แจ้งจับอนาจารเด็กขอจากวัดมาเลี้ยง สั่งแก้ผ้าปิดตาตบกันเองก่อนข่มขืนบังคับให้อมนกเขา
ด.ญ.กรให้การว่า ก่อนหน้านี้อาศัยอยู่พ่อแม่ซึ่งมีอาชีพทำไร่ข้าวโพดอยู่ที่ อ.พบพระ จ.ตาก และได้เรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนรวมใจพัฒนา 5 จนถึงแค่ชั้นป.4 พ่อก็ให้ออกจากโรงเรียนมาช่วยทำไร่ข้าวโพด เนื่องจากทางบ้านฐานะยากจนไม่มีเงินส่งเสีย ต่อมาหลวงพ่อเฉลิม วัดโดนเมือง จ.นครราชสีมา ได้ให้เจ้าหน้าที่ของวัดมาขอรับตนและเด็กในหมู่บ้านไปอุปการะเลี้ยงดูที่วัดดังกล่าว พร้อมทั้งให้เข้าเรียนชั้น ป.4 อีกครั้งที่โรงเรียนมัธยมพุทธเกษตร หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี ต่อมา หลวงพ่อเพิ่ม วัดบุญ ต.บ้านชวน อ.บำเน็ตณรงค์ จ.ชัยภูมิ เข้ามาเลี้ยงอาหารเด็กๆในวัดโนนเมือง พร้อมทั้งขอตนกับเพื่อนอีก 6 คน ไปเลี้ยงดูอุปการะที่วัดบุญ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระหลวงพ่อเฉลิม พร้อมทั้งให้ตนกับเพื่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนบ้านโคตะกอ (ประชาสามัคคี)
ด.ญ.กร ให้การต่อว่า หลังจากนั้นอีก 1 ปีต่อมา ก็ได้มีนางแดง พักอาศัยอยู่ในจ.ชัยภูมิ และรู้จักกับหลวงพ่อทั้ง 2 รูป เข้ามาทำบุญที่วัด ก่อนจะขอตนกับ ด.ญ.รักษ์ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี มาอุปการะเลี้ยงดู พร้อมทั้งส่งเสียให้เรียนหนังสือแทนเพื่อลดภาระหลวงพ่อเพิ่ม จนเวลาผ่านไป 1 เดือน นายประเวช ซึ่งเป็นญาติของนางแดง ได้เดินทางมาเยี่ยมนางแดงที่จ.ชัยภูมิ และขอตนกับ ด.ญ.รักษ์ มาเลี้ยงดูเป็นลูกบุญธรรม และจะส่งเสียให้เรียนหนังสือแทน พวกตนทั้งสองคนจึงได้มาอยู่กับนายประเวช ที่บ้านเลขที่ 12/85 หมู่บ้านเสรีวิลล่า แขวงสวนหลวง เขตประเวศ ตั้งแต่เดือน ก.ค.ปี 51 เป็นต้นมา
หลังจากมาพักอยู่ที่กทม. นายประเวชก็ไม่ได้ส่งเสียให้พวกตนเรียนหนังสือแต่อย่างใด แต่ให้มาทำงานในฐานะคนรับใช้ จนกระทั่งวันหนึ่งในเดือนต.ค.51 ที่ผ่านมา ภรรยานายประเวช เดินทางไปต่างจังหวัด และนายประเวช กลับจากทำธุระมาถึงบ้านก็เห็นบ้านไม่สะอาด เลยทำโทษตนทั้งสองคน ด้วยวิธีให้ตบกันเอง แต่พวกตนตบกันไม่แรงตามที่นายประเวชต้องการ ก็โกรธจัดบังคับให้ตนทั้งสองคนถอดเสื้อผ้าออกให้เหลือแต่กางเกงในแล้วให้ตบกันใหม่ แต่นายประเวชก็ยังไม่พอใจ บังคับให้พวกตนทั้งสองคนถอดกางเกงในอีก และให้หาผ้ามาผูกตาแล้วใช้ไม้ตีกันต่อจนกระทั่งนายประเวชพอใจจึงอุ้ม ด.ญ.รักษ์ ออกไปกระทำชำเรานอกห้อง ด.ญ.กร กล่าวและว่า ไม่กี่วันต่อมา ระหว่างที่นายประเวชอยู่ลำพังกับพวกตน เจ้าตัวก็ใช้ผ้าผูกตาพวกตนอีกครั้ง แล้วบังคับให้ตนทั้งสองคนสลับกันใช้ปากสำเร็จความใคร่ให้อีก และทำแบบนี้อีก 3 ครั้ง ในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.51 ที่ผ่านมา ซึ่งทุกครั้งเจ้าตัวจะนั่งเก้าอี้ถอดกางเกงถ่างขารอเลย แต่ครั้งหลังๆ ตนจะพยายามร้องและหลบเลี่ยง จึงทำให้นายประเวช ชอบให้ด.ญ.รักษ์ ทำให้มากกว่า จนกระทั่งตัดสินใจหนีออกมาจากบ้านของนายประเวศ เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา แล้วเดินไปตามถนนโดยไม่รู้ว่าจะไปไหน จนเวลาประมาณ 22.00 น.ก็มาพบตำรวจสน.ประเวศ ทางตำรวจจึงประสานให้มูลนิธิฯ มารับตนไปดูแล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุต่อมาเวลา 20.00 น.ของวันที่ 11 ม.ค. ได้มีญาติพ่อน้องของนายประเวช ประมาณ 7 คน เดินทางมาที่มูลนิธิคุ้มครองเด็ก เพื่อแจ้งความประสงค์ขอรับตัว ด.ญ.กร กลับไปอุปการะต่อ แต่ ด.ญ.กร มีอาการหวาดกลัวกลุ่มญาติๆ ของนายประเวช เป็นอย่างมาก ทางมูลนิธิจึงไม่ยอมให้ ด.ญ.กรกลับไป พร้อมทั้งเดินทางมาแจ้งความในวันนี้
ด้าน พ.ต.ท.ภูมอัควุฒิกล่าวว่า เบื้องต้นจะรับแจ้งความไว้พร้อมทั้งสอบปากคำผู้เสียหาย และเจ้าหน้าที่มูลนิธิคุ้มครองเด็กอย่างละเอียด จากนั้นก็จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับนายประเวช จากศาลพระโขนง ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี โดยในวันพรุ่งนี้จะนัดผู้เสียหาย มาสอบปากคำร่วมกับอัยการ นักจิตวิทยา และนักสังคมสงเคราะห์ อย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วน ด.ญ.รักษ์ ผู้เสียหายอีกคนนั้น จะประสานให้ฝ่ายสืบสวนติดตามช่วยเหลือต่อไป แต่คาดว่าคงไม่อยู่ที่บ้านของนายประเวชแล้ว