คลิปครูตบบ้องหูนักเรียน ว่อนโซเชียล เรื่องพลิกเด็กยอมรับผิด-แม่อนุญาตให้ลงโทษได้

คลิปครูตบบ้องหูนักเรียน ว่อนโซเชียล เรื่องพลิกเด็กยอมรับผิด-แม่อนุญาตให้ลงโทษได้

คลิปครูตบบ้องหูนักเรียน ว่อนโซเชียล เรื่องพลิกเด็กยอมรับผิด-แม่อนุญาตให้ลงโทษได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คลิปครูตบบ้องหูนักเรียน ว่อนโซเชียล เรื่องพลิกเด็กยอมรับผิดที่มาสาย แม่ชี้ครูไม่ได้ทำรุนแรง อนุญาตให้ลงโทษได้เลย

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 3 ได้โพสต์คลิปขณะที่ครูทำโทษนักเรียนชาย 2 คน ด้วยการตบหน้า โดยข้อความระบุว่า "#เหรียญต่างมุมมอง รบกวนช่วยลงคลิปเป็นกระบอกเสียงหน่อยค่ะ เหตุคืออาจารย์ได้ทำโทษนักเรียนโดยการใช้มือตบตามใจคลิปเลยค่ะ โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในชลบุรี ย่านศรีราชาค่ะ ยังไม่รู้หนักเบาของความผิดที่เด็กทั้งสองได้ทำค่ะ แต่ครูท่านนี้มีพฤติกรรมลงโทษเด็กแบบนี้อยู่แล้วค่ะ มีเด็กหลายรุ่นที่โดนแล้วพูดกัน ส่วนตัวเห็นว่าไม่ว่าเด็กจะผิดแค่ไหนแต่ลูกหลานของท่านก็ไม่ควรได้รับบทลงโทษที่มีการใช้ความรุนแรงขนาดนี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ -รุ่นน้องในโรงเรียนลงไว้ในทวิตเตอร์เมื่อวานค่ะแต่มีคนรีทวิตน้อย จึงกลัวเรื่องจะเงียบค่ะ"

ล่าสุด (8 ส.ค.65) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบกรณีดังกล่าวที่โรงเรียนบริษัทไทยกสิกรสงเคราะห์ หมู่ 1 ตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยไปพบกับ นายสิทธิโชค ศรีดี รอง ผอ.สถานศึกษา รักษาการ ผอ.รร.บริษัทไทยกสิกรสงเคราะห์ พร้อมได้เชิญ นางสาวณัชชา (สงวนนามสกุล) ครูสอนคอมพิวเตอร์เป็นบุคคลที่อยู่ในคลิป รวมทั้ง นางสาววันวิสา (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ผู้ปกครองของเด็กชายพัฒน์ (นามสมมุติ) เด็กนักเรียนชั้น ม.2 ที่อยู่ในคลิปมาสอบถามในกรณีดังกล่าว

โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ครูได้ให้นักเรียนมากรอกแบบสอบถามโดยต้องลงทะเบียนในคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะต้องใช้เลขประจำตัว 13 หลัก ในการล็อกอินเข้าใช้เครื่องด้วย ซึ่งเด็กนักเรียนที่อยู่ในคลิปจำนวน 3 คน ได้เข้าห้องเรียนสาย แต่ครูก็ไม่ได้ลงโทษอะไรให้เด็กไปทำการกรอกแบบสอบถาม แต่เด็กทั้งสามคนจำเลข 13 หลักของตนเองไม่ได้ จึงล็อกอินเข้าคอมไม่ได้ ครูที่อยู่ในคลิปจึงบอกให้เด็กไปนั่งโต๊ะคอมด้านหน้าที่เพื่อนกรอกข้อมูลเสร็จแล้ว โดยใช้มือตีไปที่ต้นคอของเด็กจริงซึ่งก็ไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายเด็ก เพียงแค่เจตนาให้เด็กไปนั่งด้านหน้าเท่านั้น ซึ่งครูเองก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งมีเด็กนักเรียนถ่ายคลิปแล้วไปลงในโลกโซเชียลจนเป็นกระแสข่าวขึ้นมา ส่วนเด็กนักเรียนก็ไม่โกรธครูและยอมรับว่าตนเองผิดที่มาสายจริง แต่ตอนโดนลงโทษก็รู้สึกเจ็บบ้างนิดหน่อย ด้านผู้ปกครองไม่ถือโทษโกรธคุณครูพร้อมยังยินดีให้ครูสามารถลงโทษบุตรชายได้อีกด้วย

นายสิทธิโชค ศรีดี รักษาการ ผอ. เปิดเผยว่า ปกติครูณัชชาจะเป็นคนตั้งใจสอน ตั้งใจกับการปฏิบัติหน้าที่ของครูเป็นอย่างมาก จะมีอุปนิสัยพูดจาค่อนข้างเสียงดังทำให้เด็กกลัว และเป็นครูคนเดียวที่สามารถควบคุมนักเรียนชั้นมัธยมให้เชื่อฟังได้ โดยเด็กชายพัฒน์ (นามสมมุติ) เปิดเผยว่า ในวันดังกล่าวตนเองได้เข้าห้องเรียนสาย จึงถูกครูทำโทษด้วยการตบบ้องหู ตอนนั้นไม่ค่อยรู้สึกอะไร เนื่องจากตนเองก็ทำผิด เข้าห้องเรียนสาย ตอนนั้นครูให้เข้าไปในเว็บไซต์แล้วให้ไปตอบแบบสอบถาม แต่จำเลข 13 หลักไม่ได้ จึงลงโทษด้วยการตบหูแล้วให้ไปนั่งใช้คอมพิวเตอร์ด้านหน้า ตนเองก็รู้สึกโกรธนิดหน่อย ซึ่งวันนี้ได้ฟังเหตุผลคุณครูแล้วตนเองก็ต้องยอมรับผิดที่ตนเองมาสาย และตอนนี้ตนเองก็ไม่ได้โกรธอะไรครูแล้ว

ด้าน นางสาวณัชชา ครูสอนคอมพิวเตอร์ เปิดเผยว่า ในเหตุการณ์ดังกล่าวเด็กอยู่ในห้องคอมพิวเตอร์แต่เด็กนักเรียนมาสาย การเข้าคอมพิวเตอร์ของโรงเรียนเด็กต้องใช้รหัส 13 หลักเป็นพาสเวิร์ด และเลขประจำตัวเป็นยูสเซอร์ แต่เด็กจำเลข 13 หลักของตนเองไม่ได้ ครูจึงให้ไปทำงานหน้าห้องและได้ใช้มือตบไปด้วยหนึ่งครั้งแต่ไม่ได้รุนแรงอะไร และก็ไม่ได้คิดอะไรและไม่คิดว่าจะมีใครมาถ่ายคลิป พอภาพออกไปสังคมที่มองครูว่าใช้ความรุนแรง แต่จริงๆ ก็ไม่ถึงขนาดนั้นก็เข้าใจว่ายุคเปลี่ยนไป วัยเปลี่ยนไป ตอนนี้อาชีพครูก็อยู่ยากขึ้น ซึ่งผู้ปกครองบางคนยังบอกให้ครูตีได้เลย แต่ครูก็ไม่ได้ทำตาม ให้ผู้ปกครองไปจัดการเองจะดีกว่า

เหตุการณ์ครั้งนี้ก็แค่ไล่ให้เด็กไปนั่งด้านหน้าเท่านั้นเอง โดยตนเองตอนนี้ก็รู้สึกหมดกำลังใจ คนเป็นครูถ้าสอนไปแล้วเด็กแอบถ่ายคลิปเอาไปลงก็รู้สึกว่าทำไมเด็กไม่เห็นความหวังดีของครู เหมือนกับว่าครูจะสอนจะจะดุอะไรเด็กก็จ้องจะถ่ายคลิปครูลงไป ก็จะทำให้ครูรู้สึกว่าจะดุเด็กก็ไม่ได้ ซึ่งคนเป็นครูไม่ได้สอนแค่ให้ความรู้ แต่สอนทั้งนิสัยใจคอ สอนมารยาท การอยู่ร่วมกันในสังคม สอนให้เคารพกฎกติกามารยาททางสังคม สอนการดำเนินชีวิตให้เด็ก คนเป็นครูก็หวังดีกับเด็กทุกคน อยากให้เด็กเป็นคนดีเท่านั้นเอง หลังจากได้คุยกับผู้ปกครองแล้วก็สนิทกัน ผู้ปกครองยังอนุญาตให้ลงโทษตีเด็กได้ก็เข้าใจว่าเด็กสมัยนี้อยู่ในมือถือ อยู่ในโลกโซเชียลมากกว่า เหมือนสมาธิเด็กสั้นลง ไม่ค่อยอยากฟังที่ครูสอน อยู่กับระบบ Touch สัมผัสการเลื่อนจอไปเร็วๆ มากกว่า เด็กก็ไม่ได้ดื้ออะไรมาก แต่เด็กไม่ค่อยสนใจเรื่องเรียนมากกว่า

ด้าน นางสาววันวิสา อายุ 40 ปี ผู้ปกครองของเด็กชายพัฒน์ (นามสมมุติ) เปิดเผยว่า ตนเองเข้าใจคุณครูเพราะรู้ว่าลูกของตนเป็นคนยังไงสิ่งที่ครูทำไปก็เป็นผลดีกับลูก ครูไม่ได้ทำรุนแรงอะไรมากเกินไป เพราะรู้ว่าลูกอยู่บ้านเป็นยังไง ไม่ติดใจครูเหมือนเดิมทุกอย่าง ก็อยากให้คุณครูดูแลนักเรียนแบบนี้ต่อไป หลังจากนั้นเมื่อทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยกันจบแล้ว ทางผู้ปกครองก็ได้ขออภัยคุณครูที่เกิดเป็นกระแสดราม่าขึ้นมา ทำให้คุณครูไม่สบายใจ และอยากให้ครูดูแลสั่งสอนเด็กนักเรียนแบบนี้ต่อไป ซึ่งทางคุณครูเองก็ยอมรับและจะพยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook