ฝีดาษลิงยืนยันแล้ว 221 รายใน 19 ประเทศ อนามัยโลกลั่นเอาอยู่

ฝีดาษลิงยืนยันแล้ว 221 รายใน 19 ประเทศ อนามัยโลกลั่นเอาอยู่

ฝีดาษลิงยืนยันแล้ว 221 รายใน 19 ประเทศ อนามัยโลกลั่นเอาอยู่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โกลบอล เฮลธ์ โครงการด้านข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์สุขภาพระดับโลก เปิดเผยข้อมูลผู้ติดไวรัสฝีดาษลิงทั่วโลกว่า เมื่อวันพุธ (25 พ.ค.) มีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้ว 221 คน ใน 19 ประเทศทั่วโลก

จำนวนผู้ติดไวรัสฝีดาษลิงตามประเทศ

  • สหราชอาณาจักร 71
    • อังกฤษ 70
    • สกอตแลนด์ 1
  • สเปน 51
  • โปรตุเกส 39
  • แคนาดา 15
  • เยอรมนี 12
  • เนเธอร์แลนด์ 6
  • ฝรั่งเศส 5
  • อิตาลี 5
  • เบลเยียม 4
  • สวิตเซอร์แลนด์ 2
  • สหรัฐ 2
  • ออสเตรเลีย 2
  • เดนมาร์ก 1
  • สโลวีเนีย 1
  • สวีเดน 1
  • สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1
  • สาธารณรัฐเช็ก 1
  • ออสเตรีย 1
  • อิสราเอล 1

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีผู้ต้องสงสัยว่าจะติดเชื้ออีก 88 คน ใน 7 ประเทศ ได้แก่ แคนาดา โมร็อกโก เยอรมนี สเปน สหรัฐ อาร์เจนตินา และอิตาลี

ด้านองค์การอนามัยโลกระบุผ่านเว็บไซต์องค์การสหประชาชาติเมื่อวันอังคาร (24 พ.ค.) ว่าแม้ตัวเลขผู้ติดไวรัสฝีดาษลิงยังเพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่ายังควบคุมได้ และอัตราการแพร่เชื้อของฝีดาษลิงนั้นต่ำมาก

นางโรซามุนด์ ลูอิส หัวหน้าทีมฝีดาษขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่า 

"สิ่งที่เรารู้จักไวรัสนี้และวิธีการแพร่เชื้อคือว่า โรคระบาดนี้ยังควบคุมได้อยู่ สิ่งที่องค์การอนามัยโลกและชาติสมาชิกต้องทำคือการควบคุมโรคนี้และหยุดมันให้ได้ค่ะ" 

องค์การอนามัยโลก ระบุอีกว่า ไวรัสฝีดาษลิงเป็นไวรัสที่อยู่ในกลุ่มไวรัสฝีดาษแต่รุนแรงน้อยกว่า และยังพบได้ในประเทศทางตอนกลางและตะวันตกของแอฟริกา และสามารถแพร่จากสัตว์สู่คนได้ และที่ผ่านมาพบว่าการระบาดจากคนสู่คนนั้นจำกัด โดยมีบันทึกว่าส่งต่อจากคนสู่คนได้สูงสุด 6 ทอด ซึ่งมักแพร่ผ่านของเหลวในร่างกาย แผลบนผิวหนัง ผิวเยื่อบุภายในร่างกาย อย่างเช่น ในปากหรือในลำคอ ละอองฝอยจากการหายใจ และวัตถุปนเปื้อนอื่นๆ

ส่วนอาการนั้น องค์การอนามัยโลก เผยว่า มีระยะฟักตัว 5-21 วัน ผู้ป่วยมักมีไข้ มีผื่นและมักมีตุ่มน้ำเหลืองพุพองปวด ศีรษะรุนแรง ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย ซึ่งจะต้องแยกให้ออกระหว่างโรคนี้กับโรคฝีดาษไก่ โรคหัด และการติดเชื้อผิวหนังอื่นๆ ขณะที่อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 0-11% โดยเด็กอายุน้อยมักมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าช่วงวัยอื่น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook