เทลูกเฉย! คู่รักขึ้นเครื่องจะกลับประเทศ ทิ้งลูกไว้เคาน์เตอร์เช็คอิน รู้เหตุผลยิ่งอึ้ง

เทลูกเฉย! คู่รักขึ้นเครื่องจะกลับประเทศ ทิ้งลูกไว้เคาน์เตอร์เช็คอิน รู้เหตุผลยิ่งอึ้ง

เทลูกเฉย! คู่รักขึ้นเครื่องจะกลับประเทศ ทิ้งลูกไว้เคาน์เตอร์เช็คอิน รู้เหตุผลยิ่งอึ้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำนักข่าว CNN รายงานกรณีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ทิ้งลูกน้อยไว้ที่เคาน์เตอร์เช็คอินที่สนามบินอิสราเอล หลังจากลืมจองตั๋วสำหรับเด็ก

ตามรายงานพบว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา คู่สามีภรรยาเดินทางมาพร้อมกับลูกวัยทารก กำลังเช็คอินเที่ยวบินของสายการบินไรอันแอร์ (Ryanair) จากท่าอากาศยานนานาชาติเบนกูเรียน ประเทศอิสราเอล ไปยังกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม แต่ปรากฎว่าพวกเขาไม่มีตั๋วสำหรับลูกน้อย สุดท้ายทั้งคู่จึงรีบวิ่งไปขึ้นเครื่อง โดยทิ้งลูกไว้ที่เคาน์เตอร์เช็คอินของสายการบิน

ท่าอากาศยานของอิสราเอล ยืนยันเหตุการณ์ดังกล่าวต่อสำนักข่าว CNN ระบุว่า "สามีภรรยาและลูกน้อยซึ่งถือหนังสือเดินทางของเบลเยียม ได้เดินทางมาถึงอาคารผู้โดยสาร1 โดยไม่มีตั๋วสำหรับทารก อีกทั้งยังมาถึงเคาน์เตอร์เช็คอินช้ากว่ากำหนด ทั้งคู่ทิ้งทารกเอาไว้ตรงจุดนั้น และวิ่งไปที่จุดตรวจค้นเพื่อการรักษาความปลอดภัย เพื่อพยายามไปถึงประตูทางออกขึ้นเครื่องสำหรับเที่ยวบินนั้น"

พนักงานที่อยู่บริเวณเคาน์เตอร์เช็คอิน ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบิน เพื่อตามหาผู้โดยสารทั้งสองคน พร้อมทั้งแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทั่งล่าสุดโฆษกของตำรวจอิสราเอลบอกกับสำนักข่าว CNN ผ่านทางโทรศัพท์ว่า เรื่องนี้ดูเหมือนจะได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้วเมื่อตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ "ทารกอยู่กับพ่อแม่และไม่มีการสอบสวนเพิ่มเติม"

ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของสายการบินไรอันแอร์ ระบุว่า สามารถรวมการจองที่นั่งของเด็กเล็กไว้ในการจองเที่ยวบินได้ในระหว่างขั้นตอนการจองออนไลน์ เมื่อวางแผนเดินทางพร้อมกับทารกข้อความป๊อปอัปจะปรากฏขึ้นบนเว็บไซต์ โดยระบุว่ามีค่าใช้จ่าย 25 ยูโร (ประมาณ 900 บาท) สำหรับเที่ยวบินขาเดียว เมื่อทารกโดยสารโดยนั่งอยู่บนตักของผู้ใหญ่ และต้องชำระค่าที่นั่งเพิ่มหากต้องการให้เด็กเดินทางด้วยคาร์ซีท

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ ของ เทลูกเฉย! คู่รักขึ้นเครื่องจะกลับประเทศ ทิ้งลูกไว้เคาน์เตอร์เช็คอิน รู้เหตุผลยิ่งอึ้ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook