บิ๊กข่าวกรองชี้ 2นายพลถนัดใช้ความรุนแรง

บิ๊กข่าวกรองชี้ 2นายพลถนัดใช้ความรุนแรง

บิ๊กข่าวกรองชี้ 2นายพลถนัดใช้ความรุนแรง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อดีตผอ.ข่าวกรอง ชี้ให้จับตา 2 นายพลเสื้อแดงป่วนเมือง เผยนักรบแดงซุ่มฝึกอาวุธเขมร เตือนอาวุธสงครามทะลักเข้าไทยผ่านชายแดน หลังจีนส่งให้เขมร

นายภุมรัตน์ ทักษาดิพงศ์ อดีตผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงในช่วงคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทว่า การจะมองว่ากลุ่มเสื้อแดงจะสร้างความรุนแรงหรือไม่ต้องต้องสังเกตปัจจัย 2 ประการคือ

1.เจตนารมณ์ ซึ่งเห็นชัดเจนว่าคนเสื้อแดงอย่างน้อยกลุ่มพร้อมที่จะใช้ความรุนแรงทุกครั้งที่มีโอกาสเพื่อโค่นอำนาจรัฐ และเคยใช้มาแล้วในเดือนเม.ย.2552

2.ขีดความสามารถที่จะทำได้ อย่าลืมว่า พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี และ พล.ท.พิรัช สวามิวัศดุ์ นายทหารคนสนิทของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ สมาชิกพรรคเพื่อไทย มีความถนัดในเรื่องการใช้ความรุนแรง โดยทั้งสองคนเคยจับมือกันปฏิบัติการมาแล้วในช่วงพฤษภาคมปี 35 เป็นชนวนให้ทหารต้องออกมาปราบปรามประชาชน

ขณะที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ออกมาเป็นหัวหอกให้กับเสื้อแดงก็เพราะต้องการแสวงหาอำนาจเพื่อปกป้องตัวเองให้หลุดพ้นจากคดี 7 ตุลาคม 2551

"ผมกังวลว่าบ้านเมืองจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายในช่วงก่อน ระหว่าง และหลังการตัดสินคดี เพราะผมทราบข่าวว่าตอนนี้อดีตคอมมิวนิสต์กลุ่มหนึ่งในแถบอีสานใต้ ที่ข้ามไปฝึกยิงปืนค.เริ่มทยอยกลับเข้ามาเมืองไทยแล้ว หลังจากที่ไปเป็น 2-3 เดือน ขณะนี้ถูกเก็บตัวเอาไว้ กลัวความลับรั่วไหล แต่ไม่ทราบว่าจะถูกมอบหมายภารกิจอะไร เพื่อเป้าหมายทางการเมืองหรือไม่ แต่ส่วนตัวเห็นว่าถึง พ.ต.ท.ทักษิณ จะถูกยึดทรัพย์ทั้งหมดก็ไม่กล้าจะก่อความรุนแรง เพราะเขารู้ดีว่าเกมนี้ใครสร้างความรุนแรงก่อนจะเป็นฝ่ายแพ้ ยิ่งช่วงนี้มีการยิงระเบิด M79 หรือวางระเบิด ซีโฟร์ ยิ่งเหมือนนาฬิกาปลุกให้ฝ่ายที่ควบคุมความมั่นคงลุกขึ้นมาระวังตัว ในที่สุดผมเชื่อว่ารัฐบาลจะใช้กลไกที่มีอยู่ตามปกติจัดให้เรียบร้อยได้" นายภุมรัตน์ กล่าว

ด้าน พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) กล่าวว่า สถานการณ์ในช่วงการตัดสินคดียึดทรัพย์จะไม่รุนแรงเหมือนที่หลายฝ่ายคาดการณ์ เพราะผู้นำการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง โดยเฉพาะ 3 เกลอประกาศใช้แนวทางสันติวิธี ดังนั้นหากก่อความรุนแรง ก็เท่ากับทำลายจุดยืนของตัวเอง

ส่วนกลุ่มของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี หรือ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง นั้น แม้จะมีการส่งสัญญาณความรุนแรง แต่ทั้งสองคนก็เป็นบุคคลสาธารณะไม่สามารถเคลื่อนไหวใต้ดินได้อย่างอิสระ ดังนั้นสถานการณ์บ้านเมืองจะไม่วิกฤติ เว้นแต่จะมีสถานการณ์ หรือสร้างฉากขึ้นมาเป็นจุดเปลี่ยน เช่น มีกลุ่มเสื้อเหลืองหรือเสื้อสีน้ำเงิน ไปตีกลุ่มเสื้อแดง เหตุการณ์อาจจะลุกลามบานปลายออกไปได้

"การพิพากษาครั้งนี้ศาลลงมาหาข้อมูลเอง สั่งให้ทั้งสองฝ่ายหาพยานหลักฐานมาแสดง ดังนั้นจึงเป็นการวินิจฉัยเชิงสืบสวนสอบสวน เชื่อว่าข้อมูลที่อยู่ในมือศาลจะครบถ้วน และเมื่อผลออกมาไม่ว่าทางใดจะมีคำอธิบายที่ทำให้ประชาชนยอมรับได้" พล.ท.นันทเดช กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดอาวุธสงครามจึงถูกนำมาใช้ปฎิบัติการทางการเมืองบ่อยครั้ง พล.ท.นันทเดช กล่าวว่า อาวุธเหล่านี้อยู่ตามแนวชายแดนมากมาย โดยเฉพาะ M79 ใช้งานสะดวกมีขนาดเล็กพับเก็บได้ ยิงในรถยังทำได้ ช่วงนี้ชายแดนไทยกัมพูชาจะมีมาก เพราะกัมพูชาเพิ่งจะได้รับอาวุธสงครามรุ่นใหม่จากจีน เขาจึงใช้ประเทศไทยเป็นที่ระบายอาวุธเก่า ผ่านไปยังประเทศอื่นๆ ถ้ารัฐบาลไม่ป้องกันดีๆ อาวุธก็จะตกค้างอยู่ในเมืองไทยจำนวนมาก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook