สมานฉันท์สายเกินไปทักษิณลั่น

สมานฉันท์สายเกินไปทักษิณลั่น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ชี้3เงื่อนไขยุติศึกแดง กษิตยอมรับเอกสารของจริง ปัดจ้องทำร้ายแม้ว-ฮุนเซน

แม้ว พร้อมเคลียร์ยุติปัญหาชาติแต่ต้องจริงใจไม่กลั่นแกล้งทางการเมือง พร้อมเสนอ 3 ข้อ นำรัฐธรรมนูญ 40 กลับมา ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ แลกกับเสื้อแดงหยุดเคลื่อนไหว และทุกฝ่ายต้องลงสัตยาบันยอมรับผลการเลือกตั้ง มาร์ค โต้ ตู่ แฉเอกสารลับบิดเบือน เชื่อเป็นการโหมโรงปลุกเร้ากระแสก่อนชุมนุมใหญ่ปีหน้า ลั่น ไม่เต้นตามเกม พร้อมปัดความปรารถนาดี บิ๊กแอ้ด เป็นกาวใจเคลียร์ แม้ว อ้างไม่ได้ยินกับหู ยันรัฐบาลไม่ต่อรองเว้นแต่ ทักษิณ จะยอมรับกฎหมายไทยก่อน กษิต เปิดปากเอกสารลับของจริง แต่อ้างไม่มีความคิดทำร้าย แม้ว

* มาร์คโต้เอกสารลับบิดเบือน

เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่จตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ยังพยายามเปิดเผยเอกสารลับต่อว่า ตัวเอกสารเป็นเรื่องของการสรุปและ วิเคราะห์สถานการณ์ รัฐบาลมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าการตัดสินใจทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานประโยชน์ของประเทศ การนำเสนอเอกสารมีความพยายามที่จะบิดเบือนทำให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศ ไม่เข้าใจว่าผู้ทำต้องการอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการ ซ้ำเติมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาให้หนักขึ้นหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่มีผลมาก เพราะคนกลุ่มเดียวกันไปดำเนินการให้ข้อมูลที่ผิดกับกัมพูชาตลอดเวลาอยู่แล้ว ต่อข้อถามว่า คิดว่าข้อมูลนี้ตกไปถึงมือสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาแล้วหรือยัง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จากความเข้าใจของทางฝ่ายกัมพูชาหลายเรื่องมันไม่ตรงกับความเป็นจริง เป็นเรื่องที่น่าเสียดายว่ามีคนไทยกลุ่มหนึ่งไปทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นประโยชน์กับประเทศ

* ประกันไม่เต้นตามแรงยั่วยุ

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่มีความพยายามพูดถึงการขยายขอบเขตปัญหาไป จนถึงการทำสงครามระหว่างประเทศ นาย อภิสิทธิ์กล่าวว่า เราจะดูแลไม่ให้สถาน การณ์ลุกลาม จะเห็นว่าระยะหลังเราไม่ได้ตอบโต้อะไร เราถือว่าได้วางความสัมพันธ์ในจุดที่เหมาะสมกับการกระทำที่เกิดขึ้น และจะไม่ไปตอบสนองการยั่วยุทุกรูปแบบ รัฐบาลนี้คงไม่ไปเต้นตามจังหวะในเรื่องของ การยั่วยุ

ต่อข้อถามว่า มองว่าเป็นการนำเรื่องนี้มาโหมโรงก่อนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อ แดงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงเป็นอย่างนั้น เพราะในการชุมนุมแต่ละครั้งมีความพยายามที่จะเอาบางเรื่องมาสร้างเป็นเงื่อนไข เมื่อถามต่อว่า คิดว่าการชุมนุมในเดือน ม.ค. ของกลุ่มคนเสื้อแดงจะรุนแรงมากกว่าเดือน เม.ย. 51 ที่ผ่านมาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะเป็นอย่างไร เพราะการชุมนุมแต่ละครั้งไม่เหมือนกัน

* ลั่นไม่ต่อรองกับ แม้ว

ต่อข้อถามว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ระบุว่าจะเป็นคนกลาง ประสานระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกับรัฐบาล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ช่วงที่ พล.อ.สุรยุทธ์ พูดตนไม่ได้อยู่เมืองไทย แต่อ่านจากหนังสือพิมพ์เหมือน กัน ท่านตอบคำถามว่า ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณโทรศัพท์มาคุยด้วยจะคุยหรือไม่ ท่านก็บอกว่าคุย ท่านตอบคำถามแค่นี้

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่มีการส่งสัญญาณอาจมีการใช้ความรุนแรงเพื่อเจรจาระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับรัฐบาล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การเอาเรื่องความรุนแรงมาต่อรอง อาจจะมีแนวคิดจากคนรอบ ๆ ตัวก็ได้ ตน ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีการเอาเรื่องนี้มาต่อรอง เพราะจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อไปในอนาคต กลายเป็นว่าใครทำความเสียหายให้กับประเทศก็มีสิทธิที่จะเรียกร้อง เมื่อถามว่าช่องทางการเจรจาระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับรัฐบาลปิดตายแล้วใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรปิดตาย แต่ตนยืนยันจุดยืนเดิมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องยอมรับระบบกฎหมายไทย เมื่อไหร่ที่ยอมรับสังคมก็ให้อภัย

* วอนหยุดให้คนมีความสุขบ้าง

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายจตุพรขู่จะเปิดเอกสารชุดที่ 2 เปิดโปงแผนลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า นายจตุพรเอาเรื่องราวที่กระทบกับความรู้สึกของประชาชนออกมาเขย่าอยู่เรื่อย จะปีใหม่แล้วให้โอกาสคนไทยได้มีความสุขบ้างเถอะ ตนยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่มีจิตคิดร้ายต่อใครเป็นการส่วนตัว ไม่ได้ตั้งเป้าจะไล่ล่าหรือสังหารอดีตนายกฯ ทั้งหมดที่ทำก็ทำไปตามหน้าที่ เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ หนีคำพิพากษาของศาลก็ต้องตามตัวกลับมา แต่ไม่ทำอะไร นอกกฎหมายเด็ดขาด

เมื่อถามว่า จะมีการตรวจสอบหรือ ไม่ที่เอกสารลับหลุดไปสู่มือคนนอก นาย สุเทพกล่าวว่า เป็นหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศต้องทำให้กระจ่าง ในส่วนของฝ่ายความมั่นคงตนยังไม่ทราบว่าเอกสารนั้นจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามตนก็คาดการณ์อยู่แล้วว่า เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ย้ายฐานจากดูไบมาอยู่ที่กัมพูชา คงพยายามเร่งเกมทางการเมืองให้รุนแรงขึ้นเพื่อไม่ให้ตัวเองติดคุก ได้เงินได้อำนาจคืนมาทุกอย่าง แต่มันไม่ใช่วิถีทางในระบอบประชาธิปไตย

* ขอเจรจาต้องไม่มีเงื่อนไข

เมื่อถามว่า เนื้อหาในเอกสารลับบางส่วนมีบางตอนที่อาจทำให้สมเด็จฮุนเซนมองว่าไทยไปก้าวล่วงกิจการภายในของกัมพูชา ซึ่งจะทำให้การฟื้นฟูความสัมพันธ์เหมือนปิดทางไปเลย นายสุเทพกล่าวว่า ปัญหาความสัมพันธ์ไทยกัมพูชามันยากแล้ว เมื่อ พ.ต.ท. ทักษิณ ไปอยู่ที่กัมพูชาใช้เป็นฐานบัญชาการ ที่จริงเราต้องต่อว่ากัมพูชา ว่าไม่ควรให้คนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ไปตั้งหลักตั้งฐานบัญชา การมาทำร้ายประเทศไทยด้วยซ้ำ

นายสุเทพยังกล่าวถึง พล.อ.สุรยุทธ์จะเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองว่า การเจรจาก็เป็นลู่ทางหนึ่งแต่ว่าจะเจรจาอย่างไร อย่างที่บอกถ้าไปเจรจาแล้วเกิดฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ มีข้อแม้ว่า 1.ต้องไม่ติดคุก 2.ต้องไม่ดำเนินคดีความใด และ 3.ต้องคืนเงินทั้งหมดให้ แบบนี้ตนก็เจรจาด้วยไม่ได้ แต่ว่าบางทีคนอื่นอาจจะมีเงื่อนไขดีกว่านี้ไปเจรจาก็ลองดู เมื่อถามว่า หากเงื่อนไขเป็นเพียงแก้ไขรัฐธรรมนูญและให้มีการเลือกตั้งใหม่ ยอมรับได้หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า อย่าเพิ่งไปคาดการณ์เลย แต่จากการเคลื่อนไหวเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามหาทางจะต่อรอง แต่ถ้าไม่ใช่เงื่อนไขที่เป็นอย่างนั้นก็ค่อยมาว่ากัน

* กษิตเปิดปากเอกสารของจริง

วันเดียวกันนายกษิต ภิรมย์ รมว. การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเอกสาร ลับว่า เป็นเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศจริง แต่ไม่มีความคิดที่จะทำร.ท.ทักษิณ หรือประเทศกัมพูชา สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็พูดแล้วว่ารัก พ.ต.ท.ทักษิณ มากกว่าความสัมพันธ์ของไทย-กัมพูชา สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเลวร้ายที่มีการเอาเรื่องระหว่างประเทศมาเป็นเกมการเมืองภายใน เราต้องต่อสู้กันต่อไปไม่ว่าจะเล่นเกมกันแค่ไหน

ส่วนเรื่องการเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น นายกษิตกล่าวว่า ต้องให้ พ.ต.ท. ทักษิณ กลับมาติดคุกก่อน ยืนยันไม่มีใครรังแกสมเด็จฮุนเซน และไม่มีใครบอกให้สมเด็จฮุนเซนตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษา แต่สมเด็จฮุนเซนแต่งตั้งเอง เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศจะสร้างบ้านพักในกัมพูชาติดกับสถานทูตไทย นายกษิต กล่าวว่า จะสร้างที่ไหนก็สร้างไปไม่มีปัญหา

* ซัดกษิตทำบัวแก้วเสื่อม

ทางด้านพรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า จากการติดตามการทำงานของนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ พบว่าทำในส่วนที่ไม่ใช่งานของ รมว.การต่างประเทศ เพราะต้องการกำจัดคู่แข่งทางการเมือง กระทรวงการต่างประเทศมีหน้าที่สร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศและรักษาผลประโยชน์ของชาติ ไม่เคยมี รมว.การต่างประเทศคนใดทำลายเกียรติยศของกระทรวงฯเท่านายกษิต โดยเฉพาะมีการโยกย้ายพวกพ้องตนเองให้มี หน้าที่ตำแหน่งการงานที่สูงขึ้น

ผมทราบว่าข้าราชการที่เป็นลิ่วล้อของนายกษิตในกระทรวงฯมีไม่มาก ผมต้องการให้ข้าราชการกลุ่มนั้นยุติการกระทำและหยุดสมคบนักการเมืองทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง เลิกเข้าไปยุ่งกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะไม่ใช่บทบาทหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่จะไปไล่ล่าคนไทยด้วยกัน นายนพดล กล่าว

* พร้อมคุยแอ้ดถ้าจริงใจ

นายนพดลกล่าวต่อว่า เอกสารลับที่ส่งถึงนายกฯที่ให้เร่งรัดคดีความต่าง ๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการส่งสัญญาณสร้างความเสื่อมเสียในกระบวนการยุติธรรม เป็นการเข้าไปแทรกแซงการทำงานของกระบวนการยุติธรรมในคดีความต่าง ๆ ของอดีตนายกฯ ทำให้หลายคนเกิดความเคลือบแคลงใจว่าคดีความต่าง ๆ ที่ผ่านมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ เกิดจากการแทรกแซงใช่หรือไม่

อดีต รมว.การต่างประเทศยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์พร้อมจะเป็นคนกลางเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณยินดีที่จะพูดคุย แต่มีข้อแม้ว่าในการพูดคุยนั้นต้องจริงใจ และไม่มีการกลั่นแกล้งทางการเมือง รวมทั้งต้องให้เหตุการณ์ในบ้านเมืองย้อนหลังไปก่อนวันที่ 19 ก.ย. 49 อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ฝากขอบคุณ พล.อ.สุรยุทธ์ และพร้อมพูดคุยเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไป ประชาชนจะลืมตาอ้าปากได้

* เสนอ3ข้อแลกหยุดเคลื่อนไหว

ผมฝากไปถึงฝ่ายอำมาตย์ว่า หากไม่มีความยุติธรรมความสามัคคีก็ไม่เกิด และหากยังใช้ 2 มาตรฐานบ้านเมืองก็ยังคงแตกแยกอยู่อย่างนี้ ที่ปรึกษาส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่มีข้าราชการในกระทรวงการต่างประเทศนำเอกสารลับออกมาให้พรรคฝ่ายค้าน เป็นการส่งสัญญาณถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ในกระทรวงหรือไม่ นายนพดลกล่าวว่าการกระทำของนายกษิตไม่ชอบมาพากล ข้าราชการที่มีความซื่อสัตย์ สามารถหยุดยั้งการกระทำของรัฐมนตรีได้ พวกเขาหนักใจเพราะว่าเกียรติภูมิของข้าราชการกำลังจะเสีย ไปเพราะฝ่ายการเมือง

เมื่อถามต่อว่า หากมีการเจรจาให้ความเป็นธรรม พ.ต.ท.ทักษิณ จะทำให้กลุ่มเสื้อแดงหยุดเคลื่อนไหวหรือไม่นั้น นาย นพดลกล่าวว่า ต้องมีหลัก 3 ข้อในการเจรจา 1.ต้องนำรัฐธรรมนูญ 40 กลับมาใช้ 2.ยุบสภา 3.ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ และ ทุกฝ่ายต้องให้สัตยาบรรณยอมรับผลการเลือกตั้งนั้น ตอนนี้เป็นการคุกรุ่นทางการเมืองเหมือนภูเขาไฟต้องการการระเบิด พ.ต.ท.ทักษิณรับรองว่าจะไม่แก้แค้น หากทุกอย่างยุติตามกฎหมาย ท่านไม่ใช่เด็กดื้อเป็นผู้ใหญ่พอที่พร้อมจะรับฟังเพื่อแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง

* ปรบมือข้างเดียวไม่ดัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ข้อความลงในเว็บไซต์ทวิตเตอร์ว่า ฟังคำสัมภาษณ์คุณสุรยุทธ์ แล้ว ไม่แน่ใจว่าพูดเองหรือได้รับอนุญาต วันนี้สังคมไทยขัดแย้งกันมามากเกินไปแล้ว reco* ciliatio* (สมานฉันท์) เป็นเรื่อง lo* g overdue (สายเกินไป) มันเกินกว่าจะเป็นเรื่องของผมคนเดียวแล้ว จริงอยู่ผมอาจเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่ง แต่ขอให้ใจกว้างและมองภาพ กว้างของความเกี่ยวพันในความขัดแย้งที่เกิด ผมคุยกับท่านในฐานะรุ่นน้องที่พูดกับรุ่นพี่และเป็นพลร่มเหมือนกันในระหว่างที่พี่เป็นนายกฯถึง 2 ครั้งว่า สมานฉันท์เปรียบเสมือนปรบมือข้างเดียว ไม่ดัง

* ตอกบัวแก้วอย่ามั่วประเด็น

นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้า พรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีเอกสารลับของกระทรวงการต่างประเทศว่า เป็นเรื่องที่ไม่ปกติอย่างมาก พ.ต.ท.ทักษิณ คือบุคคลเพียงคนเดียวที่เป็นภัยหลักของรัฐบาลไม่ใช่ภัยของ ประเทศชาติแน่นอน ภัยหลักของประเทศคือ 1.หนี้ประเทศ 2.ความยากจน 3.การทุจริตในวงราชการ 4.ความเชื่อมั่นและความศรัทธาต่อรัฐบาลในการบริหารประเทศ 5.ปัญหาชายแดนภาคใต้ เรื่องเหล่านี้จำเป็นและเร่งด่วนมากกว่าการมาทุ่มเทไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณ

ด้านนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าเอกสารฉบับดังกล่าวเป็นการหารือและรับคำสั่งที่ขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมายในการบริหารราชการแผ่นดิน คำสั่งที่ออกมาเป็นคำสั่งที่ทำให้ข้าราชการเกิดความไม่เป็นกลาง สะท้อนความด้อยคุณธรรมจริยธรรมของกระทรวงการต่างประเทศ สะท้อนให้เห็นว่า เป็นนโยบายที่สร้างความแตกแยกปฏิเสธความสมานฉันท์ มีแต่ข้อความที่มีการให้ตอบโต้อย่างรุนแรงเท่านั้น

* เพื่อไทยจวกยับ8ข้ออัปยศ

นายปลอดประสพกล่าวอีกว่า พรรคมีข้อสังเกต 8 ข้อ คือ 1.เอกสารลับเป็นการสั่งการที่ผิดรัฐธรรมนูญและผิดกฎหมาย อย่าโกหกประชาชนว่าเป็นเพียงบทวิเคราะห์ 2.การกระทำในข้อที่ 1 อาจจะมีความผิดในเรื่องการแบ่งภาระหน้าที่ของข้าราชการประจำ และข้าราชการการเมือง อาจจะทำให้เกิดความไม่เป็นกลางได้ 3.ทิศทางคำสั่งของหนังสือเป็นการแทรกแซงเพื่อเร่งรัดคดีความต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ 4.การที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นภัยหลักให้ขจัดนั้น พรรคขอประณามวิธีคิดและวิธีพูดเยี่ยงอาชญากร ซึ่งเป็นความผิดถึงขั้นประหารชีวิต

5.เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลยอมรับว่าสร้างกระแสคลั่งชาติในความคิดแบบสะใจ 6.มีการสร้างภาพว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการกลับมาเป็นผู้นำทางการเมือง 7.พรรคตกใจอย่างยิ่งที่จะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศกัมพูชา แสดงว่าเคยคิดหรือเคยทำมาก่อนแล้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดผลร้ายต่อประเทศและประชาชนชาวไทย 8.พรรคต้องการให้มีการดำเนินการให้ถู อย่าใช้มุกเดิมว่าใครวิจารณ์เรื่องนี้เป็นคนไม่รักชาติ

* กมม.เพ้อแผน ส.ส.ลาออก

ด้านนายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ กล่าวถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดงหลังปีใหม่ว่า พรรควิเคราะห์ว่าช่วง ม.ค.-ก.พ. 53 มีแนวโน้มสูงที่ พ.ต.ท. ทักษิณ จะใช้กัมพูชาเป็นฐานบัญชาการทำสงครามแตกหักกับรัฐบาล ทราบว่า พ.ต.ท. ทักษิณ จะเปิด 2 แนวรบทั้งในสภาและนอกสภา มีเป้าหมายให้รัฐบาลเลือกตั้งใหม่ ซึ่งแผนในสภาทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่ให้พรรคเพื่อไทยยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่จะให้ ส.ส.พรรค 100 คนหรือมากกว่านั้นลาออก เพื่อกดดันให้มีการยุบสภา

นายสำราญกล่าวอีกว่า ส่วนแนวรบนอกสภาจะให้คนเสื้อแดงชุมนุมเป็นเรือนแสน และจะใช้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นแรงกดดันอีกทางหนึ่ง หาก 2 แนวรบยังมองไม่เห็นหนทางชนะ ทางเลือก สุดท้ายจะมีการป่วนบ้านเมืองโดยหวังให้เกิดการจลาจล ส่วนที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จะเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อสร้างความสมานฉันท์ให้บ้านเมืองนั้น เรื่องนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานกระบวนการยุติธรรม หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่มารับโทษก็ยากที่จะเกิดจุดเริ่มต้นของการสมานฉันท์อย่างแท้จริง คำพูดของ พล.อ. สุรยุทธ์ เป็นการพูดในหลักการเท่านั้น

* หวั่น3อุปสรรคสร้างปรองดอง

ส่วนการเมืองอื่น นพ.บุรณัชย์ สมุท รักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงประเมินผลงานรัฐบาลในรอบ 1 ปีว่า นโยบายเน้นการแก้ไข 3 ปัญหาใหญ่ คือ 1.การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าครัวเรือนที่ได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤติเศรษฐกิจ 2.การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยรวม และ 3.การแก้ไขปัญหาทางการเมือง ตามนโยบายที่แถลงไว้ในการสร้างความสมานฉันท์

อย่างไรก็ตามพรรคมีความกังวลอยู่ 3 สัญญาณที่จะเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความปรองดองคือ 1.การที่พรรคเพื่อไทย กลุ่มคน เสื้อแดง และ พ.ต.ท.ทักษิณ จะใช้การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อนำการเมืองในสภากลับไปอยู่นอกสภาอีกครั้ง 2.การใช้ประเทศเพื่อนบ้านแทรกแซงการเมืองในประเทศ และ 3.การดึงองค์กรอิสระลงมาสู่ความขัดแย้งทางการเมือง

* คนไม่เชื่อผลสอบเงินบริจาค

ด้านเอแบคโพลได้สำรวจความเห็น ประชาชนใน 17 จังหวัดจำนวน 1,150 ครัวเรือน เรื่อง ผลงานรัฐบาลในรอบ 1 ปีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ พบว่า ผลงานที่ประชาชนพอใจที่สุด คือ การปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ 8.15 คะแนน รองลงมาคือเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 7.59 คะแนน และการเรียนฟรี 15 ปี 7.28 คะแนน ส่วนผลงานที่ประชาชนพอใจน้อยที่สุดคือ การแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 5.10 คะแนน รองลงมา การแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น 5.55 คะแนน

ส่วนความเชื่อมั่นในความโปร่งใสของการตรวจสอบกรณีพรรคประชาธิปัตย์รับเงินบริจาค 258 ล้านบาท พบว่า 56.9% ไม่ค่อย เชื่อมั่นถึงไม่เชื่อมั่น และ 43.1% ค่อนข้างเชื่อมั่นถึงเชื่อมั่น โอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์จะถูกยุบพรรคจากกรณีดังกล่าว 63.8% คิดว่าไม่ถูกยุบ มีเพียง 36.2% ที่คิดว่าจะถูกยุบ

* ปชป.ปัดสวะพรรคไม่เกี่ยว

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสพุ่งเป้าไปที่ประธาน กกต.ว่าอาจจะ 2 มาตรฐาน ส่อยกฟ้องคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ว่า ตนไม่อยากวิจารณ์เพราะ กกต. ยังทำงานอยู่ แต่ในฐานะเลขาธิการพรรคเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของบุคคลไม่ใช่เรื่องของพรรค ถ้ามีใครทำผิดก็เป็นเรื่องของบุคคลคนนั้น

เรื่อง 2 มาตรฐานไม่ใช่ว่าพอศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย หรือไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ก็บอกว่า 2 มาตรฐาน ผมถูก กกต. เล่นงานมาแล้วเรื่องถือหุ้นก็ยอมรับไม่เห็นโวยวายอะไร นายสุเทพ กล่าว เมื่อถามว่า เรื่อง 2 มาตรฐานจะไปเป็นปัจจัยกระตุ้นให้กลุ่มเสื้อแดงออกมามากขึ้นหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเสื้ออะไรต้องมีเหตุผลอย่าทำให้บ้านเมืองเสียหาย เราเห็นแล้วจากเหตุการณ์ เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา

* ศิวรักษ์บวชแล้วที่โคราช

วันเดียวกันที่วัดป่าศรัทธาราม จ.นคร ราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทย ที่ถูกกัมพูชาจับกุมในข้อหาจารกรรมตารางการบิน พ.ต.ท.ทักษิณ และได้รับการอภัยโทษจากการช่วยเหลือของพรรคเพื่อไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เข้าอุปสมบท โดยมีเพื่อนสาวคนสนิทร่วมถือหมอน และได้ฉายาว่า พระศิวรักษ์ ธรรมวโร แปลว่าผู้มี ธรรมอันประเสริฐ โดยกำหนดบวช 9 วันและจะลาสิขาในวันที่ 30 ธ.ค. อย่างไรก็ตามนายศิวรักษ์ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพิธีว่า รู้สึกดีใจที่ได้บวช จะตั้งใจศึกษาพระธรรมและอโหสิกรรมให้กับทุกคนเพื่อทำจิตใจให้สะอาด

ด้านนางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดานายศิวรักษ์กล่าวว่า ดีใจมากที่ลูกชายได้บวช และจะขอยุติเรื่องทั้งหมดไว้ก่อน เพราะต้องการให้ลูกได้มีจิตใจที่สงบสุข และศึกษาพระธรรม เมื่อสึกออกมาแล้ว จะพาไปกราบขอพรย่าโมเพื่อให้มีโชคลาภ ไม่ให้มีเรื่องร้ายเข้ามาในชีวิตและครอบครัวอีก.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook