ศอฉ.ยันก่อการร้ายหวังโค่นรัฐบาล

ศอฉ.ยันก่อการร้ายหวังโค่นรัฐบาล

ศอฉ.ยันก่อการร้ายหวังโค่นรัฐบาล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ที่ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า สถานการณ์ในการขอคืนพื้นที่จนเกิดเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่และกลุ่มผู้ชุมุนุมได้เข้ามาถึงจุดที่แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศว่าจะทำสงครามประชาชน และทำสงครามกลางเมือง และสอดคล้องกับการที่แกนนำ นปช.ได้ปลุกระดมมวลชนโดยใช้ข้อมูลที่บิดเบือนจากข้อเท็จจริงและใช้ความรุนแรงตลอดเวลา

ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ฝ่ายรัฐต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด การใช้อาวุธเข้าโจมตีเจ้าหน้าที่ แตกต่างจากที่แกนนำนปช.ดำเนินการอยู่ในการส่งหนังสือไปต่างประเทศ และอ้างว่าได้ส่งหนังสือถึงกรรมาธิการต่างประเทศ ที่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยอ้างว่ารัฐบาลใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าจัดการกับมวลชนมือเปล่า ซึ่งเป็นความเท็จ และตรงข้ามกับข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ได้กระชับวงล้อม เพื่อสกัดการเต็มกำลังสนับสนุนของมวลชนที่นิยมการใช้ความรุนแรง โดยกลุ่ม นปช.ได้โจมตีเจ้าหน้าที่โดยใช้อาวุธหนัก ซึ่งถือเป็นกองกำลังที่ใช้อาวุธหนักมากที่สุด นับจากสงครามคอมมิวนิสต์ ทำให้รัฐบาลต้องทำงานชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างประเทศ

"กระทรวงต่างประเทศได้ติดตามสถานการณ์โดยตลอด และได้มีการส่งหนังสือไปยังกระทรวงต่างประเทศทุกประเทศทั่วโลกเพื่อเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และทำความเข้าใจกับสถานทูตในประเทศไทย และสื่อต่างชาติ" นายสาทิตย์ กล่าว และว่า ทั้งนี้สิ่งที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นว่าการดำเนินการของกลุ่ม นปช. โดยแกนนำที่นิยมความรุนแรง มีจุดมุ่งหมายเพื่อโค่นล้มรัฐบาลโดยใช้วิธีที่ผิดกฎหมาย สิ่งที่กระทำถือเป็นความเห็นแก่ตัว ที่แกนนำใช้พลังมวลชนที่นิยม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยจะเห็นว่า ข้อเรียกร้องของแกนนำ นปช. ไม่ใช่เพื่อมวลชน แต่เพื่อการต่อรองในการดำเนินคดี การต่อรองในการขอประกันตัว และเมื่อไม่ได้ตามข้อเรียกร้องจึงล้มแผนปรองดอง ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่ผูกพันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และแกนนำที่นิยมใช้ความรุนแรง

โดยจะเห็นว่าข้อเรียกร้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ 4 ข้อ ตรงข้ามกับข้อเท็จจริงที่เกิดขี้น ซึ่งข้อเรียกร้องที่ 1.ที่เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่หยุดการใช้กำลังหรืออาวุธ ตรงข้ามกับเท็จจริง พ.ต.ท.ทักษิณกลับให้แกนนำหัวรุนแรงโจมตีเจ้าหน้าที่โดยใช้อาวุธหนัก และเจ้าหน้าที่ต้องตอบโต้เพื่อรักษาชีวิต และเพื่อให้ปฎิบัติหน้าที่ได้ต่อไป

2.ให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งรัฐบาลจะยกเลิกได้ต่อเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณยุติการชุมนุม ให้มวลชนได้กลับบ้าน เลิกใช้มวลชนเป็นโล่กำบัง

3.การเจรจา ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลได้มีการเจรจาแล้ว 1ครั้ง แต่แกนนำ นปช.กลับล้มการเจรจาเอง

4. ให้มีการเจรจาปรองดอง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีการเสนอแผนปรองดอง ซึ่งช่วงแรกดูเหมือนแกนนำจะมีการตอบรับ แต่เมื่อเสนอขอประกันตัวไม่ได้ จึงล้มเจรจาแผนปรองดอง ดังนั้นจึงเห็นว่าข้อเสนอเป็นเพียงการสร้างภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ และแกนนำที่ใช้ความรุนแรง

นอกจากนี้การนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน ซึ่งการนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่และมวลชนที่ใช้อาวุธ ที่มีการตอบโต้ไปมานั้น ขอให้เข้าใจว่าการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ เป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบ และศาลแพ่งไม่ได้ให้การคุ้มครอง เป็นการชุมนุมโดยใช้ความรุนแรง มีการแฝงตัวของกลุ่มก่อการร้าย ขณะที่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามมาตรฐานสากล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook