ส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ตาย 77 เจ็บ 763

คืนส่งท้ายปีเก่า เกิดอุบัติเหตุ 709 ครั้ง ดับ 77 ราย เจ็บ 763 ราย ส่งผลให้ยอดอุบัติเหตุสะสม 1,824 ครั้ง ตายพุ่งเป็น 168 ศพ เชียงใหม่แซงหน้าขึ้นครองแชมป์อุบัติเหตุ-ตายสูงสุด

(1ม.ค.) ที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แถลงข่าวอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553 ว่า จากการรวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 31 ธ.ค. 52 ซึ่งเป็นวันที่สามของการรณรงค์ "7 วันขับขี่ปลอดภัย เทิดไท้องค์ราชัน" เกิดอุบัติเหตุ รวม 709 ครั้ง ลดลงจากปี 52 จำนวน 142 ครั้ง ร้อยละ 16.69 ผู้เสียชีวิต 77 คน ลดลงจากปี 52 จำนวน 6 คน ผู้บาดเจ็บ 763 คน ลดลงจากปี 52 จำนวน 146 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ เมาสุรา ร้อยละ 46.12 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 18.48 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ยังคงเป็นรถจักรยานยนต์ ร้อยละ 84.08 ส่วนใหญ่อุบัติเหตุเกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 59.66 บบถนน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 36.25 ทางหลวงแผ่นดิน ร้อยละ 32.58 ช่วงที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ กลางคืน ร้อยละ 70.66 โดยเฉพาะช่วงเวลา 16.01 - 20.00 น. ซึ่งผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน ร้อยละ 55.60

นายอนุชา กล่าวอีกว่า จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ ตรัง ราชบุรี จำนวน 25 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ พระนครศรีอยุธยา จำนวน 5 คน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด คือ เพชรบูรณ์ 31 คน จังหวัดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ มี 3 จังหวัด สิงห์บุรี สมุทรสงคราม ยโสธร ทั้งนี้จากการตั้งจุดตรวจหลัก 2,700 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 69,185 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 729,200 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 71,641 ราย คิดเป็นร้อยละ 9.82 ของการเรียกตรวจ โดยมีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่มากที่สุด 22,994 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 20,617 ราย

นายอนุชา กล่าวต่อว่า สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 3 วัน ระหว่างวันที่ 29 - 31 ธ.ค. 52 เกิดอุบัติเหตุรวม 1,824 ครั้ง ลดลงจากปี 52 จำนวน 505 ครั้ง หรือ ร้อยละ 21.68 ผู้เสียชีวิตรวม 168 คน ลดลงจากปี 52 จำนวน 58 คน ร้อยละ 25.66 ผู้บาดเจ็บรวม 1,988 คน ลดลงจากปี 52 จำนวน 516 คน ร้อยละ 20.61 อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ พบว่า ในวันที่ 1 มกราคมของทุกปีมักเกิดอุบัติเหตุทางถนนบนถนนสายรองมากที่สุด โดยผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นเด็กและเยาวชนสูงถึงร้อยละ 30 และกว่าร้อยละ 20 ของผู้ถูกดำเนินคดีความผิดจราจรเป็นเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี จึงได้ประสานไปยังทุกจังหวัดให้กำชับเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจเน้นหนัก มาตรการเข้มข้นบนถนนสายรองในหมู่บ้านและชุมชน กวดขันกลุ่มเด็กที่ดัดแปลงสภาพรถจักรยานยนต์มิให้เดินทางออกนอกหมู่บ้าน และว่ากล่าวตักเตือน แจ้งผู้ปกครองมิให้บุตรหลานฝ่าฝืนกฎหมายจราจร โดยเฉพาะวัยรุ่นที่ขี่รถจักรยานยนต์เป็นกลุ่มบนถนนที่มียานพาหนะใช้ความเร็ว หรับประชาชนที่วางแผนเดินทางกลับควรตรวจสอบยานพาหนะให้อยู่ในสภาพปลอดภัย ก่อนเดินทาง โดยสามารถนำรถไปตรวจสอบได้ที่ศูนย์อาชีวศึกษา "ตรวจรถก่อนใช้ ปลอดภัยแน่นอน" จำนวน 250 จุด ซึ่งตั้งอยู่บริเวณวิทยาลัยอาชีวศึกษาบนถนนสายหลักและสายรอง ตลอด 24 ชั่วโมง

"จากสถิติในช่วง 3 วัน มีผู้ถูกดำเนินคดีความผิดจราจร 180,952 ราย ส่วนใหญ่ไม่มีใบขับขี่ร้อยละ 33 ไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 29 จึงขอกำชับให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจเข้มงวดการตรวจจับเน้นหนัก 10 ฐานความผิดกฎหมายจราจร ได้แก่ เมาไม่ขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย มอเตอร์ไซค์ ปลอดภัย คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่มีใบขับขี่ ไม่ขับรถเร็วเกินกว่าอัตรากำหนด แซงในที่คับขันและตัดหน้ากระชั้นชิด ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง ขับรถย้อนศร โทรไม่ขับ ตลอดจนกวดขันรถกระบะที่ดัดแปลงสภาพรถ บรรทุกคนในกระบะท้ายจำนวนมาก ให้ขับรถด้วยความระมัดระวัง ใช้ความเร็ว ตามที่กฎหมายกำหนด" นายอนุชากล่าว