ยายสองพี่น้องเครียด ถูกทวงหนี้กองทุน 2 แสน ทั้งที่ไม่ได้กู้ เจอข่มให้หยุดสู้คดี

ยายสองพี่น้องเครียด ถูกทวงหนี้กองทุน 2 แสน ทั้งที่ไม่ได้กู้ เจอข่มให้หยุดสู้คดี

ยายสองพี่น้องเครียด ถูกทวงหนี้กองทุน 2 แสน ทั้งที่ไม่ได้กู้ เจอข่มให้หยุดสู้คดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(3 ก.ค.65) ผู้สื่อข่าวได้รับร้องเรียนขอความช่วยเหลือจาก นางบุญส่ง บุญกระสินธุ์ อายุ 79 ปี และ นางละมัย นพสกุล อายุ 67 ปี สองพี่น้องซึ่งมีอาชีพเก็บของเก่าขาย ว่า ตนกับน้องสาวได้รับหนังสือทวงหนี้เงินกู้ยืมจากกองทุนพัฒนาสตรีอำเภอบางใหญ่ เป็นเงินจำนวน 2 แสนบาทพร้อมอัตราดอกเบี้ย ทำให้ตนกับน้องสาวตกใจเป็นอย่างมากเพราะตนกับน้องมีอาชีพเก็บของเก่าขายประทังชีวิตกับได้รับเงินช่วยเหลือคนชราคนละ 600 บาทต่อเดือน ไม่เคยไปเซ็นกู้หนี้ยืมหนี้สินจากใครมาก่อนเลย แต่จู่ ๆ มีหนังสือจากอำเภอบางใหญ่มาทวงเงินถึง 2 แสนบาท ทั้งๆ ที่ตนกับน้องสาวไม่เคยกู้ไม่เคยทำธุรกรรม ทำให้ตนกับน้องสาวถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าจะชี้แจงหรือทำอย่างไรกับหนังสือทวงหนี้ฉบับนี้ จึงได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.บางแม่นาง แต่สุดท้ายคดีก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ

นางบุญส่ง วัย 79 ปี กล่าวอีกว่า เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมามีคนโทรศัพท์มาแจ้งกับคนในครอบครัวตนว่า ขอให้เรื่องนี้จบลงได้ไหม อย่าค้าความหรือสู้คดีอีก เพราะนอกจากตนกับน้องจะไม่มีเงินจ้างทนายมาสู้คดีแล้วยังจะต้องหาเงินมาใช้หนี้จำนวนนี้อีกด้วย แต่ตนกับน้องสาวไม่กลัวเพราะชีวิตนี้อายุก็มากกันแล้ว จะขอต่อสู้เพื่อขอความเป็นธรรมต่อไป ตนกับน้องสาวไม่เคยเอาเอกสารหรือบัตรประชาชนใดๆ ไปยื่นกู้เงินมาก่อนเลย แล้วทำไมจะต้องมาใช้หนี้จำนวนมากขนาดนี้ทั้งๆที่ไม่เคยได้รับเงินมาแม้แต่บาทเดียว แต่ถ้าจะให้ตนกับน้องจบเรื่อง ก็ต้องหาตัวคนที่นำชื่อนำเอกสารปลอมไปยื่นกู้เงินจากกองทุนพัฒนาสตรีอำเภอบางใหญ่มาดำเนินคดี แล้วยกเลิกหนังสือแจ้งหนี้ให้น้องสาวตนเองก่อน

นางบุญส่ง กล่าวว่า สภาพจิตใจในตอนนี้ตนกับน้องสาวเครียดกันเป็นอย่างมาก อยากวิงวอนให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เข้ามาดูแลตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อให้ความเป็นธรรมกับตนและน้องสาวด้วย ตนเชื่อว่าเรื่องนี้ต้องมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในอำเภอบางใหญ่บางคน มีส่วนรู้เห็นในการทำเอกสารปลอมไปยื่นกู้เงินกับกองทุนนี้แล้วก็อนุมัติให้กู้เงินกันไป ตนกับน้องสาวจึงขอความเป็นธรรมผ่านสื่อไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีเร่งตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย

นางบุญส่ง กล่าวอีกว่า ทุกวันนี้ตนเองก็ขาไม่ดีเดินไกลๆ ไปเก็บของเก่ามารวมไว้ขายไม่ได้ จึงเหลือแต่น้องสาวเพียงคนเดียวที่ยังพอจะตื่นแต่เช้าไปเดินเก็บของเก่าหน้าร้านสะดวกซื้อได้ เดือนหนึ่งก็จะขายได้ประมาณพันกว่าบาทมาเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว ตนอยากฝากถามไปถึงคนที่ทำเรื่องแบบนี้ว่า เอาสมองส่วนไหนคิดถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ เอาชื่อคนแก่ไปกู้เงินแล้วเอาเงินไปใช้เพื่อความสุขของตัวเองแต่กลับเอาทุกข์เอาหนี้มาทำให้คนแก่เดือดร้อน มันถูกต้องหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบหนังสือทวงหนี้ฉบับดังกล่าว พบว่า เป็นหนังสือซึ่งออกโดยที่ว่าการอำเภอบางใหญ่ เลขที่ นบ 0319/ว 448 ลงวันที่ 12 ก.พ.63 ซึ่งแจ้งการลดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ถึงนางละมัย นพสกุล พร้อมใบทะเบียนคุมลูกหนี้ ในชื่อโครงการกลุ่มอาชีพแปรรูปผลไม้ตามฤดูกาล จำนวนเงินกู้ 2 แสนบาท โดยมีชื่อของนางละมัย นพสกุล อยู่ในรายชื่อของสมาชิกผู้ร่วมเสนอโครงการดังกล่าวด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook