นายกฯ สั่งจัดการม็อบทุกสีที่ทำผิด จตุพร รู้ คนเคยรัก อยู่เบื้องหลังป่วนเวทีปราศรัย

นายกฯ สั่งจัดการม็อบทุกสีที่ทำผิด จตุพร รู้ คนเคยรัก อยู่เบื้องหลังป่วนเวทีปราศรัย

นายกฯ สั่งจัดการม็อบทุกสีที่ทำผิด จตุพร รู้ คนเคยรัก อยู่เบื้องหลังป่วนเวทีปราศรัย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายกฯ สั่งดำเนินการม็อบทุกสีที่ทำผิด เผยดึงคนนอกทำงานปฏิรูปการเมือง-คดีความ แกนนำเสื้อแดงบอกรู้ คนเคยรัก อยู่เบื้องหลังป่วนเวทีปราศรัยบุรีรัมย์ เตรียมออกอากาศทีวีเสื้อแดงกลางม.ค. ชวรัตน์ สั่งขจัดสื่อเป็นภัยสถาบัน มาร์ค สั่งจัดการม็อบทุกสีทำผิด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการประชุมหน่วยงานความมั่นคงเมื่อวันที่ 8 มกราคมว่า มีการประเมินว่าความคิดที่แตกต่างยังมีอยู่ชัดเจน สิ่งที่ย้ำไปคือ การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ คงต้องแยกแยะ ส่วนที่เป็นการใช้สิทธิในการชุมนุมก็เปิดโอกาสให้ทำได้ แต่การทำร้ายร่างกาย มันไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการชุมนุมหรือไม่ชุมนุมแล้ว ดังนั้นใครตั้งใจทำร้ายร่างกายผู้อื่น ก็เป็นความผิดชัดเจน ต้องดำเนินการ "ผมกำชับไปว่า คดีที่เป็นความผิดในเชิงทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สินในทุกเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตาม ควรจะเร่งรัดเสีย จะได้มีความชัดเจน ต่อไปวันข้างหน้าจะเคลื่อนไหว จะชุมนุมทำได้ แต่ต้องรู้ว่าถ้าทำผิดกฎหมาย อย่างเรื่องทำลายทรัพย์สิน ทำร้ายร่างกาย ต้องดำเนินการทันที คดีทำร้ายร่างกาย เกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย ผมจึงบอกว่าทำให้เห็นเลย ทำให้เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ของเสื้อสีไหนก็ตาม ผมเชื่อว่าหลายฝ่ายกำลังติดตามเรื่องการให้ความเป็นธรรม อย่างไรก็ตามผมคงไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ในเวลาสั้นๆ แต่มาตรการที่กำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่ เชื่อว่าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จะเห็นได้ชัดว่า เราตั้งใจทำงานให้กับคนทุกคน" นายกฯกล่าว ทาบคนนอกช่วยทำ กลไกพิเศษ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ส่วนการปฏิรูปทางการเมือง และเรื่องคดีความต่างๆ ตนกำลังทาบทามบุคคลภายนอก ไม่อยู่ในวังวนของความขัดแย้งและเป็นที่ยอมรับมาช่วยทำงาน โดยมีกระบวนการที่ชัดเจน คือกลไกพิเศษที่เคยพูดถึง ขอเวลา 1 สัปดาห์ ขณะนี้มีรายชื่ออยู่ กำลังสอบถามความคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ ต่อชื่อเหล่านี้ ส่วนจะต้องมีกฎหมายรองรับเพื่อให้เป็นกลไกที่มีผลทางกฎหมายหรือไม่นั้น เราไม่คิดไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพียงแต่ต้องการในเชิงความเห็นและการสะท้อนข้อมูลให้ครบถ้วนเท่านั้นเอง เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการสอบและตรวจทาน ว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ตามปกติ ไม่ได้ละเว้น หรือกลั่นแกล้งใคร "กลไกดังกล่าวจะไม่ใหญ่ เพราะจะทำงานยาก ส่วนรูปแบบจะเหมือนคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) ในอดีตหรือไม่นั้น คงจะเป็นคนละรูปแบบ เพราะ กอส.เป็นองค์กรที่มีหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้องมาก อีกทั้งภารกิจของ กอส.ขณะนั้น ครอบคลุมนโยบายระยะยาว มีเวลาทำงานมาก แต่กรณีนี้มีความจำเป็นที่จะต้องทำในระยะเวลาสั้น กระชับ ซึ่งประเด็นไม่ซับซ้อนมาก เพียงแต่แต่ต้องดูให้ครบถ้วน เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาโจมตีกันว่าไม่มีความเป็นธรรมอยู่ในกระบวนการต่างๆ กลไกพิเศษที่ว่าจะเป็นลักษณะให้ข้อมูลและข้อเสนอแนะแก่รัฐบาล รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง" นายกฯกล่าว รับใช้เวลานานกว่าจะได้ข้อสรุป เมื่อถามว่า กังวลว่าผู้หลักผู้ใหญ่ที่เชิญมาเป็นกรรมการกลไกพิเศษจะเปลืองตัวหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาไม่ค่อยได้รับความร่วมมือ นายกฯกล่าวว่า ตนจะให้ทุกหน่วยงานให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ จะไม่ให้ซ้ำรอยเดิม ส่วนจะได้รับความกระจ่างเมื่อไหร่นั้น ถ้าถามใจตน อยากให้เร็ว แต่ได้สอบถาม ผบ.ตร.แล้วว่าแต่ละคดีใช้เวลาแค่ไหน ก็ใช้เวลาเป็นเดือน คงไม่สามารถสรุปได้ในเวลาสั้นๆ อย่างใจเราคิด เพราะมีแง่มุมกฎหมาย รายละเอียด ความรู้สึกผิดถูก เวลาเราคิดมันเร็ว แต่การพิสูจน์ผิดถูกทางกฎหมาย ต้องยอมรับว่ามีอะไรหลายอย่าง ต้องใช้เวลา แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้นิ่งนอนใจ ส่วนคดีการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 นั้น อย่าเพิ่งสรุปว่าเป็นคดีการเมือง ตนได้ยื่นให้มีการสอบกรณีดังกล่าวเอง ชวน ย้ำไม่ควรตำหนิผู้ว่าฯ-ตร. ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงใน จ.ลำปาง และ จ.ลำพูน ขับไล่และปาไข่ไก่ใส่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ระหว่างไปช่วยลูกพรรคหาเสียง และนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ขู่โยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) นั้น ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนกล่าวว่า ตนได้บอกแล้วว่าไม่ควรตำหนิผู้ว่าฯ และ ผบก.ภ.จว. เพราะเขาคงไม่อยากให้เกิดเหตุนี้ เพียงแต่ว่าคนที่เขาเตรียมสร้างสถานการณ์ได้เตรียมตัวมาแล้ว ใครจะไปคุมก็คงคุมได้ในระดับหนึ่ง เพียงแต่ว่าการดูแลบ้านเมืองนั้นไม่จำเป็นต้องฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องไปบอก ถึงจะคุ้มครอง ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ทั้งนี้เวลาเกิดเรื่องขึ้นมาไม่ใช่ว่าจะไปตำหนิบุคคลเหล่านั้น เหตุเกิดแล้วจะไปโทษผู้ว่าฯ ผู้การไม่ดี คงไม่ได้ เพราะเหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องความผิดพลาด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า คงไม่มีเรื่องไปขู่อะไร คงเป็นเรื่องช่วยกันกำชับให้เจ้าหน้าที่ต้องรักษาความเรียบร้อย คิดว่าเป็นคนกลุ่มหนึ่ง ไม่ได้มีอะไรรุนแรงขึ้นในขณะนี้ เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ต้องการเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น แม้กระทั่งเมื่อคืนวันที่ 7 มกราคม ที่ จ.บุรีรัมย์ และ จ.สมุทรปราการ ที่มีข่าวปัญหาเกี่ยวกับเวทีทางการเมือง สุเทพ ลั่นไม่ให้เกิดสงครามปชช. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการเจรจากับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ยังพยายามอยู่ไม่ได้ล้มเลิก เพียงแต่ยังไม่สำเร็จ ก็ได้กำชับกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทำงานอย่างเข้มแข็ง ส่วนเหตุการณ์การปะทะกันของประชาชนใน จ.บุรีรัมย์ และ จ.สมุทรปราการ อาจกลายเป็นสงครามประชาชนนั้น นายสุเทพกล่าวว่า นายกฯ รัฐบาลไม่ยอมให้กลายเป็นสงครามประชาชนแน่ ถ้าตำรวจไม่จัดการก็ต้องเล่นงานตำรวจด้วย ขณะนี้รัฐบาลกำลังตรวจสอบและประเมินผลงานเจ้าหน้าที่ ผู้สื่อข่าวถามถึงการดำเนินการกับวิทยุชุมชนที่ปลุกปั่นสร้างความแตกแยก นายสุเทพกล่าวว่า ต้องทำไปตามกรอบของกฎหมาย รัฐบาลเคารพสิทธิของสื่อ แต่สื่อที่ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่นก็ต้องถูกจัดการได้ทันที ไม่จำเป็นต้องมีใครไปแจ้งความ ทีมสานเสวนาจี้ตั้งกก.สมานฉันท์ ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.วันชัย วัฒนศัพท์ หัวหน้าทีมสานเสวนาเพื่อสันติธรรม แถลงภายหลังการเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า แม้ความรุนแรงดูเหมือนจะยุติลงระดับหนึ่ง หลังเปลี่ยนขั้วรัฐบาล แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงไม่กี่วันนี้ จะเห็นว่าความรุนแรงยังดำรงอยู่และอาจมากขึ้น จึงเสนอนายกฯว่า กระบวนการเสวนาไม่ใช่นำเสื้อเหลืองและเสื้อแดงมาสานเสวนากัน แต่ต้องชวนให้ประชาชนทั่วประเทศมาเปิดเวทีว่าจะมาร่วมกันฝันอยากเห็นประชาธิปไตยที่พึงปรารถนาอย่างไร และกำลังประสานไปเพื่อรับฟังความเห็นของผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคต่างๆ เพื่อเดินหน้าสานเสวนาต่อไป นพ.วันชัยกล่าวว่า นอกจากนี้ยังเสนอนายกฯให้เร่งขับเคลื่อนคณะกรรมการสมานฉันท์แห่งชาติ ที่มีนายกฯเป็นประธาน ทำหน้าที่สร้างสันติ วัฒนธรรม หลังจากที่ออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการสมานฉันท์แห่งชาติ ในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งประกาศลงในราชกิจจานุเบกษามาแล้ว 1 ปี แต่ยังไม่มีการขับเคลื่อนคณะกรรมการดังกล่าว คิดว่าคณะกรรมการชุดนี้จะเป็นเครื่องมือให้รัฐบาลที่จะดำเนินการต่อได้ ยอมรับความขัดแย้งไม่สามารถทำให้หมดไปได้ แต่ต้องสกัดความขัดแย้งที่นำไปสู่ความรุนแรง คนที่เห็นต่างกันทางการเมืองเป็นเรื่องธรรมดา และแสดงออกได้ แต่ต้องไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ด่า ไม่ทำให้เกิดความเสียหายทั้งร่างกายและทรัพย์สิน เช่น การปาไข่ ก็เป็นการใช้ความรุนแรง รมว.กห.จี้ทหารเร่งสร้างสมานฉันท์ ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุววรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมสภากลาโหมครั้งแรก โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างๆ และสมาชิกกลาโหมเข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียงว่า ตนให้นโยบายเร่งด่วนให้กองทัพและหน่วยงานของกระทรวงกลาโหม ทำความเข้าใจกับประชาชนว่าเป็นคนไทยด้วยกันทั้งนั้น และต้องอยู่ร่วมกัน จึงให้ช่วยกันดูแลให้เกิดความสมานฉันท์ให้ได้ คงต้องใช้เวลา จากนั้น พ.อ.จิตตสักก์ เจริญสมบัติ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงว่า พล.อ.ประวิตรมอบนโยบายเรื่องรู้รักสามัคคีของคนในชาติ คือการประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ เหล่าทัพพยายามเสนอการอยู่ร่วมกันของคนในชาติอย่างมีความสงบสุข และต้องมีความยุติธรรมถึงจะสร้างความสมานฉันท์ได้ กระทรวงกลาโหมเน้นย้ำการสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ ถือเป็นเรื่องสำคัญ ปัจจุบันมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดจากคนในชาติที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน ความคิดอาจจะไม่เหมือนกันได้ แต่เป้าหมายสูงสุดคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทหารก็มีเป้าหมายเช่นนี้ มท.สั่งผวจ.กำจัดสื่อเป็นภัยสถาบัน ที่กระทรวงมหาดไทย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบนโยบายแก่ผู้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ผ่านทางวิดิทัศน์ทางไกล (วิดีโอคอนเฟอเรนซ์) ว่า มีภารกิจหลายอย่างที่ต้องช่วยกันหาทางฟื้นฟูเยียวยาความบอบช้ำของประเทศ และต้องช่วยสกัดไม่ให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะทำให้ประเทศชาติได้รับความเสียหาย โดยขอให้ปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ ธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นภารกิจหลัก ช่วยกันตรวจสอบ ปกป้อง และช่วยกำจัดสื่อและบุคคลที่มีพฤติกรรมเป็นอันตราย เป็นภัยต่อสถาบัน และจะต้องให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่ประชาชน ไม่ปล่อยให้สังคมไทยตกอยู่ภายใต้บรรยากาศข่าวลือ ข่าวร้าย ที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง หวาดระแวงต่อกัน และจ้องทำลายล้างกัน "ขอฝากผู้ว่าราชการจังหวัด เรื่องเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยในจังหวัด ต้องหาวิธีเจรจาเพื่อให้เกิดความเข้าใจและใช้มาตรการที่นุ่มนวล มีเหตุผล เวลามีบุคคลสำคัญของประเทศไปเยือนจังหวัดของท่าน ต้องถือว่าท่านคือผู้รับผิดชอบสถานการณ์ และต้องรักษาความปลอดภัยแก่แขกของท่านอย่างดีที่สุด ผมขออย่าให้มีเหตุการณ์อย่างที่เกิดกับท่านอดีตนายกฯ (นายชวน หลีกภัย) ที่เชียงใหม่อีก" นายชวรัตน์กล่าว จตุพร รู้คนเคยรักป่วนที่บุรีรัมย์ ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยและผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ถูกคนเสื้อแดงปาไข่เข้าใส่ระหว่างการปราศรัยที่ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ว่า จากที่เห็นพฤติกรรมของคนสวมเสื้อแดงมานั่งฟังปราศรัยเป็นกลุ่มๆ และมีการตะโกนร้องเอะอะโวยวายต่อเนื่อง บางจุดก็มีการดื่มสุรา พวกตนก็ดูออกว่าต้องมีปัญหา จากการสอบถามนายจำรัส เวียงสงค์ ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคเพื่อไทยและนายโสภณ เพชรสว่าง อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ก็ได้รับการบอกเล่าว่าคนเสื้อแดงกลุ่มดังกล่าวถูกว่าจ้างมาจาก อ.ชำนิ ซึ่งอยู่นอกเขตเลือกตั้งมาเพื่อภารกิจอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นตนก็ได้กล่าวบนเวทีขอบคุณนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยและนายทรงศักดิ์ ทองศรี อดีต ส.ส.พรรคพลังประชาชน และแกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน เมื่อถามว่า เชื่อว่าแกนนำกลุ่มเพื่อนเนวินอยู่เบื้องหลังหรือไม่ นายจตุพรกล่าวว่า ทั้งเราและคนในพื้นที่ทราบดีว่าใครเป็นคนทำ เรื่องนี้ไม่มีความสลับซับซ้อนอะไร ทุกคนรู้กันหมด ก็คนเคยรักกันมาก่อน แต่ตนกับนายเนวินส่วนตัวความสัมพันธ์ก็ยังดี ไม่ได้มีปัญหา เรื่องที่เกิดขึ้นถือว่าเล็กน้อยมาก คนที่ต่อสู้ทางการเมืองต้องใจกว้าง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ต้องถือเป็นบทเรียน อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ความแตกแยกของคนเสื้อแดง เพราะคนเหล่านั้นไม่ใช่แดงจริงๆ แค่สวมเสื้อแดงมาสร้างสถานการณ์ ออกอากาศ ทีวีเสื้อแดง กลางม.ค. ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ กล่าวว่า วิชาพวกนี้พวกตนเคยรับรู้ว่าเป็นวิชาที่ใครถนัดบ้าง ตนและนายจตุพร ใจกว้างและเป็นลูกผู้ชายพอขอกันกินมากกว่านี้ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องต่อสายเพื่อขอเคลียร์อะไรกับใคร นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ขณะนี้แกนนำผู้จัดรายการความจริงวันนี้ เร่งดำเนินการก่อสร้างห้องส่งสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมแห่งใหม่ บริเวณชั้น 5 ของห้างสรรพสินค้า อิมพีเรียลเวิลด์ลาดพร้าว เพื่อให้ออกอากาศทันช่วงกลางเดือนมกราคม เพื่อเป็นช่องทางสื่อสารของคนเสื้อแดง โดยจะออกอากาศคล้ายกับสถานีฟรีทีวีมากที่สุด เพื่อให้เข้าถึงประชาชนทุกพื้นที่ได้โดยง่าย สำหรับชื่อสถานีโทรทัศน์นั้นทีมงานกำลังคัดเลือก ซึ่งมีชื่อของ "ดีทีวี"ที่มาจาก เดโมเครซี่ เทเลวิชั่น และ "เรด ทีวี"หรือทีวีของคนเสื้อแดง จะเปิดเผยชื่ออย่างเป็นทางการได้ทันทีที่สถานีโทรทัศน์พร้อมออกอากาศ มท.ให้จัดการคนป่วนที่บุรีรัมย์ ที่กระทรวงมหาดไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เวทีปราศรัยหาเสียงของพรรคเพื่อไทยที่ จ.บุรีรัมย์ ว่า คล้ายกับที่เกิดขึ้นกับนายชวนที่ จ.ลำพูน และ จ.ลำปาง แม้ว่าการแสดงออกทางการเมืองจะเป็นสิทธิเสรีภาพ แต่หากฝ่าฝืนก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เท่าที่ได้รับรายงานทราบว่าเป็นกลุ่มคนที่เข้ามาฟังการปราศรัยแล้วเมาสุรา และสามารถจับกุมได้ 1 คน ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมขว้างปาก่อนหินและไข่ ใส่ นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธ์ ที่ จ.บุรีรัมย์ ว่า เรื่องนี้ผู้ว่าฯต้องรับผิดชอบเช่นกัน เพราะมีหน้าที่รักษากฎหมาย จะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ไม่ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นกับฝ่ายใดก็ตาม เพราะถ้าเลือกปฏิบัติก็เท่ากับว่าบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ระบุว่า การคาดโทษเป็นการคุกคามข้าราชการ อาจขัดรัฐธรรมนูญ นายถาวรกล่าวว่า ไม่ได้เป็นการคุกคาม แต่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ โดยว่ากล่าวตักเตือนผู้ว่าฯตามปกติ กกต.ปรามขวางหาเสียงผิดกม. นายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงขัดขวางการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองต่างๆ ว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้เขียนโทษของการขัดขวางการเลือกตั้งไว้ชัดเจน แต่อาจเข้าข่ายกฎหมายอาญาได้ กรณีนี้อาจเข้าข่ายการข่มขู่ได้ เพราะเคยมีการวินิจฉัยว่าการข่มขู่อาจทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ถ้าผู้สมัคร ส.ส.มีส่วนเกี่ยวข้องและทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมก็เข้าตามกฎมายเลือกตั้ง นายสุเมธกล่าวว่า การปาสิ่งของใส่ผู้สมัครในการหาเสียงนั้น ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.พ.ศ. 2550 มาตรา 53 (5) บัญญัติว่า ห้ามมีการหลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด กรณีดังกล่าวถ้ามีการกระทำที่ข่มขู่ผู้สมัครคนใดคนหนึ่งทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมก็เข้าอาจเข้าข่ายกฎหมายดังกล่าวได้ "การพูดจาใส่ร้ายป้ายสีให้เสียคะแนนนิยมนั้น ในกฎหมายเขียนไว้ ถ้าเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมก็เข้าข่าย แต่ต้องฟังข้อเท็จจริงก่อน ต้องดูที่ กกต.จังหวัด ด้วยว่ามีเรื่องเข้ามาหรือไม่" นายสุเมธ กล่าว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook