“โรม” มอง กกต.ลุยสอบ “พิธา” ม.151 เป็นการเตะตัดขาตั้งรัฐบาล

“โรม” มอง กกต.ลุยสอบ “พิธา” ม.151 เป็นการเตะตัดขาตั้งรัฐบาล

“โรม” มอง กกต.ลุยสอบ “พิธา” ม.151 เป็นการเตะตัดขาตั้งรัฐบาล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“โรม” มอง กกต.ลุยสอบ “พิธา” ม.151 เป็นการเตะตัดขาตั้งรบ. ยัน ก.ก.พร้อมสู้ตามกระบวนการเต็มที่ ชี้ อย่าใช้เป็นข้ออ้างตอนโหวตนายกฯ ยกหลักการ “ทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ก่อนศาลตัดสิน” ดักคอ วอนทุกฝ่ายเคารพมติปชช.

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติไม่รับคําร้องกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ก.ก. มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญในการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จากการถือหุ้นบริษัท ไอทีวี แต่ให้รับเรื่องไว้พิจารณาเป็นความปรากฏ และตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน ว่านายพิธาเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

เนื่องจากมีลักษณะต้องห้าม แต่กลับสมัครรับเลือกตั้ง เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 42(3) และมาตรา 151 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พรรค ก.ก.มีความกังวลหรือไม่ ว่าไม่กังวล เราพร้อมต่อสู้คดี เรื่องดังกล่าวเป็นกระบวนการที่ชัดเจนว่าพยายามจะเตะตัดขาไม่ให้มีรัฐบาลพรรค ก.ก. สกัดกั้นไม่ให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่อย่างไรก็ตามเราก็พร้อมสู้ตามกระบวนการกฎหมายเต็มที่ และเราก็เชื่อมั่นในฉันทามติของประชาชนที่ได้มอบผ่านการเลือกตั้ง ว่าต้องการที่เห็นนายพิธาเป็นนายกฯ และจัดตั้งรัฐบาลได้

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนอยากจะพูดไปถึงคนที่พยายามทำกระบวนการเหล่านี้ทั้งหมดว่า สุดท้ายประชาชนทุกคนก็รู้ว่าที่ทำไปทั้งหมดเป็นเรื่องทางการเมือง ฉะนั้นอย่าคิดว่าผลลัพธ์ทั้งหมดที่ทําเอาไว้จะจบแบบเดิม และเราเล็งเห็นว่ากระบวนการนี้คงต้องใช้เวลา ซึ่งมั่นใจว่านายพิธาคงจะได้รับเลือกเป็นนายกฯ ก่อน หลังจากนั้นคงต้องสู้คดีกันต่อไป ใช้เวลาในการพิสูจน์หลักฐาน

“กระบวนการเหล่านี้เป็นคนละส่วนกับการเลือกนายกรัฐมนตรี อย่าเอามาใช้เป็นข้ออ้าง เรื่องนั้นเมื่อถึงที่สุด ตามรัฐธรรมนูญเราก็ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ นั่นหมายความว่าต่อให้นายพิธาถูกดำเนินการในเรื่องนี้ ก็ต้องสันนิษฐานไว้ว่านายพิธาเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นจะต้องไม่เอามาปะปนกับการเลือกนายกรัฐมนตรี สิ่งที่เราอยากให้มันเกิดขึ้นมากที่สุดคือ ทุกฝ่ายในสังคมตอนนี้ต้องเคารพต่อมติมหาชน ตามที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงผ่านการเลือกตั้ง แล้วอย่ามาใช้กระบวนการใดๆ ในทางการเมืองเพื่อทำลายมติมหาชนนี้” นายรังสิมันต์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลว่า ส.ว.จะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการไม่โหวตให้นายพิธาหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าไม่ใช่ ส.ว.ทุกคนที่จะคิดแบบเดียวกัน อาจจะมีบางคนที่พยายามสร้างกระบวนการแบบนี้ แต่ต้องเรียนตามตรงว่าถึงที่สุดเรื่องคดีก็ต้องว่ากันไป แต่ ณ ตอนนี้นายพิธาคือผู้บริสุทธิ์ ก็ต้องว่ากันไปตามหลักการที่ว่า บุคคลที่ถูกดำเนินคดีในทางอาญาเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันเป็นที่สุด

เมื่อถามว่า กรณีนี้จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ผิดเพี้ยนหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถึงที่สุดเราก็ต้องสู้บรรทัดฐานในมุมของเราเหมือนกัน เรื่องนี้เรายืนยันในความบริสุทธิ์ ยืนยันว่าสิ่งที่เราทำทั้งหมดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง หากยังจำกันได้ กรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แม้จะโดนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่างๆ แต่ถึงที่สุด อัยการก็มีคำสั่งไม่ฟ้อง

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องสู้กันในกระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งต้องใช้เวลา และต้องไม่เอามาเกี่ยวพันกับการเลือกนายกฯ ที่จะเกิดขึ้นต่อไป เมื่อถามว่า ทางทีมกฎหมายของพรรค ก.ก. ได้เตรียมรับมือเรื่องนี้อย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เตรียมตัวในการต่อสู้คดีตามพยานหลักฐานที่เรามี ซึ่งคงต้องใช้เวลา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook