คดีพลิก? บ่าวสาวป้ายแดง แต่ง 5 วันเลิก ออกโหนกระแส งานนี้กองเชียร์มีเปลี่ยนฝั่ง

คดีพลิก? บ่าวสาวป้ายแดง แต่ง 5 วันเลิก ออกโหนกระแส งานนี้กองเชียร์มีเปลี่ยนฝั่ง

คดีพลิก? บ่าวสาวป้ายแดง แต่ง 5 วันเลิก ออกโหนกระแส งานนี้กองเชียร์มีเปลี่ยนฝั่ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณี ข่าวใหญ่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กรณีของเจ้าบ่าวที่โพสต์แฉ ว่าเจ้าสาวที่เพิ่งแต่งงานกันได้ 5 วัน มาขอเลิกรา แล้วไม่ยอมคืนเงินสินสอดให้ และยังร่ายยาวถึงปัญหาขัดแย้งกันเรื่องซองงานแต่งระหว่างสองครอบครัว ทำให้หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ และมีกระแสโจมตีครอบครัวฝ่ายหญิงเป็นจำนวนมาก

ล่าสุด รายการโหนกระแสวันนี้ เชิญ "นัท" เจ้าบ่าว มาพร้อมกับแม่ และ "บีม" เจ้าสาว มาพร้อมกับแม่และพี่สาว โดยมีทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ เป็นทนายคนกลาง มาพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้น

คุณนัท เจ้าบ่าว เล่าว่า ทั้งตนและเจ้าสาวเป็นชาว ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี พบรักกันเมื่อ 2-3 ปีก่อน ช่วงแรกพูดคุยคบหากันมาได้ประมาณ 6 เดือน บีม แฟนสาว บอกว่าจะต้องไปช่วยพี่สาวทำงานที่ กทม. ตนยอมรับว่าเป็นคนขี้หึง กลัวว่าอยู่ไกลกันเราจะมีปัญหา ก็เลยขอไปทำงานที่ กทม.ด้วย โดยทางแม่ของบีม ก็บอกว่าถ้าจะไปอยู่ด้วยกันที่ กทม. อยากให้แต่งงานกัน มันจะได้ไม่เสียหาย แต่นัทบอกว่ายังไม่พร้อม ก็ขอผัดผ่อนมาจนปีนี้

สุดท้ายมาตกลงแต่งงานกัน ให้ผู้ใหญ่มาคุยเจรจากัน ฝ่ายหญิงเรียกสินสอด 2 แสนบาท ทองอีก 2 บาท ตกลงกันว่าจะจัดงานแต่งที่บ้านฝ่ายชาย ค่าโต๊ะจีน เงินจัดเลี้ยงอะไรต่างๆ คุยกันว่าจะต้องออกคนละครึ่ง ก็มีปัญหายิบย่อยเรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดงาน

ฝ่ายหญิงมีการบอกให้ฝ่ายชายจ่ายค่านู่น ค่านี่ไปก่อน ฝ่ายชายก็ออกไปก่อน แล้วบอกให้ฝ่ายหญิงเอาก้อนที่ต้องคืน ไปจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนที่เหลือ ซึ่งระหว่างที่ตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายก็มีเถียงกันอยู่เนืองๆ

ในวันแต่งงาน เงินกองกลางที่ได้จากแขก มี 2 ก้อน ก้อนแรกคือเงินรับไหว้จากญาติผู้ใหญ่ 2 ฝ่าย อีกก้อนคือเงินกล่องที่แขกมางานแล้วจะเอาซองมาหยอด โดยแม่ของนัท (เจ้าบ่าว) เป็นคนเก็บเงินรับไหว้ไป แม่ของนัทบอกว่าได้แยกซองรับไหว้ของญาติบีมไปแล้ว แต่มันก็จะมีหลงๆ มา 10 ซอง แต่เงินซองของแขกก็อยู่กับฝ่ายหญิงอยู่แล้ว

ขณะที่ฝ่ายบีมบอกว่า ในกล่องไม่มีซอง ไม่มีเงิน เงินที่ได้จากงานแต่งมีแค่เงินรับไหว้เท่านั้น ดังนั้นเงินทั้งหมดที่ได้จากแขก คืออยู่กับแม่ของนัททั้งหมด

สุดท้ายพอแต่งงานกันไปได้ 2-3 วัน นัทถามบีมว่า ค่าใช้จ่ายที่แม่บีมมาขอยืมไป 3,500 บาท เอาไปจ่ายค่ารูปก่อน สรุปแล้ว “แม่เธอจะเอายังไง” บีมฟังแล้วก็งง ถามว่า ในเมื่อนัทถือเงินรับไหว้ที่เป็นเงินกองกลางอยู่แล้ว ทำไมไม่หักเงินก้อนนี้คืนแม่ไปก่อน จะมาถามทำไม เหมือนกับมาตามทวง

นัทบอกว่า ที่ต้องถาม เพราะเงินกองกลางมันเป็นเงินของเราสองคน จะให้ตนตัดสินใจโดยพลการมันไม่ได้ ตนยืนยันว่า ไม่ได้พูดว่า “แม่เธอจะเอายังไง” แต่พอตนถามไปแล้ว บีมกลับประชดกลับมาว่า “เรื่องเงินแค่นี้ยังมีปัญหา จะเอาสินสอดคืนเลยไหม” ตนไม่เข้าใจว่าจะประชดทำไม ในเมื่อเราแต่งงานกันแล้ว

บีมบอกว่า นัทพูดจริงๆ ว่า “แม่เธอจะเอายังไง” แล้วสำหรับตน ตนมองว่า แค่เรื่องเงินแค่ 3,500 บาท นัทยังทำให้เป็นปัญหาเป็นเรื่องใหญ่ คำถามคือ แล้วหลังจากนี้ตนจะใช้ชีวิตร่วมกับเขายังไง ปัญหาใหญ่กว่านี้มันจะไม่แย่กว่านี้หรือ?

บีมบอกว่า หลังแต่งงาน ไปอยู่บ้านนัทได้แค่ 3 วัน บอกนัทว่าต้องไปทำงานต่อให้จบถึงสิ้นเดือน แล้วจะลาออกมาอยู่ที่บ้านนัทตามที่ตกลง แต่นัทไม่เข้าใจ บอกว่าถ้าแต่งกันแล้วไม่ได้อยู่ด้วยกัน จะแต่งกันไปทำไม บีมบอกว่า ถ้าสิ้นเดือนแล้วบีมไม่กลับไปจริงๆ บีมจะคืนสินสอดให้หมดเลย

สุดท้ายบีมไปร้องไห้กับพี่ชาย ว่าทำไมนัทถึงไม่เข้าใจตนเลย พี่ชายบีมเลยโทรไปเอาเรื่องนัท จนเกิดการปะทะวาจากัน ลุกลามบานปลาย มีการไปตกลงกันบนโรงพักแต่คุยกันไม่รู้เรื่อง ทะเลาะกันหนัก กลับมานัทก็ไปโพสต์ลงโซเชียล จนทำให้ฝ่ายหญิงถูกคนรุมด่าทั้งประเทศ เรื่องราวจึงเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา

สุดท้ายยิ่งพูดก็ยิ่งยืดยาว ยิ่งไม่จบ ต่างฝ่ายต่างเอาเรื่องราวต่างๆ มาต่อว่าต่อขานกัน ทำให้ ทนายไพศาล ให้ข้อคิดกับนัทและบีมว่า หลายคนมองว่ามันเป็นการทะเลาะเรื่องเงิน แต่จริงๆ ตนมองว่าสองคนไม่ได้มีโอกาสได้ศึกษาดูใจกันให้นานพอ นิสัยใจคอต่างๆ คนรักกัน แต่งงานกัน มันควรจะเป็นเรื่องของคนสองคน แต่อะไรต่างๆ ที่พูดมาในรายการ มันกลายเป็นเรื่องของคนหลายคน ยิ่งพูดกันยิ่งไม่จบ เท่าที่ดูต่างคนต่างยังมีอารมณ์ อยากให้ไปคุยกันดีๆก่อน ถ้าใช้เวลาอาจจะเยียวยาบาดแผลได้

แต่ทางสองครอบครัวมองว่า ตอนนี้มันน่าจะมองหน้ากันไม่ติดแล้ว ฝ่ายหญิงบอกว่าเสียหายจนไม่กล้าออกจากบ้านแล้ว ฝ่ายชายเขากล่าวหาว่าบีมไปหลอกเงินเขา กินเงินเขาจนอิ่ม การกล่าวหาแบบนี้มันเกินไป ขณะที่ฝ่ายชายก็บอกว่า ถ้าเขาไม่คิดจะกลับมาแล้ว ก็ขอแค่เงินสินสอด 5 หมื่นกับทองของเราคืน

เรื่องราวทำท่าจะจะจบ แต่ก็ไม่จบ ยิ่งคุยยิ่งยืดเยื้อ สุดท้ายบีมพูดทั้งน้ำตา บอกว่า “เลิก” ยอมรับว่ายังรัก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้ชัดเจนแล้วว่า มันไปด้วยกันไม่ได้แล้วจริงๆ ให้เขาไปอยู่กับแม่เขาดีกว่า

ขณะที่พี่สาวของบีมยังคงเดือดว่า สิ่งที่นัทโพสต์ทำให้คนมารุมด่าบีม ด่าครอบครัวบีมทั้งบ้าน จนถึงวันนี้จะแยกย้ายกันไป โดยที่เขาไม่ขอโทษต่อหน้าคนอื่นมันไม่ได้ ชื่อเสียงที่มันเสียไปแล้วจะทำยังไง

สุดท้ายเมื่อหาข้อสรุปไม่ได้ ทั้งสองฝ่ายก็ต้องไปพูดคุยกันต่อหลังจากนี้ แต่ทนายไพศาลได้ให้ข้อคิดว่า ฝ่ายชายจะเรียกร้องเอาสินสอดคืนก็ได้ เปนคดีแพ่ง แต่ที่ฝ่ายชายไปโพสต์ให้เขาเสียหาย มันเป็นคดีอาญา ถ้าอยากจะไปสู้ก็ไป แต่อยากให้รู้ว่าฝ่ายหญิงเขาเอาผิดทางอาญาเราได้ ถ้าต่างฝ่ายต่างยังรักกันก็อยากให้คุยกันดีๆ แต่ถ้าจะไม่กลับมาอยู่ด้วยกันแล้วจริงๆ ก็อยากให้จบเรื่องแบบไม่ต้องไปฟ้องร้องกัน

ทนายไพศาลยังให้ข้อคิดกับนัทด้วยว่า เราเป็นผู้ชายต้องมีความเป็นสุภาพบุรุษ ฝ่ายหญิงไม่ได้เป็นมิจฉาชีพที่หวังจะมาแต่งงานเพื่อเอาเงิน ถ้าเขาเป็นแบบนั้นเขาคงหนีหายไปแล้ว แต่สิ่งที่ฝ่ายหญิงแสดงออกในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าเขายังรัก แต่เขาเสียใจกับเหตุการณ์นี้มากๆ เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคน อยากให้นัทลดความเป็นลูกของแม่ แล้วเอาความเป็นผู้ชายมาพูดกับเขาให้เข้าใจ คุยกันดีๆ เพราะไปฟ้องกันในศาลมันไม่คุ้ม

อัลบั้มภาพ 13 ภาพ

อัลบั้มภาพ 13 ภาพ ของ คดีพลิก? บ่าวสาวป้ายแดง แต่ง 5 วันเลิก ออกโหนกระแส งานนี้กองเชียร์มีเปลี่ยนฝั่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook