ใต้วิสามัญฯโจรดับ 2 ศพ

ใต้วิสามัญฯโจรดับ 2 ศพ

ใต้วิสามัญฯโจรดับ 2 ศพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจ-ทหารยะลาวิสามัญโจรใต้ 2 ศพ หลังเข้ามากบดานในพื้นที่เพื่อเตรียมก่อเหตุร้ายพบมีหมายจับเพียบ ด้านทหาร ฉก.15 อ.บันนังสตา ถอดถอนหมาย พ.ร.ก.ราษฎร 18 คน และมีประชาชน 88 คนเข้ารายงานตนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ตามโครงการยะลาร่วมใจ รวมพลังไทย น้อมถวายพ่อแห่งแผ่นดิน ขณะที่ ครม.ประกาศเลิกใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศ รวม 31 จังหวัด โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนใต้และสงขลา แต่ยังคงพื้นที่ อ.สะเดาไว้

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 15 ธ.ค. พ.ท.ยุทธนาม เพชรม่วง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจยะลาที่ 11 สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน ภ.จว.ยะลา จำนวน 50 นาย เข้าปิดล้อมบ้านต้องสงสัยในพื้นที่หมู่ 6 บ.บ่อเจ็ดลูก ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา หลังจากได้สืบทราบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง คือ กลุ่มของนายบุครี กลาตัน อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ 5 หมายของ สภ.เมือง พร้อมพวก กบดานอยู่ในพื้นที่เพื่อเตรียมก่อเหตุ

ในขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารกระจายกำลังปิดล้อมบ้านต้องสงสัย คนร้ายจำนวน 5 คน พร้อมอาวุธปืนสงคราม ได้วิ่งออกจากบ้านต้องสงสัยพร้อมยิงใส่เจ้าหน้าที่ จนเกิดการยิงปะทะกันประมาณ 20 นาที เสียงปืนจึงสงบลง หลังสิ้นเสียงปืนพบว่าคนร้ายเสียชีวิตจำนวน 2 ศพ ทราบชื่อคือ นายบุครี กลาตัน อายุ 27 ปี นอนเสียชีวิตโดยมีอาวุธปืนขนาด 9 มม. อยู่ที่มือขวา ห่างจากศพแรกไปประมาณ 10 เมตร พบศพชายไทยมุสลิมยังไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 25 ปี นอนเสียชีวิตโดยมีอาวุธปืนเอ็ม 16 อยู่ที่มือด้านขวา จึงได้ประสานอัยการจังหวัดและเจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 ยะลา เข้าเก็บหลักฐานทั้งหมด

พ.ท.ยุทธนาม เปิดเผยว่า สำหรับนายบุครี หนึ่งในคนร้ายที่เสียชีวิตนั้น เป็นคนร้ายในระดับหัวหน้ากลุ่มที่รับผิดชอบก่อเหตุในพื้นที่ ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา มีหมายจับในคดีด้านความมั่นคงรวมทั้งสิ้น 5 หมาย ทั้งก่อเหตุยิง-เผาชาวบ้าน และเหตุลอบวางระเบิด 3 ครั้งในพื้นที่ อ.เมืองยะลา โดยกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้คาดว่าเข้ามาในพื้นที่เพื่อเตรียมก่อเหตุ

ส่วนที่หอประชุมศาลาประชาคม ภายในที่ว่าการอำเภอบันนังสตา จ.ยะลา นายเมธี กาญจนพังคะ นายอำเภอบันนังสตา เป็นประธานในพิธีถอดถอนหมาย พระราช กำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พ.ร.ก.) และรายงานตนเพื่อ แสดงความบริสุทธิ์ใจ ของประชาชนในพื้นที่ อ.บันนังสตา ในโครงการยะลาร่วมใจ รวมพลังไทย น้อมถวายพ่อแห่งแผ่นดิน โดยมี พ.อ.นิติ ติณสูลานนท์ ผบ.ฉก.15 อ.บันนังสตา พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ. บันนังสตา หัวหน้าส่วนราชการ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ร่วมเป็นสักขีพยาน

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ ทาง ฉก. 15 อ.บันนังสตา ได้นำราษฎรที่มีข้อมูลเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นใน พื้นที่ และทางหน่วยงานด้านความมั่นคงออกหมายจับและควบคุม ตามหมาย พ.ร.ก. ที่ผ่านกระบวนการดำเนินการพัฒนา (กลับเข้ามาทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่) เมื่อผ่านหลัก สูตรออกมาแล้วราษฎรกลุ่มเหล่านั้น มีความสมัครใจที่จะเข้ารับการอบรมในโครงการประชาร่วมใจทำความดีเพื่อแผ่นดิน โดยในครั้งนี้มีราษฎรที่ผ่านการคัดเลือก จำนวน 18 คน นอกจากนี้มีราษฎรออกมารายงานตนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือรู้เห็น กับเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.บันนังสตา ต่อทางราชการ จำนวน 88 คน ทั้งนี้เพื่อเป็นการถวายเป็นพระราชกุศลในโอกาสวันเฉลิมพระชนม พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ครม.ให้ความเห็นชอบร่างประกาศเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ โดยกำหนดให้ยกเลิกการใช้กฎอัยการศึกในเขตพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรไทย นอกจากในบางเขตพื้นที่ของจังหวัด หรือในเขตพื้นที่ของจังหวัดนั้น ๆ รวม 31 จังหวัดตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ

โดยยกเลิกในพื้นที่ได้แก่ กาญจนบุรี จันทบุรี เชียงราย เชียงใหม่ ชุมพร ตราด ตาก นครพนม นราธิวาส น่าน บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ ปัตตานี พะเยา พิษณุโลก เพชรบุรี มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยะลา ระนอง ราชบุรี เลย ศรีสะเกษ สตูล สงขลา สระแก้ว สุรินทร์ หนองคาย อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์ และอุบลราชธานี โดยเมื่อเปรียบเทียบประกาศเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธ.ค. 2550 กับร่างประกาศฯ ฉบับนี้แล้ว ปรากฏว่าร่างประกาศฯ ฉบับนี้กำหนดให้ใช้กฎอัยการศึกในเขตพื้นที่ ตามที่กำหนดไว้ในประกาศเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ฯ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 เว้นแต่ให้ยกเลิกการใช้กฎอัยการศึกในเขตพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ได้แก่ อ.จะนะ อ.เทพา อ.นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย โดยกำหนดให้ใช้กฎอัยการศึกเฉพาะในเขตพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา

สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียผู้หนึ่งซึ่งขอสงวนนาม เพราะไม่มีอำนาจในการให้ข่าวกับสื่อมวลชน แต่เปิดเผยได้เพียงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นชาวไทยได้ 3 คน และยึดอาวุธเป็นระเบิดแสวงเครื่อง จากบ้านหลังหนึ่งในรัฐกลันตัน ทางเหนือของมาเลเซีย ซึ่งมีพรมแดนติดกับจังหวัดทางภาคใต้ของไทย ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการสืบสวนขยายผล ขณะที่หนังสือพิมพ์ เดอะสตาร์ของมาเลเซีย รายงานโดยอ้างจากแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความมั่นคงว่า อาวุธที่ยึดได้มีวัสดุเช่น ปุ๋ยเคมีที่สามารถนำไปผลิตเป็นระเบิด ซึ่งอาจใช้ในการก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ของไทย.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook