศาสนา ซึ่งแต่ละครั้งจะมีผู้มาร่วมชุมนุมนับหมื่นคน ขณะที่พุทธมณฑลรับได้ประมาณ 2,000-3,000 คนเท่านั้น จึงเป็นที่มาของแนวคิด การจัดตั้งศูนย์กลางพุทธศาสนาแห่งโลก ของนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีบทบาทในอีกฐานะหนึ่งคือ กรรมการพุทธมณฑล ทั้งนี้ ประกายความคิดดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่า พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองมายาวนานและได้มีการเผยแผ่ขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ ณ วันนี้ต้องยอมรับว่าศูนย์กลางพระพุทธศาสนาที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด คือ ประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านรอบๆ ด้านของไทย ขณะที่จุดกำเนิดพระพุทธศาสนา คือ ที่ประเทศอินเดีย เนปาล กลับพบว่า ปัจจุบัน ประชาชนแถบนั้นนับถือศาสนาพุทธน้อยลง ดังนั้นคนไทยพุทธทั้งหลาย จึงต้องช่วยกันสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาโลกให้ได้ นี่คือปณิธานที่ตั้งเป้าไว้ และเริ่มต้นสานปณิธาน ด้วยการถวายองค์ผ้าป่า 5,000 กอง เพื่อเป็นกองทุนขั้นต้นในการดำเนินการโครงการศูนย์กลางพุทธศาสนาโลกและปฏิบัติธรรม ให้สำเร็จเป็นรูปธรรม นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บอกว่า นับตั้งแต่ประเทศไทยได้รับความไว้วางใจให้ศูนย์กลางพุทธศาสนาโลก พบว่า การดำเนินงานมีความคืบหน้าไปช้ามาก ดังนั้น จึงต้องขอความร่วมมือชาวไทยพุทธทั้งหลาย ช่วยกันเป็นเจ้าภาพที่ดีและสานต่องานนี้ให้สำเร็จโดยเร็ว โครงการนี้ไม่ใช่เล็กๆ และไม่ใช่จะเสร็จในเร็ววันเพราะตั้งแต่ปี 2548 ที่ไทยได้รับความไว้วางใจให้เป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาแห่งโลก การดำเนินการช้ามาก หากช้าไปกว่านี้ผมไม่แน่ใจว่าชาวพุทธทั่วโลกจะถอดใจ หันไปมอบภารกิจสำคัญนี้ให้กับชาติอื่นแทนเรา เพราะฉะนั้น ตอนนี้ต้องขอความร่วมมือกับชาวไทย โดยเฉพาะผู้นับถือศาสนาพุทธ ที่จะต้องช่วยกันเป็นเจ้าภาพทำให้ความไว้ใจนี้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ผมคิดว่าโครงการนี้ที่ผ่านมารัฐบาลปล่อยมือให้ทางมหาเถรสมาคมและสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ทำเพียงฝ่ายเดียว ทำให้ประชาชนทั่วไปไม่รู้หรือหลงลืม ไม่ตระหนักถึงความจำเป็น เพราะฉะนั้น ควรที่จะต้องอาศัยโอกาสอันเป็นมงคลนี้ช่วยกัน และผมคิดว่าหากชาวไทยรู้จะช่วยกัน คุณลองคิดดูหากชาวไทยที่นับถือพุทธช่วยกันบริจาค เอาสักคนละ 50 บาท ล้านคนเป็นเงินเท่าไหร่ หรือ 100 บาท ก็ยิ่งเพิ่มจำนวน เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าในเรื่องนี้ทุกคนต้องช่วยกัน หากช้าไปกว่านี้ผมคิดว่าโอกาสจะหลุดมือจานไทย เพราะขณะนี้ทั้ง ญี่ปุ่น ไต้หวัน เขาตั้งใจสร้างพุทธอุทยานกันใหญ่โตในแต่ละประเทศ หากเราไม่แสดงความจริงใจ เกรงว่าชาวพุทธนานาชาติอาจยกเลิกมติให้ไทยเป็นศูนย์กลางของชาวพุทธ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพุทธมณฑลจะยังเป็นศูนย์กลางหลักของประเทศไทยในการดำเนินการพิธีการสำคัญ สำหรับสถานที่ที่มองหาเพื่อให้เหมาะสมกับการเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาแห่งโลกนั้น นายสุวิทย์ กล่าวว่า กำลังมองหาที่เหมาะๆ ซึ่งเป้าหมายของโครงการที่วางไว้คร่าวๆ ประมาณ 9,999 ไร่ อยู่ระหว่างให้กรมป่าไม้หาพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมในพื้นที่ป่าสงวน โดยให้โจทย์ว่าจะต้องไม่ไกลกรุงเทพฯ มาก สะดวกต่อการเดินทาง ทั้งนี้ ยอมรับว่ามีที่ที่หมายตาไว้ เช่น ที่บริเวณใกล้เขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา ที่โป่งก้อนเส้า จ.สระบุรี หรือบริเวณเชิงอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ฝั่ง จ.ปราจีนบุรี ผมต้องการทำให้ศูนย์กลางพุทธศาสนาแห่งโลกชิ้นนี้เป็นศูนย์กลางชาวพุทธจริงๆ เหมือนที่คนนับถือคริสต์ต้องไปวาติกัน คนอิสลามไปเมกกะ และต่อไปอยากให้ชาวพุทธทั่วโลกบอกว่าต้องมาเมืองไทย ในขณะที่คนไทยก็จะได้ไม่ต้องไปถึงสังเวชนียสถาน 4 แห่ง ที่อินเดีย เพราะไปยาก อันดับแรก ต้องมีเงิน สอง ต้องมีเวลา เพราะครั้งหนึ่งต้องใช้เวลาเป็นสิบวันหากนั่งรถไฟ มีเงินหน่อยนั่งเครื่องบิน ก็ใช้เวลาน้อย แต่คนไทยทุกคนคงไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น หากมีโครงการนี้ คนไทยทุกคนมาได้ ทางไม่ไกล เงินใช้ไม่มาก ส่วนเรื่องอารมณ์ หรือความดื่มด่ำใจผมคิดว่าธรรมอยู่ในใจ เหมือนเรานั่งมองพระพุทธรูปอยู่บ้านก็รู้สึกอิ่มใจเหมือนเราได้เฝ้าพระพุทธเจ้า ผมว่าความรู้สึกไม่ต่างกัน รวมทั้ง คนที่ไม่มีโอกาสไปอินเดีย แต่ไปที่ศูนย์กลางพุทธศาสนาแห่งนี้ในอนาคต จะได้รู้สึกถึงความดื่มด่ำทางธรรมได้เหมือนอยู่ท่ามกลางสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง เพราะหากใครเคยไปก็จะรู้ว่า ที่อินเดีย ทุกวันนี้คนนับถือพุทธในอินเดียก็เริ่มน้อยลง เวลาไปนมัสการก็จะซาบซึ้งใจ แต่จะไม่ได้องค์ความรู้หากไม่มีคนช่วยชี้นำแต่ที่เมืองไทย จะมีพระสงฆ์ ผู้รู้ ที่ปฏิบัติธรรมในที่นี้เป็นครูบาอาจารย์ให้ นายสุวิทย์บอกอีกว่า การตั้งศูนย์กลางพุทธศาสนาครั้งนี้ เป็นรูปแบบที่คิดร่วมกับทางอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย รวมทั้งสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยเห็นตรงกันว่าต้องเร่งดำเนินการก่อนที่นานาชาติจะรู้สึกว่าประเทศไทยยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ แม้เวลาผ่านไปกว่า 4 ปี นับแต่ที่ประชุมชาวพุทธนานาชาติมีมติร่วมกันให้ไทยเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาแห่งโลกตั้งแต่ปี 2548 สำหรับรูปแบบโครงการนั้น นายสุวิทย์ ยอมรับว่า ยังไม่มีรายละเอียดในโครงการ แต่วางไว้ในใจว่ารูปแบบจะเหมือนกับลุมพินี หรือลุมมินเด ของประเทศเนปาล ลุมพินีวัน คือ สถานที่ประสูติของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งรัฐบาลเนปาลได้อนุญาตให้ประเทศที่นับถือศาสนาพุทธเข้าไปใช้พื้นที่ในการสร้างพุทธสถานตามนิกายที่ตนเองนับถือ ซึ่งจะมีทุกนิกาย เพราะฉะนั้น ใครเข้าไปที่ลุมพินีหรือเคยไปก็จะเห็นว่ามีโบสถ์ วิหาร ที่มีศิลปะต่างกันสวยงาม ของไทยก็มีเป็นวัดไทยลุมพินี พื้นที่นี้ก็จะเหมือนกัน ทำนองเดียวกัน จะมีการจำลองสถานที่ตรัสรู้และปรินิพพานรวมไว้ด้วยเป็นขนาดจำลองเหมือนที่พุทธมณฑลมีเพื่อให้ครบถ้วน ทั้งหมดจะต้องสร้างแบบกลมกลืนธรรมชาติ ในขณะที่การอนุญาตให้พุทธศาสนานิกายอื่นๆ จะต้องหารือกับมหาเถรสมาคมก่อน และเพื่อให้เป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาแห่งโลกสมบูรณ์จริง และสถานที่แห่งนี้จะต้องมีหอสมุดที่รวบรวมพระไตรปิฎกที่ถูกต้องที่สุดและหลากหลายภาษามากที่สุด และเป็นสถานที่ที่ชาวพุทธทั่วโลกสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ได้จริง ศึกษาและปฏิบัติธรรมได้จริง ไม่ใช่มีแต่สิ่งก่อสร้างเท่านั้น เพราะฉะนั้น จะต้องเชื่อมโยงกับสถาบันการศึกษาของคณะสงฆ์ไทยด้วย โครงการนี้ นายสุวิทย์ ได้ปวารณาตัวกับทางมหาเถรสมาคมไว้ว่าจะช่วยมหาเถรสมาคมทำโครงการให้สำเร็จภายในเร็ววัน อย่างน้อยภายใน 1-2 ปีนี้ ต้องมีรูปร่างให้เห็น เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายโครงการเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา ในปี 2554 และเพื่อให้ชาวไทยพุทธทุกคนได้มีส่วนร่วมในโครงการ เนื่องจากต้องใช้งบประมาณเป็นหลักพันล้านบาท ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงเห็นว่าควรจะมีการระดมทุนจากพี่น้องชาวไทยพุทธ ร่วมกันทำโครงการนี้ให้สำเร็จ ซึ่งเบื้องต้นกระทรวงทรัพยากรฯ ได้จัดทำองค์ผ้าป่าจำนวน 5,000 กอง ที่พุทธศาสนิกชนมาร่วมทำบุญเป็นกองทุนเริ่มต้นโครงการ ซึ่งหากประชาชนที่สนใจสามารถร่วมสมทบทุนได้ที่ ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อย กรมสรรพากร เลขที่บัญชี 184-0-01578-7 ชื่อบัญชี กองทุนศูนย์กลางพุทธศาสนาโลกได้ตลอดเวลา ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า การผลักดันโครงการศูนย์กลางพุทธศาสนาแห่งโลก ที่จะเกิดขึ้นในเมืองไทย จะมีความคืบหน้าและสำเร็จเป็นรูปธรรมได้เร็วหรือช้าเพียง แต่หากหลังสถานที่เกิดแล้วต่อไปงานชุมนุมทั้งหมดจะมารวมที่เดียว ไม่กระจัดกระจายไปที่อื่น แม้กระทั่งสถานที่สำหรับพักตลอดระยะเวลาการจัดงาน ซึ่งต้องมีสำนักขึ้นมาบริหารด้วย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook