"น้องเนย" สลดใจเหตุกราดยิงหนองบัวลำภู ภาพจำที่โคราชยังชัด วอนคุมเข้มอาวุธปืน

"น้องเนย" สลดใจเหตุกราดยิงหนองบัวลำภู ภาพจำที่โคราชยังชัด วอนคุมเข้มอาวุธปืน

"น้องเนย" สลดใจเหตุกราดยิงหนองบัวลำภู ภาพจำที่โคราชยังชัด วอนคุมเข้มอาวุธปืน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"น้องเนย"  เหยื่อจ่าคลั่งกราดยิงโคราช สลดใจกับเหตุกราดยิงที่หนองบัวลำภู ภาพจำ 2 ปีก่อนยังชัดเจน วอนคุมเข้มอาวุธปืน

จากกรณี เกิดเหตุกราดยิงในศูนย์เด็กเล็กแห่งหนึ่ง ใน อบต.นากลาง ต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยก่อเหตุช่วงที่เด็กกำลังนอนกลางวันอยู่ภายในศูนย์ ล่าสุด 38 ศพ ต่อมา มีรายงานว่า ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตตำรวจ ยศ ส.ต.อ. อายุ 34 ปี ซึ่งติดยาเสพติดจนถูกให้ออกจากราชการ หลังก่อเหตุ ได้หลบหนีและกลับไปที่บ้าน ก่อนยิงลูกเมีย และยิงตัวเองตายภายในบ้าน 

(6 ต.ค.65) ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายจิรัฐิติกาล นอบไทย หรือ น้องเนย อายุ 28 ปี หนุ่มบิ๊กไบค์หนึ่งในเหยื่อจ่าคลั่งกราดยิงหน้าศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ขณะเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่บริเวณด้านหน้าศูนย์การค้าฯ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส กระสุนปืนทำลายอวัยวะภายในบริเวณช่องท้องและแขนเส้นเอ็นขาด แพทย์พยาบาลพยายามช่วยรักษาจนอาการดีขึ้น แต่ต้องเสียไตไป 1 ข้าง เอ็นแขนขาดทำให้ไม่มีแรง ลำไส้ยังอยู่นอกร่างกายต้องขับถ่ายผ่านถุงพลาสติก

น้องเนยในเหตุการณ์จ่าคลั่งที่โคราช

ซึ่งหลังจาก “น้องเนย” ได้ทราบข่าวการกราดยิงเด็กเล็กและครูในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ วันนี้ ทำให้รู้สึกสลดใจเป็นอย่างมาก โดยเปิดเผยว่า เหตุการณ์กราดยิงที่เกิดขึ้นกับตนเองเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ได้สร้างบาดแผลในใจ และภาพเหตุการณ์ยังจำติดตามาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเมื่อได้ยินข่าวกราดยิงอีกในวันนี้ ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าสลดอย่างมาก ไม่คิดว่าจะเกิดซ้ำอีก โดยเฉพาะเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่มีอาวุธปืนแล้วไม่สามารถควบคุมตนเองได้

ครั้งนี้มาก่อเหตุกับเด็กเล็กและประชาชนที่ไม่รู้อะไรเลย ทำให้ภาพเหตุการณ์ครั้งเก่าที่โคราชผุดขึ้นอีกครั้ง ต้องขอแสดงความเสียใจกับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องมาสูญเสียบุตรหลาน รวมถึงญาติของผู้เสียชีวิตทุกรายในครั้งนี้ด้วย และอยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยควบคุมดูแลเรื่องอาวุธปืนที่มีจำหน่ายอยู่เกลื่อนเมืองทั้งในโซเชียล และหาซื้อกันเอง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก

ส่วนภาพร่างกายของตน เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ได้เข้ารับการผ่าตัดเอาลำไส้กลับเข้าไปในช่องท้อง ตอนนี้อาการดีขึ้นตามลำดับ สภาพร่างกายมีความพร้อมกว่า 90% ส่วนเรื่องการเยียวยา ตนได้รับการช่วยเหลือ เป็นเงินเดือนละ 7,500 บาท ตั้งแต่ 2 เดือนหลังเกิดเหตุ และเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาได้รับเยียวยา มาประมาณ 2 ล้านกว่าบาท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook