สธ.ยะลา ร่วมกับ เครือข่ายบริการสุขภาพ และชมรม อสม.ยะลา จัดงาน"รวมพลังออกกำลังกายสร้างสุขภาพ สนองน้ำพ

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา ร่วมกับ เครือข่ายบริการสุขภาพ และชมรม อสม.จังหวัดยะลา จัดงาน"รวมพลังออกกำลังกายสร้างสุขภาพ สนองน้ำพระราชหฤทัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ประจำปี 2553 เมื่อเวลา 09.30 น. (16 มี.ค.53 ) ที่ อาคารศรีนิบง ศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธีเปิดงาน เนื่องในวันอาสาสาธารสุข และร่วมออกกำลังกายพร้อมกัน ตามโครงการรวมพลังออกกำลังกายสร้างสุขภาพ สนองน้ำพระราชหฤทัยในหลวงฯ โดยมี สมาชิก อสม. และเครือข่ายสาธารณสุขเข้าร่วมงาน กว่า 2,000 คน นางเพลินพิศ พงศ์ปริญญากุล นักวิชาการสาธารณสุขเชี่ยวชาญ ด้านส่งเสริมพัฒนา กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินโครงการสนองน้ำพระราชหฤทัยในหลวง ที่ทรงห่วงใยสุขภาพประชาชน ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง ระหว่างปี 2552 ถึง 2554 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสที่จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 เป็นการเทิดพระเกียรติ และระลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงห่วงใยในสุขภาพของพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด โดยได้หยิบยกปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นโรคที่คนไทยมีแนวโน้ม และมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากสาเหตุพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งผู้ที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรังดังกล่าว อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นปัญหาต่อเนื่องตามมา ไม่ว่า จะเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤต อัมพาตในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง และโรคทางตา หรือเท้าในผู้ป่วยเบาหวาน ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมในภาพรวมของประเทศ ทั้งนี้ การดำเนินงานในระยะที่ 1 ที่ผ่านมา ได้ใช้กลยุทธการมีส่วนร่วมของเครือข่ายภาคประชาชน โดยให้ อสม.ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ดำเนินการคัดกรองเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ในประชากร อายุ 35 ปีขึ้นไป เพื่อป้องกันในกลุ่มปกติ เฝ้าระวัง และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในกลุ่มเสี่ยง และดูแลลดภาวะแทรกซ้อนในกลุ่มป่วย การณรงค์เชิงรุกในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ จึงยังต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และเข้มข้นโดยภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพ วันนี้จึงได้จัดกิจกรรมรวมพลังออกกำลังกายสร้างสุขภาพ สนองน้ำพระราชหฤทัยในหลวงฯ และเพื่อสร้างกระแสให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญ และประโยชน์ของการออกกำลังกาย และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาออกกำลังกายกันมากขึ้น นักวิชาการสาธารณสุขเชี่ยวชาญ ด้านส่งเสริมพัฒนา กล่าวต่อไปว่า วันที่ 20 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณ และสร้างขวัญกำลังใจ แก่อสม. จึงมีการดำเนินการคัดเลือก อสม. ที่มีผลงานดีเด่น จำนวน 12 สาขา เข้ารับโล่รางวัลในงานวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ณ กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นการเผยแพร่กิจกรรมของ อสม. และจัดกิจกรรมรณรงค์ด้านสุขภาพบูรณาการกับงานรวมพลังออกกำลังกายสร้างสุขภาพ ทั้งนี้ กิจกรรมรณรงค์ดังกล่าวประกอบด้วย การจัดนิทรรศการ และบริการสุขภาพ แบ่งเป็น 4 ฐาน ได้แก่ บริการตรวจคัดกรองความดันโลหิตสูง และเบาหวาน , ฉีดวัคซีนไข้หวัด 2009 , การสร้างสุขภาพดี และการแพทย์แผนไทย รวมทั้งมีการแสดง และแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน