ดูบอลให้สะใจทั้งที มันต้องดูกับ LED TV สิ!!

ดูบอลให้สะใจทั้งที มันต้องดูกับ LED TV สิ!!

ดูบอลให้สะใจทั้งที มันต้องดูกับ LED TV สิ!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันก่อนขณะที่ผมกำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่เซ็นทรัลเวิร์ด เพื่อนตัวดีก็โทรเข้าว่าบรรยากาศหน้าหนาวอย่างนี้ มันต้องจิบเบียร์แล้วเชียร์บอลสิ แน่นอนครับว่าคอบอลและคอเบียร์อย่างผมมีหรือจะพลาด

"อยู่เซ็นทรัลเวิร์ด เอาลานไหนล่ะ" ผมรีบถามในฐานะคนที่อยู่ใกล้ลานเบียร์เพื่อจะได้เดินไปหาโต๊ะ

"ไปทำไม มาบ้านเราดิ เราเตรียมเบียร์ไว้ที่บ้านแล้ว"

ผมงง และสงสัยกับสิ่งที่มันตอบกลับมา เพราะปรกติมันออกจะเป็นคนชวนด้วยซ้ำให้ออกไปเชียร์บอลตามลานเบียร์หรือร้านอาหารที่มีจอใหญ่ ๆ แต่สุดท้ายก็ทนมันคะยั้นคะยอไม่ไหว เลยต้องบึ่งรถไปที่บ้านมัน (หรือจริง ๆ เพราะมันจะประหยัดค่าน้ำมันกันแน่?)

เมื่อถึงบ้าน เจ้าของบ้านมันก็ปรี่เดินเข้ามาพาผมไปยังห้องนั่งเล่นที่ไอ้บรรดาทั้งแก๊งค์ของผมก็นั่งรออยู่แล้ว ซึ่งนั่นก็คงเป็นภาพเดิมๆ ที่พวกเรามักมารวมปาร์ตี้กันในยามว่าง เพียงแต่วันนี้ดูทุกคนจะใจจดใจจ่อกับทีวีเป็นพิเศษ อาจจะเพราะว่าคืนนั้นเป็นแมตช์สำคัญระหว่าง เชลซี กับ อาร์เซนอล ที่เหล่าเพื่อนผมพร้อมใจกันเชียร์ (บวกแช่ง) ให้ อาร์เซนอล ต้องม้วยมรณาให้ได้ แน่นอนว่ามันรวมถึงผมด้วย ฮ่า ๆ ๆ ๆ

แต่ผมก็สังเกตอะไรที่แปลกตาไป คงจะเป็นเพราะไอ้ทีวีติดผนังตัวใหม่ที่มาแทนที่ตัวเก่าที่มันโม้นักโม้หนาคราวที่แล้ว ที่ดูหรูกว่าของเดิมแบบถนัดตา เอ๊ะ หรือว่ามันเรียกผมมาเพราะต้องการอวดรวยอะไรอีกแล้วกันแน่ แต่ก่อนที่ผมจะคิดอะไรนักเตะก็เขี่ยบอลจากกลางสนาม ผมเลยต้องรีบจับที่นั่งพร้อมกับเบียร์กระป๋องเพื่อลุ้นเชียร์ (และแช่ง) พร้อมกับเพื่อน

 

แน่นอนว่าสุดท้ายบอลก็จบด้วยผลแบบที่เรารู้ ๆ กัน พร้อมกับความผิดหวังของผมที่ เชลซี ทิ้งทีมที่สุดโปรดของผมไปอีกแล้ว แต่ที่ผมเตะตามากที่สุดคือคุณภาพของไอ้ทีวีติดผนังตัวใหม่ของเพื่อนผมเนี่ยแหละที่ภาพมันชัดสุดๆ แบบที่ผมไม่เคยเห็นจากจอ LCD ที่ไหน จนต้องเอ่ยปากถามไอ้เจ้าของจอมโวว่าเป็น LCD รุ่นไหน

"มันไม่ใช่ LCD เว้ย นี่มัน LED TV ตัวใหม่จาก Samsung" นั่นคือคำตอบที่ทำให้ผมหน้าแตกพร้อมกับคำว่า "เชย" ที่เพื่อนผมยัดเยียดใส่หน้าแบบเต็ม ๆ

หลังจากคำถามนั้น ก็เลยเข้าทางไอ้เพื่อนตัวดีให้มันได้บรรยายสรรพคุณต่าง ๆ (พร้อมกับโชว์รวย) ของ LED TV ตัวนี้ว่าเป็นเทคโนโลยีตัวใหม่ ที่ใช้หลอดภาพ LED แทนแบบเดิม (CCFL) ซึ่งเจ้าหลอดภาพ LED เนี้ยมันคือ หลอดไฟขนาดเล็ก ถ้านึกภาพกันยังไม่ออก ให้นึกถึงภาพของไฟท้ายรถยนต์ อย่าง Ferrari, Porche หรือ Marserati ที่มีไฟท้ายเป็นหลอด และจะเปลี่ยนหลอดไฟท้ายให้เป็น LED ดวงเล็กๆหลายๆดวง โดย LED จะให้ความสว่างและประหยัดไฟสูงกว่า หลอดแบบ CCFL-Backlight ซึ่งเป็นหลอดฟลูออเลสเซนส์แบบเย็น ให้นึกถึงหลอดไฟฟลูออเรสเซนส์ยาวๆ ตามบ้าน แต่ขนาดผอมๆเท่าหลอดกาแฟมันบอก

แต่สำหรับ LED TV Samsung จะเป็นการวางหลอด LED เล็กๆอยู่ตามขอบทีวีทั้งด้านบน ล่าง ซ้าย ขวา เพื่อให้กำเนิดแสง การวาง LED ในลักษณะนี้เรียกว่า EDGE-LED ประมาณว่าวางตามขอบนั่นแหละ โดยประโยชน์ที่ได้รับนอกจากความสว่าง คอนทราสต์ที่สูงขึ้น ประหยัดไฟมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ ภาพมีประสิทธิภาพเจ๋งกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด โดยทำให้เกิดค่า Contrast ที่สูงที่สุดด้วยเทคโนโลยี Mega Dynamic Contrast

นั่นหมายความว่าเจ้า LED TV เครื่องนี้ สามารถควบคุมแสงของภาพได้ออกมาใส่กิ๊ก ความแตกต่างระหว่างสีที่ต่างขั้วแสงกันนั้นคมมาก​ซึ่งตรงกันข้ามกับกรณีของ LCD ที่มักมีอาการแสงรั่วอยู่บ่อย ๆ และแถมด้วยเทคโนโลยี Light Guide Plate ที่ทำให้แสงสว่างกระจายแสงจากหน้าจอให้ทั่วถึง เพราะถึงแม้การวางตำแหน่งหลอด LED จะอยู่ตรงขอบจอทั้ง 4 ด้านก็ตาม แต่เจ้า Light Guide Plate ช่วยเกลี่ยแสงให้สว่างอย่างทั่วถึงทำให้ประสิทธิภาพแสงสูงสุด  

และเพื่อนผมได้ อธิบายต่อไปว่า เจ้า Light Guide Plate เนี้ย มันจะทำงานร่วมกับ หลอดภาพ LED ที่เป็นเทคโนโลยีชั้นสูง ที่ช่วยกระจายแสง สู่หน้าจออย่างทั่วถึง ซึ่งทำให้ภาพที่ได้จาก LED TV อันนี้สีสดและจัดจ้านกว่าที่ผมเคยเห็นจาก LCD ปรกติ ในขณะเดียวกันก็ยังมีความสามารถของ Wide Color Enhancer Pro ที่ช่วยจัดการเฉดสีได้นับล้าน เพราะเจ้า Wide Color Enhancer Pro  ซึ่งจะช่วยยกระดับแม่สีทั้ง 3 สี แดง เขียว น้ำเงิน  ช่วยให้ภาพสดใสเป็นธรรมชาติ

และนั่นทำให้ภาพที่ผมเห็นในทีวีไม่ว่าจะสีของต้นหญ้าในสนาม สีเสื้อของนักฟุตบอลทั้งสองทีม ยันไปถึงป้ายโฆษณาที่อยู่ข้างสนาม จึงดูราวกับว่าเราไปนั่งติดอยู่ขอบสนามและมองด้วยตาของเราจริง ๆ แทนที่จะรู้สึกว่ามองผ่านเลนส์กล้องทีวีที่สีเพี้ยน ๆ หรือดูขาด ๆ เกิน ๆ แบบที่ผ่านมา

 

ในขณะเดียวกัน ที่ผมชื่นชอบมากเป็นพิเศษคือ แม้เกมบอลอังกฤษแบบรวดเร็วจนภาพที่ฉายปกติบน LCD TV นั้นเบลอเนื่องจากจำนวน Frame ที่แสดงได้นั้นไม่ทันสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ Samsung LED TV ตัวนี้กลับทำให้ภาพนักบอลที่วิ่งอยู่นั้นคมและเนียนมาก ๆ จนผมไม่รู้สึกว่ามีภาพเบลอแบบเมื่อก่อนเลยแม้แต่น้อย ซึ่งก็ได้ไอ้เพื่อนตัวดีอีกนั่นเองที่อธิบายเพิ่มว่าเพราะ LED TV ตัวนี้ใช้เทคโนโลยี 200Hz Motion Plus ที่แสดงภาพได้ถึง 200 ภาพต่อวินาที ซึ่งทำให้ภาพลอยมีมิติแบบไม่หลอกตาดี ได้อารมณ์ภาพแบบ HyperReal คมชัดมีมิติสมจริงซึ่งนั่นก็ทิ้งห่างจาก LCD เดิม ๆ หลายขุม

ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงคะยั้นคะยอให้มาจิบเบียร์เชียร์บอลกันที่บ้านมันเพื่อดู LED TV เครื่องนี้ เพราะถ้าเป็นผมเอง ผมก็คงระริกระรี้อยากโชว์เพื่อน ๆ ถึงความเจ๋งของทีวีแบบนี้เช่นกัน แถมเจ้า Samsung LED TV นี้ก็ดันสวยระเบิดในด้านดีไซน์ ที่สวย เรียบ หรู จนทำให้ห้องรับแขกของเพื่อนผมดูไฮโซขึ้นมาทันตาเห็น แถมยังต้องตกตะลึงเมื่อไปมองข้าง ๆ แล้วพบว่ามันบางแค่1.17 นิ้ว หรือ 29.9 มม. เท่านั้น โอ้วแม่เจ้า ..  กรอบรูป ดีดี นี้เองครับ แถมเป็น กรอบรูป แบบ Crystal Design ที่ดูหรูแบบไม่เหมือนใครซะด้วยสิครับ ไม่ว่า จะแขวน หรือตั้งไว้มุมไหน ผมว่า มันดูเรียบหรู ไปทุกมุมจริงๆ

คืนนั้น แม้ทุกคนจะหงุดหงิดกับบอลที่ไม่เข้าทาง แถมหมั่นไส้จนอยากจะเอาแก้เบียร์ปาหน้านักเตะเชลซี (ที่บังเอิ๊ญก็ดันชัดเจ๋วด้วย LED TV เสียอีก) แต่ผมว่าทุกคนก็ได้รู้แล้วล่ะว่า...แมตช์หน้าเราจะไปเชียร์บอลกันที่ไหนดี ฮ่าๆ ๆ  และทั้งหมดทั้งมวล ที่เพื่อนผมพ่นๆ ออกมา ด้วยความที่ มันเป็นคน ขี้อวด ทำให้ ผมต้อง ไปหา ข้อมูล เพิ่มเติม จาก www.samsung.com/th/led ว่าไอ้สิ่งที่เพื่อนผมมันอวดเนี้ย จริงไหม สรุปสั้นๆ เลยครับว่า ของ เค้าดีจริงๆ แมตช์หน้า เจอกันที่เดิม ครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook