ต่างชาติจับตาสินค้าไทย

ก่อการร้ายสั่งมาผลิตอาวุธสงคราม

นายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีความพยายามนำสินค้าที่ใช้ได้สองทางไป คือใช้เพื่อการพาณิชย์ และการทหารเพื่อพัฒนาเป็นอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงไปใช้ในการก่อการร้าย โดยไทยในฐานะประเทศที่มีการส่งออกสินค้าในกลุ่มนี้ จึงร่วมมือกับกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (เมติ) ของญี่ปุ่นให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการที่ส่งออกสินค้าสองทาง ให้เข้าใจและสามารถส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากที่ผ่านกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งเป็นตลาดหลักของไทย ได้ออก รณรงค์และเข้มงวดการนำเข้าอย่างมาก

โครงการนี้กระตุ้นให้ภาคเอกชนไทยให้ความสำคัญและตระหนักในเรื่องการป้องกันการก่อการร้าย และเป็นการเตรียมความพร้อม หากไทยต้องนำระบบควบคุมการส่งออกสินค้าที่ใช้ได้สองทางมาใช้ โดยจะให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเหล็ก เคมี คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ยุทธภัณฑ์ รวมทั้งสถาบันการศึกษา และตัวแทนขนส่งทางเรือและทางอากาศ ที่งาน ไทยแลนด์-เจแปน จอยท์ เอ็กซปอร์ต คอนโทรล ซิมินาร์ วันที่ 3 มี.ค. 53 โรงแรมแพน แปซิฟิค

ทั้งนี้ที่ผ่านมา ประเทศที่พัฒนาแล้วพยายามผลักดันให้ประเทศต่าง ๆ มีระบบการควบคุมการส่งออกสินค้าที่ใช้สองทางอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้วัสดุอุปกรณ์ดังกล่าวถูกแปลงไปเป็นอาวุธตามแบบและอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงสำหรับใช้ในการก่อการร้าย และเวทีสหประชาชาติเองก็มีมติ ให้ประเทศสมาชิก รวมทั้งไทย จัดทำระบบควบคุมการส่งออกเพื่อกำกับดูแลการแพร่ขยายของ อาวุธทำลายล้างสูง ดังนั้นการร่วมมือครั้งนี้ระหว่างรัฐบาลไทยกับญี่ปุ่น จะช่วยเพิ่มความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการยิ่งขึ้น

นายวิจักรกล่าวว่า การดำเนินการของกรมฯ ได้มีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการควบคุมดูแลการส่งออกสินค้าที่ใช้ได้สองทาง และพบว่ามีกฎหมายควบคุมการส่งออกอยู่หลายฉบับภายใต้กระทรวงต่าง ๆ แต่ก็ยังมีสินค้าหลายรายการที่ยังไม่มีหน่วยงานใดดูแลเป็นการเฉพาะ ซึ่งกรมฯ ได้เข้ามาดูแลและได้มีการจัดทำบัญชีสินค้าที่อยู่ในข่ายที่จะต้องติดตามดูแลแล้ว

สำหรับตัวอย่างสินค้าที่จะควบคุม นิวเคลียร์ เช่น ยูเรเนียม และพลูโตเนียม สารเคมี จุลชีวภาพและสารพิษ เช่น ไตรเอธาโนลามีน ที่นำไปใช้ทำสบู่ ผงซักฟอก และโลชั่น แต่สามารถนำไปใช้ทำสารพิษ และควันพิษได้ด้วย และไฮโดรเจนฟลูออไรด์ ใช้ทำยาป้องกันและกำจัดศัตรูพืช และใช้ทำสารพิษได้ วัสดุ อุปกรณ์ เช่น เครื่องมือกล กระจกกันรังสี และเครื่องขึ้นรูป อิเล็กทรอนิกส์ เช่น หลอดภาพคาโทดเย็น และเครื่องวัดความเร่ง คอมพิวเตอร์ โทรคมนาคม เซ็นเซอร์ และเลเซอร์ เทคโนโลยีการเดินเรือและการบิน เรือ อุปกรณ์ขับเคลื่อนทางอวกาศ เป็นต้น

ทั้งนี้สินค้าเหล่านี้ได้ใช้แนวทางที่สหภาพยุโรป (อียู) ใช้มาเป็นต้นแบบในการจัดทำบัญชี สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมข้างต้น เช่น อิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ สารเคมีและยา ยานยนต์ ชิ้นส่วนและอะไหล่ เหล็ก โทรคมนาคมและธุรกิจสื่อสาร แก้วและกระจก.