อินเดียปักหลักตั้งกองถ่าย

อินเดียปักหลักตั้งกองถ่าย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
บีโอไอประสาน ททท.-กนอ.ต้อนรับ

นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ผลิตหนังจากบอลลีวูด ประเทศอินเดีย สนใจที่จะเข้ามาสร้างหนังในประเทศไทยอย่างมาก เนื่องจากมีสถานที่สวยงามและวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศใกล้เคียงกัน โดยแต่ละปีบอลลีวูดผลิตหนัง 800 เรื่อง ซึ่งมากที่สุดในโลก จึงต้องการสถานที่ใหม่ในการผลิตหนัง ดังนั้นเตรียมประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จัดสถานที่รองรับ

อินเดียได้พัฒนาการผลิตหนังอย่างรวดเร็วสามารถแข่งขันกับฮอลลีวูดของสหรัฐได้อย่างสบาย ส่วนหนึ่งตลาดอินเดียใหญ่มีประชากรกว่า 1,000 ล้านคน โดยบอลลีวูด มีศูนย์กลางที่เมืองมุมไบ ซึ่งเป็นแหล่งธุรกิจอันดับ 1 ของอินเดีย แต่สถานที่ถ่ายทำในอิน เดียเริ่มจะซ้ำซากแล้ว ทำให้คนดูเริ่มเบื่อกับสถานที่ ซึ่งไทยเป็นเป้าหมายแรกของอินเดีย ล่าสุดเอกชนไทยให้ความสำคัญกับการจัดตั้งอุตสาหกรรมนิคมบริการ มีทั้งการส่งเสริมลงทุนด้านรักษาพยาบาลและสถานที่ทำหนัง

ขณะเดียวกันนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม มีนโยบายให้ชักจูงเศรษฐี อินเดีย เข้ามาจัดพิธีแต่งงานแก่ลูกหลานในไทยเพิ่ม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและให้เศรษฐีคุ้นเคยกับบรรยากาศประเทศไทยก่อนที่จะตัดสินใจมาลงทุน โดยปัจจอิน เดียแต่งงานในไทยปีละ 40 คู่ แต่ในอนาคต สมาคมนักธุรกิจอินเดีย-ไทย ตั้งเป้าเป็น 200-300 คู่ สร้าง รายได้เข้าไทยเพิ่มปี ละ 3-4 หมื่นล้าน บาท เนื่องจากพิธี แต่งงานแต่ละครั้ง เจ้าภาพต้องใช้เงินในการจัดกิจกรรมคู่ละ 100-150 ล้านบาท ซึ่งถูกกว่าการจัดงานในอินเดีย 50%

ทั้งนี้กลุ่มตัวแทนเศรษฐีที่ต้องการเข้ามาแต่งงานในประเทศไทยร้องเรียนให้บีโอไอเจรจากับกรมศุลกากรในการลดขั้นตอนตรวจสอบเครื่องเพชรและอัญมณีที่ยุ่งยาก เพราะการแต่งงานแต่ละครั้งบรรดาเศรษฐีต้องนำสิ่งเหล่านี้มาจำนวนมากเพื่อแสดงสถานะตนเอง

ปัจจุบันมีบริษัทอินเดียหลายรายได้หารือกับบีโอไอถึงการส่งเสริมให้เศรษฐีมาแต่งงานในไทย เพราะในแต่ละปีคนอินเดียจัดแต่งงานถึงปีละ 1.3 ล้านคู่และมีจำนวนมากที่ไปจัดพิธีแต่งงานในต่างประเทศ

นายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วยรัฐ มนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมมีแผนที่จะจัดตั้งสำนักงานบีโอไอในอินเดีย 2 แห่ง คือที่ มุมไบ และ กรุงเดลี เพื่อชักจูงนักลงทุนเข้ามาลงทุนในไทย เนื่องจากปัจจุบันอินเดียมีเศรษฐกิจระดับโลกจำนวนมากพร้อมที่จะนำเงินไปลงทุนนอกประเทศ ล่าสุดมีกลุ่มธุรกิจน้ำมัน, ปิโตร เคมี, เกษตรแปรรูป, เครื่องจักรกลทางเกษตร, ยา, อัญมณี ให้ความสนใจมาลงทุนในไทยเพิ่มเติมจากที่ก่อนหน้านี้มีหลายกลุ่มเข้ามาลงทุนแล้ว เช่น ผู้ผลิตรถยนต์ทาทา มอเตอร์และกลุ่มอินโดรามา ปิโตรเคมี

มีการโรดโชว์อินเดียหลายครั้งแล้ว เบื้องต้นเน้นกิจกรรมจับคู่ธุรกิจเพื่อให้เกิดการลงทุนร่วมกันมากขึ้น โดยที่ผ่านมามีหลาย ธุรกิจที่ไทยไปลงทุนในอินเดียและประสบผลสำเร็จ เช่น กลุ่มอิตาเลียนไทยเข้าไปลงทุนด้านก่อสร้าง เครือ ซี.พี.เข้าไปลงทุนอาหารสัตว์และเลี้ยงปลา ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) นำเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพออกไปทำการค้าและการลงทุนเพื่อเจาะตลาดสินค้าอินเดียด้วย

ก่อนหน้านี้ นายสาธิต เซกาล ประ ธานสมาคมนักธุรกิจอินเดีย-ไทย กล่าวว่า ปัจจุบันอินเดียมีมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 33 ราย ซึ่งมากที่สุดในเอเชียและเศรษฐีธรรมดาที่มีทรัพย์สินเกิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีอยู่หลายพันราย ข้อได้เปรียบที่ไทยจะดึงคู่แต่งงานจากอินเดีย คือ ภาพลักษณ์ประเทศไทยในอินเดียดีมาก แถมยังมีวัฒนธรรมที่คล้ายกัน การแต่งงานแต่ละครั้งจะมีญาติพี่น้องเดินทางมาร่วมพิธีเฉลี่ยครั้งละ 500-600 ราย และใช้เวลามาเที่ยว 7 วัน.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook