ไอเอ็มเอฟชี้เศรษฐกิจไทยใส

ไอเอ็มเอฟชี้เศรษฐกิจไทยใส

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายจอร์ก ดีเครสซิน เศรษฐกรของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยว่า ได้ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับปรับปรุง โดยเห็นว่าเศรษฐกิจประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียจะขยายตัวเฉลี่ย 8.4% ในปีนี้และปีหน้า เพิ่มขึ้นจาก 6.5% เมื่อปีก่อน โดยจีนจะขยายตัว 10% ในปีนี้ และเป็น 9.7% ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจาก 8.7% เมื่อปีก่อน ขณะที่อินเดียจะขยายตัว 7.7% ปีนี้ เป็น 7.8% ปีหน้า เพิ่มขึ้นจาก 5.6% เมื่อปีก่อน ส่วนอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทยจะขยายตัว 4.7% ปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 1.3% เมื่อปีก่อน และญี่ปุ่นขยายตัว 1.7 ปีนี้ เป็น 2.2% ปีหน้า หลังจากหดตัว ถึง 5.3% เมื่อปีก่อน

ปีนี้เศรษฐกิจกำลังพัฒนา จะขยายตัวรวดเร็ว เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น รวมทั้งนโยบายรับมือทันท่วงที ช่วยลดผลกระทบจากเหตุไม่คาดคิดภายนอก และช่วยดึงดูดเงินทุนให้ไหลกลับอย่างรวดเร็ว ส่วนกรณีเศรษฐกิจจีนที่หลายฝ่ายวิตกว่าจะเกิดภาวะฟองสบู่แตกนั้น ยังเชื่อว่าไม่มีความเสี่ยงดังกล่าวเพราะรัฐบาลจีนเข้มงวดสภาพคล่องในระบบหลังจากธนาคารปล่อยสินเชื่อมากเป็นประวัติการณ์และเงินเฟ้อสูึ้น

นายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา และ ไตรมาส 4 ปี 52 ทุกตัวล้วนปรับตัวดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3.5% ซึ่งดีกว่าเดิม ที่มองว่าขยายตัว 3% ส่งผลให้ทั้งปี 52 จีดีพีไทยติดลบเพียง 2.8% ดีกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้รวมทั้งสศค.เองด้วย พร้อมกันนี้มองว่าปี 53 น่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง แม้การลงทุนและการผลิตภาคเอกชนจะยังฟื้นตัวช้าอยู่บ้าง แต่น่าจะมีสัญญาณที่ดี ส่งผลให้เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจทั้งปี 53 จะขยายตัวอย่างน้อย 3.5% ทั้งนี้ได้รวมถึงผลกระทบจากการชะลอลงทุนของเอกชนในมาบตาพุดไว้แล้ว และหากยังยืดเยื้อ อาจจะกระทบจีดีพีลดลงอีก 0.5% หรือทั้งปีที่ 3% ได้

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ โฆษก กระทรวงการคลัง กล่าวว่า เชื่อว่าไตรมาสแรกปีนี้ จีดีพีจะขยายตัวได้ถึง 5% เพราะจากเครื่องชี้เศรษฐกิจไตรมาส 4 ปีก่อนที่ดีขึ้น หรือเป็นบวกแทบทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก การใช้จ่ายในประเทศ ทั้งการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ยอดซื้อรถยนต์ รถจักรยานนต์ การผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุนภาคเอกชน ภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น การจ้างงานกลับคืนมา ทำให้การว่างงานลดลงเหลือเพียง 1% หรือ 390,000 ราย

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังจำเป็นต้องใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและเรียกความเชื่อมั่นในการลงทุนต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องทำงบประมาณปี 54 ขาดดุล 400,000 ล้านบาท แม้ตัวเลขจะมากกว่าปี 53 แต่ในทางปฏิบัติ ของปีนี้ รวมการกู้เงินอีก 200,000 ล้านบาทจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง จะเป็นงบลงทุนถึง 550,000 ล้านบาท

การฟื้นตัวไตรมาส 4 ปีก่อนไม่ได้มาจากการเทียบกับฐานที่ต่ำของปีก่อนหน้า แต่มาจากตัวเลขที่ดีขึ้นจริงโดยเฉพาะภาคการผลิตที่ขยายตัวถึง 11.5% จากที่ติดลบไตรมาสก่อน 5.5% ถือว่ามีส่วนช่วยอย่างมาก.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook