ย่าเด็ก ป.6 อนาจาร ป.5 อ้างหลานสมาธิสั้น เชื่อแค่หยอก เพราะเด็กคงไม่มีหน้าอกให้จับ

ย่าเด็ก ป.6 อนาจาร ป.5 อ้างหลานสมาธิสั้น เชื่อแค่หยอก เพราะเด็กคงไม่มีหน้าอกให้จับ

ย่าเด็ก ป.6 อนาจาร ป.5 อ้างหลานสมาธิสั้น เชื่อแค่หยอก เพราะเด็กคงไม่มีหน้าอกให้จับ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ย่าเด็ก ป.6 อนาจาร ป.5 อ้างหลานสมาธิสั้น เชื่อแค่เล่นซุกซน เพราะเด็กในวัยประถมคงไม่มีนมให้จับ หลานบอกแค่ยืนเต้นเด้งหน้าเด้งหลังหยอกเพื่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า จากกรณี เด็กนักเรียนชายชั้น ป.6 อายุ 12 ปี ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศเด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.5 อายุ 11 ปี ภายในอาคารเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.ยางสาว อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ จนกลายเป็นข่าวโด่งดัง ต่อมาเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ได้ลงพื้นที่ไปยังโรงเรียนที่เกิดเหตุ จากนั้นได้เดินทางไปยัง อบต.ยางสาว อ.วิเชียรบุรี ร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเพชรบูรณ์ บ้านพักเด็ก สาธารณะสุขอำเภอ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักงานอัยการจังหวัดวิเชียรบุรี เพื่อร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายคือ เด็กหญิงบี (นามสมมุติ) และพูดคุยกับทางครอบครัวของเด็กหญิงบี ณ.ที่ห้องประชุมช้างเผือก อบต.ยางสาว ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ (28 มิ.ย.65) ได้รับแจ้งว่า ผู้ปกครองของนักเรียนหญิงชั้น ป.5 ได้เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.วิเชียรบุรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางตำรวจได้ส่งตัวเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลวิเชียรบุรี เพื่อหาร่องรอยของการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งผลการตรวจอาจจะต้องใช้เวลาถึง 15 วัน จึงจะทราบผล ขณะที่ ผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 3 ได้เรียกตัวผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว มาทำการสอบสวนข้อเท็จจริง ล่าสุดได้มีคำสั่งให้ทางผู้อำนวยการโรงเรียน มาปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการ ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 3 เป็นเวลา 7 วัน โดยไม่ได้ขาดจากตำแหน่งเดิม

ส่วนทางด้านย่าของเด็กชาย ป.6 เปิดเผยว่า หลานชายเป็นเด็กดื้อตามประสาเด็กทั่วไป แต่พฤติกรรมที่จะไปลวนลามหรือทำอนาจารใคร ตนก็ไม่เคยเห็นและไม่เชื่อ อยู่บ้านก็ชอบขี้เล่น ชอบแกล้งพี่แกล้งน้อง ไม่เคยเห็นว่ามีพฤติกรรมอย่างที่ถูกกล่าวหา ส่วนที่มีคนกล่าวหาหลานชายว่า มีพฤติกรรมชอบจับนมและเปิดกระโปงเด็กผู้หญิงเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตนคิดว่ามันเป็นการเล่นซุกซนของเด็กผู้ชายมากกว่า เพราะเด็กในวัยประถมคงไม่มีนมให้จับ เป็นการกล่าวหากันมากกว่า เพราะครูที่โรงเรียนไม่เคยว่ากล่าวเรื่องแบบนี้ แต่เคยมีครูประจำชั้นมาแนะนำให้ตนพาหลานชายไปปรึกษาหมอที่โรงพยาบาลเพราะครูสังเกตุพบว่า หลานชายความจำไม่ดีครูสั่งงานอะไรก็ลืม ตนก็พาไปโรงพยาบาลเพี่อตรวจหาสาเหตุ ผลจากการตรวจหมอบอกว่า หลานชายของตนมีอาการป่วยเป็นโรคสมาธิสั้น แต่ไม่ถึงขั้นเป็นเด็กปัญญาอ่อน และได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลวิเชียรบุรี

ส่วนเรื่องที่ผู้ปกครองของเด็กผู้หญิงเรียกตนไปพูดคุยเรียกค่าเสียหาย 1 หมื่นบาท ตนก็ยอมจ่ายเพื่อให้เรื่องมันจบ เพราะไม่อยากให้เสียเวลาทำมาหากิน และจากที่ตนซักถามหลานชายว่าเรื่องเกิดขึ้นได้อย่างไร หลานเล่าให้ฟังว่าเพื่อนหญิงชวนให้ตนเข้าไปเป็นเพื่อนในห้อง เพื่อไปเอาของ และขณะที่เด็กหญิงก้มหยิบของหลานชายก็ไปยืนเต้นส่ายเอวเด้งหน้าเด้งหลัง อยู่ทางด้านหลังของเด็กหญิงจริง ตนก็พยายามถามหลานว่าได้ทำแบบผู้ใหญ่ทำกันไหม หลานก็งงๆ แบบไม่เข้าใจ สิ่งที่ตนเสียใจมากในตอนนี้คือ คิดว่าหลานชายเป็นต้นเหตุ ทำให้ ผอ.เดือดร้อน ตนได้ให้หลานชายไปขอโทษ ผอ. ซึ่ง ผอ.ก็บอกกับหลานชายตนว่า ขอให้เป็นคนดีนะลูก จากนั้นก็ได้แต่กอดหลานชายร้องให้ แล้วบอกว่าไม่เป็นไร ท่ามกลางกลุ่มชาวบ้านที่กำลังขับไล่ ผอ. 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook