ญี่ปุ่นกังวลกฎหมายลงทุนไทย

นายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วยรัฐ มนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นักลงทุนญี่ปุ่นแสดงความกังวลข้อกฎหมายไทยที่เกี่ยวกับการลงทุนมากกว่าสถานการณ์ทางการเมือง เนื่องจากความไม่ชัดเจนด้านกฎหมายได้ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนญี่ปุ่นโดยเฉพาะผู้ที่ลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ดังนั้นต้องการให้รัฐบาลไทยเร่งแก้ไข เพื่อให้เกิดความชัดเจนไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อภาพรวมการลงทุนของไทยในอนาคตได้

ช่วงการโรดโชว์ญี่ปุ่นที่ผ่านมามีการชี้แจงกับนักลงทุนญี่ปุ่นว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมมีทุกประเทศ ซึ่งไทยก็อยู่ระหว่างการเปลี่ยน ถ่ายและปรับตัว โดยจะสร้ความสมดุล ระหว่างสิ่งแวดล้อมกับอุตสาหกรรมให้ได้

ทั้งนี้ยังได้ชี้แจงนักลงทุนญี่ปุ่นว่าในส่วนของกรอบการดำเนินการตามมาตรา 67 (2) ตามรัฐธรรมนูญปี 50 นั้น มีความชัด เจนแล้ว คาดว่าเสร็จไม่เกินเดือน เม.ย. นี้ ส่วนการกำหนดประเภทกิจการที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนอย่างร้ายแรงก็อยู่ในขั้นรับฟังความคิดเห็น และจะสรุปได้สิ้นเดือน มี.ค. นี้ จากนั้นจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาต่อไป

ทั้งนี้กรอบระยะเวลาการดำเนินการก็ได้มีการชี้แจงกับนักลงทุนญี่ปุ่นชัดเจนแล้วว่า ในส่วนของโครงการที่ผ่านรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) แล้ว จะใช้เวลาอีก 6 เดือนในการปฏิบัติตามกรอบมาตรา 67 (2) ให้ครบถ้วน ส่วนนี้มีอยู่ 40 โครงการ

นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวว่า กรมโรงงานอุตสาห กรรม (กรอ.) กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) และการนิคมอุตสาห กรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เตรียมความ พร้อมในการดำเนินการตามมาตรา 67 (2) โดยจัดตั้งกลุ่มงานเฉพาะเพื่อทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการให้กับคณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นที่หน่วยงานอนุญาต.