ผู้ชุมนุมถูกยิงเสียชีวิต 1 คน ขณะลอบเข้าไปในสวนลุมพินี เพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่

ผู้ชุมนุมถูกยิงเสียชีวิต 1 คน ขณะลอบเข้าไปในสวนลุมพินี เพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่

ผู้ชุมนุมถูกยิงเสียชีวิต 1 คน ขณะลอบเข้าไปในสวนลุมพินี เพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แยกวิทยุ 15 พ.ค. - ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณแยกวิทยุ ว่า เวลา 17.00 น. วันนี้ เจ้าหน้าที่ทหารสามารถผลักดันผู้ชุมนุมบริเวณ แยกวิทยุ ถ.พระราม 4 ออกไปจนถึงทางขึ้นทางด่วนคลองเตย ใกล้แยกบ่อนไก่ และสามารถควบคุมผู้ชุมนุมได้กว่า 20 คน จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้วางแนวป้องกัน โดยขึงลวดหนามขวาง ถ.พระราม 4 บริเวณแยกบ่อนไก่ ทั้งขาเข้าและขาออก และตรึงกำลังอยู่ในบริเวณดังกล่าว เผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่ง ที่ยังไม่ถูกควบคุมตัว ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น ได้พยายามก่อกวนโดยการปาก้อนหินและระเบิดปิงปอง รวมทั้งยิงหนังสติ๊กและบั้งไฟใส่เจ้าหน้าที่ แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ยิงปืนขึ้นฟ้า เป็นการขู่ เมื่อผู้ชุมนุมพยายามเข้าใกล้แนวป้องกัน

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้นำลวดหนามมาขึงบริเวณ ถ.วิทยุ ตลอดแนวทั้ง 2 ฝั่ง ตั้งแต่บริเวณใกล้กับสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทยแห่งใหม่ จนถึงบริเวณสวนลุมพินี และตลาดนัดสวนลุมไนท์บาซาร์

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายในสวนลุมพินีมีกลุ่มผู้ชุมนุมที่พยายามลอบเข้ามาทำร้ายเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต 1 คน .- สำนักข่าวไทย

----------------------------------------------------------------------------------------

 

แกนนำเสื้อแดงยังปลุกเร้าให้ผู้ชุมนุมตื่นตัวเตรียมรับสถานการณ์ ด้าน ณัฐวุฒิ เรียกร้องนายกฯ รับผิดชอบทางการเมืองจากเหตุรุนแรงวานนี้ (13 พ.ค.) เตรียมหารือแกนนำหาข้อสรุปมาตรการเดินหน้าต่อ ยืนยันยังติดต่อ "วีระ" ตลอดและไม่ได้ขัดแย้งกัน

เมื่อเวลา 08.00 น. การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณแยกราชประสงค์ บรรยากาศค่อนข้างผ่อนคลายลง หลังจากผู้ชุมนุมตึงเครียดตั้งแต่ช่วงหัวค่ำเมื่อวานนี้ (13 พ.ค.) จากเหตุการณ์ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ถูกลอบยิงอาการสาหัส และมีเหตุยิงปะทะ ระเบิด เป็นระยะ ที่บริเวณถนนวิทยุ ทั้งนี้ ระบบไฟฟ้าและน้ำประปายังคงใช้ได้ตามปกติ เหลือเพียงระบบสัญญาณโทรศัพท์มือถือที่ยังใช้งานไม่ได้ และได้สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน และบุคลากรหน่วยงานราชการหลายแห่งในพื้นที่ เช่น โรงพยาบาลตำรวจ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ขณะที่บนเวทีปราศรัย น.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำคนเสื้อแดง ปราศรัยบนเวที เรียกร้องให้ผู้ชุมนุมตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อเตรียมรับสถานการณ์หากมีเหตุ รุนแรงเกิดขึ้น พร้อมระบุว่า วันนี้ (14 พ.ค.) เวลา 13.00 น. นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ แนวร่วมคนเสื้อแดง จะนำผู้บาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ดำเนินคดีต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ที่สั่งให้มีการสลายการชุมนุมเพื่อขอพื้นที่บริเวณสะพานผ่าฟ้าลีลาศ และถนนราชดำเนินคืน

ด้านนายจรัล ดิษฐาอภิชัย ปราศรัยว่า วันนี้ (14พ.ค.) รัฐบาลคงยังไม่ใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมทุกคนต้องเตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลาเพื่อความไม่ประมาท และหากเกิดการปะทะกัน อย่าคิดแต่เพียงว่าสู้ลูกเดียวไม่กลัวตาย เพราะครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่มีเงื่อนไข ไม่เช่นนั้นคนเสื้อแดงชนะไปนานแล้ว สำหรับกรณี พล.ต.ขัตติยะ ที่ถูกมือสังหารลอบยิงขณะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เป็นการกระทำที่เหี้ยมโหด เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีความพยายามดังกล่าวเกิดขึ้นอีก ขอให้ทุกคนเตรียมพร้อมเพื่อรับมือ

จากนั้น เวลา 11.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง แถลงด้านหลังเวทีปราศรัยว่า เหตุการณ์วานนี้ (13 พ.ค.) เป็นการสูญเสียที่น่าเศร้าจากเหตุการณ์รุนแรงอีกครั้งหนึ่งของประเทศไทย ทั้งที่คนเสื้อแดงชุมนุมอย่างสงบสันติ ไม่มีการเคลื่อนขบวน หรือแนวทางที่สุ่มเสี่ยง มีเพียงการตั้งมั่นเพื่อรอคำตอบจากรัฐบาลว่าจะให้นายสุเทพ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ในข้อหาจ้างวานฆ่าประชาชน และยืนยันตลอดว่า หากนายสุเทพ ยินยอมตามนั้น คนเสื้อแดงจะสลายการชุมนุม แต่หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ข้อสรุปและข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดงกลายเป็นอดีตไป เนื่องจากการกระทำของนายอภิสิทธิ์ แสดงต่อชาวโลกแล้วว่า ตัดสินใจล้มเลิกแผนปรองดองไปอย่างสิ้นเชิง

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายว่ามีมากกว่าที่สื่อมวลชนรายงานหรือ ไม่ นอกจากนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้คุยกับภรรยาของนายชาติชาย ชารัม อาชีพขับรถแท็กซี่ ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า สามีปกติเป็นผู้ที่ชอบถ่ายภาพ จึงไปเก็บภาพที่บริเวณตึกอื้อจือเหลียง โดยไม่มีอาวุธ แต่ต้องเสียชีวิตเพราะยืนอยู่ตรงข้ามรัฐบาล ถูกยิงที่ศีรษะเสียชีวิตทันที โดยไม่มีเหตุผลว่าทำไมคนไทยที่ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต้องเสียชีวิตแบบ นี้ ขอถามนายอภิสิทธิ์ ฐานะนายกรัฐมนตรี ยังต้องการอีกกี่ชีวิต เพราะทุกครั้งที่รัฐบาลประกาศเคลื่อนกำลัง จะมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทุกครั้ง รัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์อะไรได้เลย แต่ไม่ยอมยุติการเคลื่อนกำลัง เป็นการยืนยันว่ามาตรการใช้กำลังของรัฐบาลไม่เคยมีผลดี เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้น หากนายอภิสิทธิ์ ไม่คิดใช้กำลัง

"ไม่เพียงประชาชนเท่านั้นที่ต้องสูญเสีย ยังมีการลอบยิง พล.ต.ขัตติยะ แสดงให้เห็นว่า นอกจากการใช้กำลังยังมีการตั้งหน่วยล่าสังหารคอยเข่นฆ่าประชาชนอีก นอกจากนั้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกรัฐบาล ระบุว่า การลอบยิง พล.ต.ขัตติยะ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล หากเป็นเช่นนั้นขอถามว่าแล้วใครเกี่ยว ในเมื่อเหตุการณ์กลุ่มบุคลเสื้อดำ เมื่อวันที่ 10 เมษายน รัฐบาลระบุว่า เป็นผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวในกลุ่มผู้ชุมนุม แสดงว่าเหตุการณ์เมื่อหัวค่ำวันที่ 13 พฤษภาคม มีกลุ่มผู้ก่อการร้ายปะปนในหมู่ทหาร รัฐบาลคงไม่อธิบายว่าผู้ก่อการร้ายเป็นกลุ่มเดียวกัน" นายณัฐวุฒิ กล่าว และว่าในช่วงบ่ายจะมีการประชุมแกนนำ เพื่อสรุปมติกำหนดมาตรการ แล้วจะแถลงในช่วงเย็น

ส่วนกรณี นายอดิศร เพียงเกษ อดีต ส.ส.ไทยรักไทย และประธานสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนล และนางไพจิตร อักษรณรงค์ จะถอนตัวจากการชุมนุมตาม นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง หรือไม่นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การมาเป็นคนเสื้อแดงไม่มีสถานที่รับสมัคร ไม่มีองค์กรใดรับรอง เป็นการมาด้วยความสมัครใจ เป็นเรื่องของเสรีชน แต่จิตวิญญาณของคนเสื้อแดงยังคงอยู่ การต่อสู้ยังคงอยู่ ส่วนกรณี นายวีระ ขณะนี้ติดต่อกันอยู่ตลอดเวลา นายวีระ กำลังทำอะไรหลายอย่างเพื่อให้การต่อสู้ของคนเสื้อแดงสู่ความสำเร็จ และยังอยู่ในประเทศไทย ไม่ได้ไปอังกฤษ อย่างที่เป็นข่าว รวมถึงไม่มีความขัดแย้งอะไรกัน เพราะทั้งตน และนายจตุพร ล้วนเป็นลูกศิษย์ทางการเมืองของ นายวีระ และเคยเป็นลูกทีมของ นายอดิศร เมื่อสมัยที่เดินหาเสียงให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ขึ้นเวทีปราศรัยระบุว่า ขอเตือนนายกรัฐมนตรี ว่าเหตุการณ์ขณะนี้ใกล้เกิดสงครามกลางเมือง เพราะมีหลายจุดที่มีการปะทะกัน ตอนนี้คนเสื้อแดงหลายจังหวัดรวมตัวกันเพื่อรอสัญญาณจากส่วนกลาง หากรัฐบาลใช้วิธีรุนแรงเท่าใด มาตรการโต้กลับก็จะรุนแรงเหมือนกัน และถ้ามีด่านสกัดคนเสื้อแดงที่ไหน คนเสื้อแดงจะไปขับไล่ และเชื่อว่าองค์กรสิทธิมนุษยชนสากลกำลังจับตาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่

นายจตุพร กล่าวว่า ในส่วนของรถไฟฟ้าบีทีเอส ขออย่าให้ความร่วมมือกับรัฐบาล เพราะสังเกตว่า เมื่อรถไฟฟ้าวิ่งผ่านพื้นที่ชุมนุมมีการชะลอความเร็ว จึงเกรงว่าจะมีการขนทหารเข้ามา นอกจากนี้ ยังแจ้งเตือนแกนนำและการ์ดเสื้อแดงไม่ให้ออกนอกพื้นที่ชุมนุม เพราะสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดเหตุรุนแรง ขณะที่ความเคลื่อนไหวของแกนนำนั้น ส่วนใหญ่นั่งหลังเวที แต่ละคนมีสีหน้าเคร่งเครียด และเมื่อเวลา 13.30 น. โทรศัพท์เคลื่อนที่เริ่มกลับมาใช้การได้ตามปกติแล้ว

แดงประกาศไม่ยอมรับปฏิบัติการศอฉ.

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เปิดเผยว่า ที่ประชุมแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง มีมติไม่ยอมรับว่า การดำเนินงานของรัฐบาล เป็นการสลายการชุมนุมตามหลักสากล แต่เห็นว่า เป็นการลอบสังหารประชาชน นำไปสู่สงครามกลางเมือง พร้อมกับ เรียกร้องให้รัฐบาล ยุติการใช้ความรุนแรง โดยจะต้องยกเลิกการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หยุดยิง และให้สั่ง ถอนกำลังทหาร โดยทันที นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี ยุบสภา โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง จะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่รักษาการ พร้อมทั้ง ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เช่นเดียวกับ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง อย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ หากรัฐบาล จะยังไม่ดำเนินการต่างๆ ตามข้อเรียกร้อง เชื่อว่า คืนนี้จะมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เหมือนกับเหตุการณ์ วันที่ 10 เม.ย.

อย่างไรก็ตาม นายณัฐวุฒิ ยืนยันว่า กลุ่มคนเสื้อแดง จะปักหลักชุมนุมอย่างสงบในพื้นที่ต่อไป

 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook