เปิดไทม์ไลน์ หนุ่มคลั่งกราดยิงเพชรบุรี เหยื่อดับ 3 ศพ จุดจบที่วิสามัญ ตายคาห้องพระ

เปิดไทม์ไลน์ หนุ่มคลั่งกราดยิงเพชรบุรี เหยื่อดับ 3 ศพ จุดจบที่วิสามัญ ตายคาห้องพระ

เปิดไทม์ไลน์ หนุ่มคลั่งกราดยิงเพชรบุรี เหยื่อดับ 3 ศพ จุดจบที่วิสามัญ ตายคาห้องพระ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไล่ไทม์ไลน์ หนุ่มคลั่งกราดยิงเพชรบุรี ศพแรกเป็นคู่กรณี ศพที่สองเป็นพยานในคดี ศพสุดท้ายเป็นพนักงานส่งของที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย

วันนี้ (23 มี.ค.66) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงปฏิบัติการ สยบชายคุ้มคลั่ง ก่อเหตุใช้อาวุธปืน ยิงผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 3 ราย ในพื้นที่ จ.เพชรบุรี เมื่อวาน (22 มี.ค.66) ที่ผ่านมา ว่า ปฏิบัติการเมื่อคืนจบด้วย คนร้ายถูกวิสามัญ เนื่องจากเขาต่อสู้

เมื่อไปถึงยังจุดเกิดเหตุ ปัญหาแรกที่เห็น คือ คนที่ถูกยิงเสียชีวิตอยู่หน้าบ้าน ยังไม่สามารถนำศพออกมาได้ ตนเองสั่งการตั้งแต่ตอนเย็นก่อนที่จะเดินทางไปว่าอยากให้นำคนเจ็บหรือผู้ที่เสียชีวิตเอาออกมาให้ได้ก่อนก็มีความพยายามที่จะนำ 3 คนออกนี้ ออกมาปรากฏว่า รถตำรวจที่เข้าไปก็โดนยิง ตำรวจโดนยิงที่แก้ม และรถหุ้มเกราะไม่มี ในเรื่องนี้ถือเป็นปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ ในเรื่องของปฏิบัติการพิเศษ ซึ่งส่วนตัวก็รับปัญหานี้มา จะได้นำเรียน ผบ.ตร. จัดหาอุปกรณ์ช่วย

จากนั้นได้นำรถหุ้มเกราะ ของคอมมานโดเข้าไป โดยการใช้รถหุ้มเกราะเป็นที่กำบังและชุดปฏิบัติการพิเศษเดินด้านข้าง โดยมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิขึ้นท้ายรถจนสามารถนำผู้เสียชีวิตออกจากจุดเกิดเหตุได้และไม่มีการยิงปะทะต่อสู้ในช่วงที่มีการเข้าไปนำผู้เสียชีวิตออกมา

จากการสอบสวน ทราบว่า ผู้ก่อเหตุกับผู้ที่ถูกยิงเสียชีวิต 2 คนแรก เป็นคู่กรณีกันในเรื่องของการทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกาย ซึ่งเมื่อวานนี้ (22 มี.ค.66) เป็นการสืบพยานในชั้นศาลเป็นครั้งที่ 3 โดยคืนก่อนเกิดเหตุผู้ก่อเหตุรายนี้ได้ไปดื่มเหล้ามาจนเมาพอตอนเช้า มีกำหนดจะต้องเดินทางไปศาลโดยแม่ของผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางไปรอที่ศาลก่อนแล้ว แต่ตัวเขาไม่ไป แต่กลับมาก่อเหตุยิงคู่กรณี ดังกล่าว

จากการชันสูตรของแพทย์ทราบว่า ผู้เสียชีวิตคนแรกที่เป็นคู่กรณีกัน ถูกยิง 6 นัด กระสุนเข้าที่ต้นคอ กลางศีรษะ ส่วนอีกรายที่เป็นพยานในคดีถูกยิง 15 นัด ถูกยิงจนหมดแม็กกาซีนและในจังหวะนั้น มีพนักงานขับรถส่งของผ่านมาถูกยิงอีก 8 นัด ทั้งที่ไม่มีส่วนรู้เห็นอะไรด้วย นอกจากนี้ ยังมี นายก อบต.ต้นมะม่วง ขับรถผ่านมาก็ถูกยิงกระสุนเฉี่ยวเข้าที่ลำคอได้รับบาดเจ็บ รวมเหตุการณ์เมื่อวานนี้ มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ และบาดเจ็บ 3 ราย

จากนั้นในเวลา ประมาณ 01.00 น. บริเวณบ้านของผู้ก่อเหตุมี 2 ชั้น ผู้ก่อเหตุเหมือนได้รับการฝึกมาและเป็นนักยิงปืนที่ยิงแบบ Double Tap หรือยิงแบบ 2 นัด คนร้ายมีการใช้ผ้าม่านปิดหน้าต่างไว้ทั้งหมดเพื่อไม่ให้เห็นความเคลื่อนไหวภายในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้วิธีการค้นหาว่าผู้ก่อเหตุอยู่บริเวณจุดไหนของตัวบ้าน จากนั้นเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่ เวลา 01:00 น. 

โดยให้ทีมปฏิบัติการพิเศษ ค้นหาตัวโดยการใช้กล้อง termal และใช้ตัวมาร์คแมน ในการส่องกล้องจนรู้ว่าผู้ก่อเหตุ อยู่ที่ชั้น 2 เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนาน และตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้อยู่ชั้นล่างแน่นอน เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจบุกเข้าจู่โจม ทั้งนี้ต้องขอชื่นชมชุดปฏิบัติการอินทรีย์ ของภาค 7 และนเรศวร 261 และคอมมานโดรวมถึงกองสืบภาค 7 ที่หัวใจเกินร้อย ต้องขอชมเชยการปฏิบัติงาน เพราะเดินเข้าหาอาวุธปืนจริงๆ เนื่องจากผู้ก่อเหตุก็ดักรอ เจ้าหน้าที่อยู่แล้วและเป็นไปตามคาดการณ์ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์ที่ชั้น 1 ได้ พอขึ้นไปชั้น 2 เป็นมุม Dead Zone จังหวะที่จะขึ้นไป ผู้ก่อเหตุก็ยิงสวนมาแต่กระสุนถูกโล่กำบัง โดยคนร้ายยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ทั้งหมด ประมาณกว่า 30 นัด เพราะเห็นแม็กกาซีน ขนาด 9 มม. ตกอยู่ถึง 2 แม็ก

โดยมือปืนคนที่ก่อเหตุหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องพระ และโดนกระสุนลูกซอง ยิงตามร่างกาย นอนเสียชีวิตในลักษณะคว่ำหน้า ในครั้งนี้ไม่ได้ใช้ปืนที่เป็น 5.56 เพราะพื้นที่เกิดเหตุเป็นเขตเมือง เกรงว่ากระสุนจะทะลุ ไปถูกพี่น้องประชาชน แต่เจ้าหน้าที่ก็บริหารจัดการพื้นที่ เคลียร์คนออก นอกบริเวณพื้นที่เพราะห่วงประชาชนจะไม่ปลอดภัย โดยปฏิบัติภารกิจเสร็จเมื่อช่วงเวลาประมาณตี 4 เข้าไปตรวจสอบในห้องสุดท้ายเป็นห้องพระ เห็นคนร้ายนอนเสียชีวิต จากนั้น ได้ส่งมอบพื้นที่ให้กับแพทย์เข้ามาชันสูตรพลิกศพ ร่วมกับอัยการและฝ่ายปกครอง

รอง ผบ.ตร. ยังกล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้เคยมีการวิเคราะห์กันแล้วว่าฝากถึงสื่อมวลชนว่าเคสที่เกิดไปแล้วอย่าไปตอกย้ำ เพราะเป็นการตอกย้ำความรู้สึกและการไปเปิดวาร์ป ของผู้ก่อเหตุทำให้ผู้ก่อเหตุ กลายมาเป็นฮีโร่ แต่ตำรวจที่เข้าปฏิบัติหน้าที่กลายเป็นจำเลยของสังคม เพราะฉะนั้นต่อไปคนที่เป็นโรคซึมเศร้า หรือคนที่เป็นจิตเวช เมื่อเกิดการคลุ้มคลั่งจะเป็นพฤติกรรมของการเลียนแบบ

หากนับเนื่องจากเหตุการณ์กราดยิงที่ Terminal 21 ที่จังหวัดนครราชสีมา จนถึงปัจจุบันพบว่ามีเหตุการณ์เลียนแบบในลักษณะนี้แล้วประมาณ 7 ครั้ง จึงอยากขอให้งดการเสนอข่าวที่เป็นเชิงบวกของผู้ก่อเหตุเพราะเรากำลังสร้างฮีโร่ ของกลุ่มที่เป็นโรคซึมเศร้า หรือกลุ่มที่เป็นจิตเวช ซึ่งข้อมูลนี้เป็นข้อมูลการวิจัยในประเทศสหรัฐอเมริกาว่าจะมีการเกิด Copy Case ขึ้นมา ฝากสื่อมวลชนให้เป็นข้อคิด และก่อนหน้านี้ เคยทำโครงการ Run Hide Fight (วิ่ง ซ่อน สู้ ) โดยพี่น้องประชาชนหากได้ยินเสียงปืนที่ไหนให้ วิ่ง ซ่อน สู้ นั่นคือสิ่งที่ต้องทำในเคสของ Active Shooter ใช้ได้ในทุกสถานการณ์ที่ล่อแหลม และเป็นภัยต่อชีวิตของพี่น้องประชาชน ไม่ต้องห่วงคอยถ่ายคลิปให้ตำรวจดู แต่ขอให้พี่น้องประชาชน วิ่งซ่อนสู้ หนีไปให้ไกลจากที่เกิดเหตุให้มากที่สุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook