นพดลรับ ลูกสุรยุทธ์รับเป็นคนกลาง เจรจาทักษิณ

นพดลรับ ลูกสุรยุทธ์รับเป็นคนกลาง เจรจาทักษิณ

นพดลรับ ลูกสุรยุทธ์รับเป็นคนกลาง เจรจาทักษิณ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คมชัดลึก : “ นพดล” รับลูก "สุรยุทธ์” เสนอตัวเป็นคนกลางแก้ปัญหา พร้อมยื่นเงื่อนไขทางออกยุติปัญหา 3 ข้อ "ใช้ รธน. ปี 40 - ยุบสภา - เลือกตั้งใหม่" พร้อมพิจารณายุติคดีความ

 

(20ธ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 10.30 น. นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีรมว.ต่างประเทศ แถลงข่าวกรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี เสนอจะเป็นคนกลางเจรจา พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า หลังจากการรัฐประหาร พ.ต.ท.ทักษิณ เคยโทรหา พล.อ.สุรยุทธ์ 2 ครั้ง หลังรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการรัฐประหาร ประเด็นที่สำคัญ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมการพูดคุยกับฝ่ายต่างๆ ในสังคมที่ร่วมมือกันยึดอำนาจ แต่ต้องไม่มีการกลั่นแกล้งการเมือง ซึ่งการปรบมือก็ต้องตบทั้งสองข้าง ปรบมือข้างเดียวไม่ดัง ดังนั้นการพูดคุยจึงต้องเต็มใจทำทั้งสองฝ่ายด้วยความจริงใจ ซึ่งตนต้องการย้ำความจำพล.อ.สุรยุทธ์ ดังกล่าว

 ส่วนแนวทางการเจรจา นายนพดล กล่าวว่า การเสนอตัวว่าพร้อมเป็นคนกลางในการเจรจานั้น พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นอย่างไรนั้น ขอตอบว่าพ.ต.ท.ทักษิณยินดีที่จะพูดคุย แม้ว่าครอบครัวจะถูกกระทำ มีความทุกข์อย่างแสนสาหัส แม้ทรัพยสินถูกอายัดทั้งหมด ซึ่งได้มาก่อนเป็นนายกฯ หรือแม้จะโดนคดีความต่างๆ ท่านก็พร้อมหากการพูดคุย ถ้าจะทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ แต่มีข้อแม้ว่าการพูดคุยต้องจริงจังและจริงใจ เพราะว่าคนที่รักประชาธิปไตยที่ไม่ชอบการยึดอำนาจ ไม่ชอบกระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน ไม่ชอบการเล่นพรรคเล่นพวก และประชาชนที่สงสาร พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี เขาไปไกลเกินกว่าที่จะมาหลอกยื่นไมตรีอย่างไม่จริงใจแล้ว

 “ดังนั้นหากเราไม่รีบพูดคุย มีสุภาษิตคำพูดสองคำ ที่อยากจะฝากไปยังฝ่ายอำมาตย์ว่า ถ้าไม่มีความยุติธรรม ความสามัคคีไม่เกิด และถ้าตราบใดที่เรายังใช้สองมาตรฐานบ้านเมืองก็จะแตกแยก สำหรับปีใหม่นี้สโลแกนทั้งสองยังต้องใช้ได้อยู่” นายนพดล กล่าวและว่า

 พ.ต.ท.ทักษิณ ก็อยากให้บ้านเมืองสงบสุข ทุกคนเดินหน้าต่อไปได้ ตอนนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ ก็พูดชัดเจนว่าบ้านเมืองเราแตกแยก มีปัญหาทางการเมือง เราต้องหาทางออก การพูดคุยกันเท่านั้นจึงจะหาทางออกได้ ถ้าพล.อสุรยุทธ์จะติดต่อมาหาตน หรือติดต่อไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกฯก็ได้พร้อมพูดคุย แต่หลักการการพูดคุย เราจะต้องให้บ้านเมืองย้อนกลับไปก่อนวันที่ 19 ก.ย.2549 เราต้องมีรัฐธรรมนูญที่เป็นธรรม เราต้องเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการเอาข้อกล่าวหาไปถาโถมให้ท่านโดย ไม่เป็นธรรม การตั้งคตส.ที่เอาคนซึ่งเป็นศัตรูทางการเมืองท่าน มาสอบสวนเรื่องราวของท่าน เราต้องทำให้ทุกส่วนมีความมั่นใจว่าพร้อมเจราจากันอย่างจริงจัง ” นายนพดลกล่าวย้ำ และว่า

 พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกฯ ได้ฝากขอบคุณ พล.อ.สุรยุทธ์ ที่ได้ให้สัมภาษณ์ทำนองว่าพร้อมเจราจา ดีใจที่รู้ว่าบ้านเมืองมีปัญหา และพ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมคุยเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ลืมตาอ้างปากได้ หลังมีการยึดอำนาจ 3 ปี แต่การพูดคุจะต้องจริงจังและจิรงใจและบรรลุถึงความป็นธรรมอย่างแท้จริง

 เมื่อถามว่าหมายความว่าคดีต่างๆ จะต้องล้มเลิก ใช่หรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการกำหนดเงื่อนไขตอนนี้ เพราะถ้ากำหนดเงื่อนไขไปก็อาจจะไม่มีการพูดคุยกัน แต่ก็ต้องคำนึงถึงด้วย ต้องยอมรับว่า รธน. ปี 50 ไม่เป็นประชาธิปไตย ถ้าอีกฝ่ายที่อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจ ยังคิดว่าอำนาจตัวเองยิ่งใหญ่กว่าอำนาจประชาชน แล้วยังคิดว่ายึด รธน. ปี 50 ยังดีอยู่ก็เสียเวลาที่จะมาพูดคุยกัน ตนคิดว่าประชาชนต้องการ ความเป็นธรรม และรธน.ปี 40 มากกว่า เพราะร่างมาจากประชาชน
 ส่วนคดี ความต่างๆ เช่น คดีการซื้อขายดินรัชดา ฯ ที่พยามบอกว่าอดีตนายกฯเป็นนักโทษชาย (นช.) หนีคดี ต้องเข้าใจว่าคดีนี้ผู้พิพากษองค์คณะ 5 ต่อ 4 เสียงที่เห็นว่าผิด ส่วนที่มองว่าไม่ผิดมี 4 เสียงซึ่งก้ำกึ่งกันมาก และคดีนี้จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องคอรัปชั่น แต่เป็นการประมูลที่ดินของคุณหญิงพจมาน ที่ชนะประมูลราคาสูงสุด โดยที่อดีตนายก ฯ ไม่ได้ใช้อำนาจช่วยเหลือ ซึ่งถ้าทุจริตก็ต้องตั้งบริษัทนอมินี เข้าประมูล ขณะที่การประมูลกองทุนฟื้นฟู ฯ บอกว่าประมูลได้ โดยเรื่องแบบนี้ ไม่มีที่ใด เอาคนที่เป็นปรปักษ์กันมาไต่สวนคดีอีกฝ่ายหนึ่งเพราะมันไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งมันไม่มีความเป็นธรรม ขณะที่การมองความผิดของคนอื่น เราจะเห็นเท่าภูเขา แต่ความผิดของตัวเองเห็นเท่ารูเข็ม

 เมื่อถามว่าต้องไม่มีเรื่องคดีความหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า ต้องให้ความเป็นธรรมต่อกัน เพราะไม่มีที่ไหนในโลก เอาคนที่เป็นปรปักษ์กันมาไต่สวนคดีอีกฝ่ายหนึ่งเพราะไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีความเป็นธรรม ขณะที่การมองความผิดของคนอื่น เราจะเห็นเท่าภูเขา แต่ความผิดของตัวเองเห็นเท่ารูเข็ม ขณะที่คดีนี้เกิดขึ้นหลังยึดอำนาจที่ขัดต่อหลักประชาธิปไตย

 เมื่อถามต่อว่า ถ้าเกิดการเจรจามีผล ยืนยันได้หรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะสั่งให้เสื้อแดงหยุดเคลื่อนไหวได้ นายนภดล กล่าวว่า ถ้าเจรจาพูดคุยกันได้ มีทางออกทุกฝ่ายยอมรับ มี 3 ข้อที่จำเป็นต้องอยู่ในการจรจาด้วย คือ 1. มีรัฐธรรมนูญ 2540 หรือมีเนื้อหาใกล้เคียงมาประกาศใช้ 2.ยุบสภา และ 3.มีการเลือกตั้งใหม่ อีกทั้งทุกฝ่ายทุกสีต้องให้สัตยบรรณร่วมกันว่า ต้องยอมรับผลการเลือกตั้ง และไม่ไปดำเนินการใดๆนอกสภาที่จะทำให้การบริหารราชการแผ่นดิน หรือการบริหารประเทศเดินไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นมันก็วนกลับมาเหมือนเดิมใช่หรือไม่ ตนไม่สามารถพูดแทนคนเสื้อแดงได้ แต่คิดว่าถ้ามีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย มีความเป็นธรรมให้ฝ่ายเสื้อแดง และพ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อมีการยุบสภา เลือกตั้งใหม่วิธีเดียวที่จะให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ คือทุกคนต้องยอมรับผลการเลือกตั้งนั้น เพราะถ้าไม่มีความมั่นคงทางประชาธิปไตย จะไม่มีความมั่นทางการเมือง เมื่อไม่มีความมั่นคงทางการเมืองจะไม่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ตอนนี้ไม่ใช่สูญญากาศทางการเมืองนะ แต่เป็นคุกรุ่นทางการเมือง มันเหมือนภูเขาไฟที่รอวันระเบิด เหมือนระเบิดเวลาที่รอระเบิด ขอเตือนรัฐบาลอีกนิดว่า อย่าประเมินศักยภาพของฝ่ายที่รักประชาธิปไตยต่ำเกินไป เพราะการกดขี่ขมเหงที่รัฐบาลทำทุกวี่ทุกวัน มันเป็นการเพิ่มกระแสพลังของฝ่ายที่เรียกร้องประชาธิปไตย ให้มีมากขึ้น

 เมื่อถามว่า แนวทาง 3 ข้อที่เป็นเงื่อนไขการเจรจา มากเกินไปหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า การเจรจาต้องกลับคืนสู่สถานะเดิม เพราะฝ่ายยึดอำนาจเป็นคนกระทำ บ้านเมืองจึงไม่สงบมาถึงทุกวันนี้ การไล่ล่า การล้างแค้นกันไม่ควรมี เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ถ้าเราบรรลุความปรองดอง สมานฉันท์ ทุกฝ่ายยอมรับได้ก็ควรยุติเพียงแค่นั้น แล้วทุกอย่างให้ว่ากันตามกฎหมาย โดยมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย มีองค์กรที่ตัดสินชี้ขาดตัดสินคดีตามข้อเท็จจริงและกฎหมาย

 เมื่อถามว่าผลการเจรจาสำเร็จ พ.ต.ท.ทักษิณก็ยุตบทบาททางการเมือง นายนพดลตอบว่า อย่าลืมท่านบอกว่าไม่ประสงค์จะกลับมาเป็นนายกฯ ท่านไม่ใช่เด็กดื้อ เป็นผู้ใหญ่ที่รับฟัง พร้อมที่จะคุยกับทุกฝ่ายหาทางออกให้บ้านเมือง เมื่อถามว่าท่านจะยุติบทบาททางการเมืองโดยสิ้นเชิงหลังเจรจา นายนพดลตอบว่า ไปพูดคุยในช่วงเจรจาก็แล้วกัน จะพูดตอนนี้แทนท่านเลยก็กะไรอยู่ แต่ท่านไม่ใช่คนดื้อที่จะดันทุรัง ท่านคิดว่าถ้าได้ข้อยุติความปรองดองในชาติทุกเรื่องแล้ว คิดว่าคุยกับท่านได้ ท่านพร้อมรับฟัง

 

 "สุเทพ"ปัดเจรจา“ทักษิณ”ชี้ตั้งเงื่อนไขสุดโต่ง

  นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า การเจรจาเป็นลู่ทางหนึ่งในทุกเรื่อง แต่สำคัญว่าจะเจรจาอย่างไร    อย่างที่เคยบอกแล้วว่าถ้าจะให้ตนไปเจรจาแล้ว ฝ่ายพ.ต.ท.ทักษิณ มีข้อแม้ว่า 1 .ต้องไม่ติดคุก 2 .ต้องไม่ดำเนินคดีความใด ๆ ทั้งสิ้น และ 3 .ต้องคือนเงินทั้หมดให้ แม้ว่าเงินนั้สนจะได้มาโดยไม่ถูกกฎหมาย แบบนี้ก็เจรจาด้วยไม่ได้   แต่ถ้าคนอื่นมีเงื่อนไขดีกว่านี้ไปเจรจาก็ลองดู    
 
 เมื่อถาม ว่า   หากเงื่อนไขเป็นเพียงให้แก้รัฐธรรมนูญ และให้มีการเลือกตั้งใหม่เพื่อให้ประชาชนตัดสิน จะยอมรับกันได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า   ตนว่าอย่าเพิ่งไปคาดการณ์เลย   เพราะตนและประชาชนก็คาดได้ว่าอีกฝ่ายเขาต้องการอะไร   ประเมินจากการเคลื่อนไหวอย่างหนักหน่วงของพ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณ พยายามหาทางต่อรอง หาทางเจรจา เพียงแต่ถ้าเงื่อนไขมันเป็นอย่างนั้นอย่างที่ตนบอกไปแล้วเราก็ทำยาก   แต่ถ้าไม่ใช่เงื่อนไขที่เป็นอย่างนั้นก็ค่อยมาว่ากัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook