ไอเอ็มเอฟชี้เศรษฐกิจไทยใส
ปีนี้เศรษฐกิจกำลังพัฒนา จะขยายตัวรวดเร็ว เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น รวมทั้งนโยบายรับมือทันท่วงที ช่วยลดผลกระทบจากเหตุไม่คาดคิดภายนอก และช่วยดึงดูดเงินทุนให้ไหลกลับอย่างรวดเร็ว ส่วนกรณีเศรษฐกิจจีนที่หลายฝ่ายวิตกว่าจะเกิดภาวะฟองสบู่แตกนั้น ยังเชื่อว่าไม่มีความเสี่ยงดังกล่าวเพราะรัฐบาลจีนเข้มงวดสภาพคล่องในระบบหลังจากธนาคารปล่อยสินเชื่อมากเป็นประวัติการณ์และเงินเฟ้อสูึ้น
นายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา และ ไตรมาส 4 ปี 52 ทุกตัวล้วนปรับตัวดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3.5% ซึ่งดีกว่าเดิม ที่มองว่าขยายตัว 3% ส่งผลให้ทั้งปี 52 จีดีพีไทยติดลบเพียง 2.8% ดีกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้รวมทั้งสศค.เองด้วย พร้อมกันนี้มองว่าปี 53 น่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง แม้การลงทุนและการผลิตภาคเอกชนจะยังฟื้นตัวช้าอยู่บ้าง แต่น่าจะมีสัญญาณที่ดี ส่งผลให้เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจทั้งปี 53 จะขยายตัวอย่างน้อย 3.5% ทั้งนี้ได้รวมถึงผลกระทบจากการชะลอลงทุนของเอกชนในมาบตาพุดไว้แล้ว และหากยังยืดเยื้อ อาจจะกระทบจีดีพีลดลงอีก 0.5% หรือทั้งปีที่ 3% ได้
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ โฆษก กระทรวงการคลัง กล่าวว่า เชื่อว่าไตรมาสแรกปีนี้ จีดีพีจะขยายตัวได้ถึง 5% เพราะจากเครื่องชี้เศรษฐกิจไตรมาส 4 ปีก่อนที่ดีขึ้น หรือเป็นบวกแทบทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก การใช้จ่ายในประเทศ ทั้งการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ยอดซื้อรถยนต์ รถจักรยานนต์ การผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุนภาคเอกชน ภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น การจ้างงานกลับคืนมา ทำให้การว่างงานลดลงเหลือเพียง 1% หรือ 390,000 ราย
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังจำเป็นต้องใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและเรียกความเชื่อมั่นในการลงทุนต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องทำงบประมาณปี 54 ขาดดุล 400,000 ล้านบาท แม้ตัวเลขจะมากกว่าปี 53 แต่ในทางปฏิบัติ ของปีนี้ รวมการกู้เงินอีก 200,000 ล้านบาทจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง จะเป็นงบลงทุนถึง 550,000 ล้านบาท
การฟื้นตัวไตรมาส 4 ปีก่อนไม่ได้มาจากการเทียบกับฐานที่ต่ำของปีก่อนหน้า แต่มาจากตัวเลขที่ดีขึ้นจริงโดยเฉพาะภาคการผลิตที่ขยายตัวถึง 11.5% จากที่ติดลบไตรมาสก่อน 5.5% ถือว่ามีส่วนช่วยอย่างมาก.