กบข.ล้างภาพลักษณ์เรียกเชื่อมั่น
นอกจากนี้ วางเป้าหมายให้เป็นองค์กรแห่งธรรมาภิบาล ซึ่งผู้บริหารและพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนรวมทั้งคู่สมรส ห้ามซื้อขายหุ้นโดยตรงเด็ดขาด ส่วนพนักงานอื่น ๆ สามารถซื้อขายได้ แต่ต้องรายงานเป็นรายไตรมาส ซึ่งเร็ว ๆ นี้ อาจปรับกฎในการรายงานการซื้อขายหุ้น สำหรับการบริหารเงินออมจะพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยวิเคราะห์ความเสี่ยง รวมถึงปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมทั้งหาช่องทางลงทุนสินทรัพย์ใหม่ ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง อีกทั้งยึดถือผลประโยชน์ของสมาชิกเป็นอันดับแรก ตลอดจนสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงระยะยาวให้สมาชิก
เชื่อว่าหลักธรรมาภิบาลการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของสมาชิกกลับสู่ กบข.จะเป็นเกราะป้องกันและวัคซีนที่ดีสุด สำหรับการห้ามซื้อขายหุ้นนั้น แม้ปัจจุบันร่างกฎเกณฑ์จะยังไม่ออก เพราะถือว่าการเลี่ยงลงทุนจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าเพื่อจะไม่ได้มีปัญหาในภายหลัง ส่วนผลตอบแทนจากการลงทุนในปีนี้วางเป้าหมายให้ชนะเงินเฟ้อ แต่คงไม่สูงเท่ากับปี 52 ที่ผ่านมา ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนการลงทุนที่ 8.9% เนื่องจากเป็นฐานที่สูง โดยเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นชัดเจนในครึ่งปีหลัง เช่น ดัชนีหุ้นไทยที่เพิ่มขึ้นเกือบ 70% ส่วนกรณีที่สมาชิกอาจกังวลเรื่องอัตราผลตอบแทนนั้น ยอมรับว่า ทุก ๆ 7-10 ปี ผลตอบแทนจากการลงทุนอาจติดลบเป็นวัฏจักรตามภาวะเศรษฐกิจ จึงอยากให้สมาชิกมองผลตอบแทนจากการบริหารเงินในระยะยาว.