เชลซีพังคารัง!!เรือใบบุกสอย 2-4

เชลซีพังคารัง!!เรือใบบุกสอย 2-4

เชลซีพังคารัง!!เรือใบบุกสอย 2-4
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ระเบิดฟอร์มขั้นเทพ บุกมาสยบ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ถึงรัง 4-2 คาร์ลอส เตเวซ กับ เคร็ก เบลลามี่ ช่วยกันซัดคนละ 2 ประตู

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

เชลซี 2-4 แมนเชสเตอร์ ซิตี้

"สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เปิดสนามรับมือ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกมนี้เป็นการลงสนามเผชิญหน้ากันครั้งแรกของ จอห์น เทอร์รี่ และ เวย์น บริดจ์ 2 นักเตะนักเตะเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ที่มีคดีอื้อฉาวกันอย่างหนัก เจ้าบ้าน ต้องส่ง เอ็นริเก้ อิลาริโอ ลงเฝ้าเสา เนื่องจาก ปีเตอร์ เช็ก เจ็บ เช่นเดียวกับแบ็กซ้ายที่ ฟลอร็องต์ มาลูด้า ต้องถอยลงไปเล่น
     
ด้านทีมเยือน ก็ต้องเจอปัญหาเมื่อไม่มี เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ หัวหอกตัวเก่ง หลังโดนแบนถึง 4 นัด แต่ก็ได้ คาร์ลอส เตเวซ ดาวยิงอาร์เจนตินา กลับมาลงสนามโดย ผนึกกำลังกับ เคร็ก เบลลามี่
     
ซึ่งก่อนการแข่งขันเริ่มขึ้น นักเตะทั้งสองทีมต้องเดินสัมผัสมือกัน ปรากฎว่า เวย์น บริดจ์ ไม่ยอมจับมือกับ จอห์น เทอร์รี่ ที่ยื่นมือรออยู่
     
เริ่มครึ่งแรก เชลซีเดินเกมบุกทันที นาทีที่ 10 บรานิสลาฟ อิวาโนวิช แบ็กขวาเจ้าเติมเกมบุกขึ้นมายิงจากระยะ 25 หลา แต่บอลยังไปติดเซฟ เชย์ กิฟเว่น นายทวารเรือใบ
     
นาทีที่ 18 เจ้าถิ่น เกือบขึ้นนำ เมื่อ โจ โคล ลากบอลหนี ไมกาห์ ริชาร์ดส์ ก่อนสับไกเน้นๆ ทว่า แต่ กิฟเว่น ยังพุ่งปัดทิ้งออกมาได้หวุดหวิด
     
เชลซี ยังบุกเป็นชุด นาทีที่ 30 อเนลก้า ได้โอกาสลองสอองไกลจากระยะ 30 หลาจ แต่ กิฟเว่น ยังเซฟได้อีกครั้ง
     
จนกระทั่ง นาทีที่ 42 เชลซี ที่บุกอยู่นาน ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ โจ โคล แทงบอลให้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด สอดเข้าไปกดด้วยเท้าขวาในเขตโทษทางขวา บอลพุ่งเสียบโคนเสาเข้าไปอย่างสุดสวย
     
แต่แล้ว ช่วงทดเจ็บของครึ่งแรก เรือใบสีฟ้า ก็มาตามตีเสมอ 1-1 สำเร็จ จากจังหวะที่ เวย์น บริดจ์ เตะเคลียร์จากหน้าปากประตูตัวเองลอยโด่งมากลางสนาม จอห์น โอบี มิเคล โหม่งคืนหลังพลาดไปเข้าทาง เตเวซ ลากจี้จากกลางหนี คาร์วัลโญ่ และ เทอร์รี่ เข้าไปยิงมุมแคบส่งบอลตุงตาข่ายแบบสุดสวย

หมดครึ่งแรก ทั้งคู่เสมอกันที่ 1-1
     
เปิดฉากครึ่งหลัง กลายเป็นทีมเยือนที่มาได้ลุ้นก่อน เมื่อมาได้ลูกฟรีคิกระยะประมาณ 20 ด้านขวา บริดจ์ รับหน้าที่ปั่นฟรีคิก แต่ว่าติดกำแพงกระดอนออกมา
     
นาทีที่ 51 แฟนบอลเจ้าถิ่น ต้องเงียบกริบ เมื่อ เรือใบสีฟ้า บุกมาพลิกขึ้นนำ 2-1 จากจังหวะที่ แกร์เร็ธ แบร์รี่ ตัดบอลได้จากกลางสนาม ก่อนวางยาวให้ เบลลามี่ กระชากเข้ากรอบเขตโทษ ก่อนสับไกยิงบอลพุ่งเรียดเสียบเสาเข้าไปอย่างสุดสวย
     
เจ้าถิ่น ต้องเดินหน้าบุกหวังตีเสมอให้ได้ และมามีลุ้น จากลูกฟรีคิกระยะ 25 หลา ดร็อกบา กดเน้นๆบอลแฉลบกำแพงเปลี่ยนทางผ่าน กิฟเว่น ไปแล้วแต่ว่าเฉี่ยวเสาสองออกหลังไปนิดเดียว
     
นาทีที่ 66 ทีมเยือน เกือบนำห่าง เมื่อ เบลลามี่ รับบอลยาวจากเพื่อนก่อนใช้ความเร็วสปีดเข้าหากรอบเขตโทษ กำลังจะง้างเท้ายิงอยู่แล้ว แต่ อิวาโนวิช ยังตามกลับมาแหย่สกัดออกหลังได้ทันเวลา
     
นาทีที่ 75 เรือใบสีฟ้า ก็ช็อกแฟนบอลเจ้าถิ่นอีกครั้ง เมื่อมาขยับสกอร์นำห่างเป็น 3-1 จากจังหวัที่ ชูเลียโน่ เบลเลตติ ตัวสำรองที่ลงมาไปทำฟาวล์ แบร์รี่ ในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษพร้อมแจกใบแดงไล่กองหลังชาวอิตาเลียน ออกไป และเป็น เตเวซ ที่รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด
     
นาทีที่ 80 สถานการณ์ของ เชลซี ยิ่งเลวร้าย เมื่อต้องมาเหลือนักเตะแค่ 9 คน เมื่อ บัลลัค ไปไล่เสียบ เตเวซ จากด้านหลังแบบน่าเกลียด ผู้ตัดสินควักใบเหลืองที่สอง กลายเป็นใบแดง ไล่ดาวเตะเยอรมัน ออกจากสนาม
     
เรือใบสีฟ้า ที่มีนักเตะมากกว่า ก็มาได้ประตูนำไกลเป็น 4-1 ในนาทีที่ 87 เมื่อ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ได้บอลทางด้านปีกขวา และสปีดพาบอลเข้าหาเขตโทษ ก่อยจ่ายบอลผ่านหน้า ฮิลาริโอ ไปเสาสองให้ เบลลามี่ วิ่งเข้ามาแปเน้นๆ ส่งบอลซุกก้อนตาข่าย
     
นาทีสุดท้ายของการแข่งขัน เชลซี มาได้ประตูปลอบใจไล่มาเป็น 2-4 จากจังหวะที่ แบร์รี่ ไปเตะตัดขา อเนลก้า ล้มลงในเขตโทษ และเป็น แฟร้งค์ แลมพาร์ด รับหน้าที่ยิงเข้าไปไม่พลาด

หมดเวลาการแข่งขัน เชลซี ที่เหลือ 9 คน พ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เละเทะ 2-4 ทำแต้มนำหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 แต้ม เท่านั้น

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เชลซี :
เอ็นริเก้ อิลาริโอ - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, ฟลอร็องต์ มาลูด้า - มิชาเอล บัลลัค, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, จอห์น โอบี มิเคล - นิโกล่าส์ อเนลก้า, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, โจ โคล
     
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ :
เชย์ กิฟเว่น - ไมกาห์ ริชาร์ดส์, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, โจลีออน เลสค็อตต์, เวย์น บริดจ์ - ปาโบล ซาบาเลต้า, ไนเจล เด ยองก์, แกเร็ธ แบร์รี่ - เคร็ก เบลลามี่, คาร์ลอส เตเวซ, อดัม จอห์นสัน 

(ภาพจาก Getty Images)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook