สุเทพจนมุมนส.3ก.ศรีสุบรรณ กรมที่ดินสั่งถอนเอกสารสิทธิ์

สุเทพจนมุมนส.3ก.ศรีสุบรรณ กรมที่ดินสั่งถอนเอกสารสิทธิ์

สุเทพจนมุมนส.3ก.ศรีสุบรรณ กรมที่ดินสั่งถอนเอกสารสิทธิ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สุเทพ จนมุมกรมที่ดินสั่งถอนเอกสารสิทธิ์นส.3.ก.ศรีสุบรรณ ที่สุราษฏร์ธานี 11 แปลง อีก 48 แปลงรอคำตัดสินของศาล รายต่อไปที่ดินตระกูล ชิดชอบ ที่เขากระโดง อธิบดีเผยสั่งถอนแล้วบางส่วนใกล้กับที่ของ ชัย โมเช่ แต่จำชื่อคนในโฉนดไม่ได้ จ่อถอนล็อตใหญ่ที่ดินการรถไฟฯอัลไพน์-ธรณีสงฆ์ขอ 1-2 สัปดาห์เสนอมท.3 ฟื้นเรื่องเอาคืนที่ให้นางเนื่อม นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ศรีสุบรรณฟาร์ม ต.น้ำหัก อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี ว่า กรณีดังกล่าว กรมที่ดินได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ นส.3 ก.ที่ดินของศรีสุบรรณฟาร์ม จำนวน 59 แปลง ซึ่งเดิม เจ้าหน้าที่เห็นว่า การออกเอกสารสิทธิ์ดังกล่าว มิชอบด้วยกฎหมาย แต่ต่อมา ทางศรีสุบรรณฟาร์ม ได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว และกรมที่ดินได้ทำหนังสือเพื่อขอคำชี้ขาดจากปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งในขณะที่มีกระบวนการอยู่ ตนได้เข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดินปลัดกระทรวงได้ทำหนังสือขอความเห็นกรณีดังกล่าวมายังตน ในฐานะอธิบดีใหม่ ซึ่งต่อมาได้ข้อสรุปเป็นหนังสือแจ้งไปยังกรรมการและผู้จัดการ บริษัทศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2551 ว่า ที่ดินของศรีสุบรรณฟาร์ม 59 แปลงนั้น มีจำนวน 11 แปลง ที่คำอุทธรณ์ของบริษัทศรีสุบรรณฟังไม่ขึ้นและได้ยกอุทธรณ์ในส่วนนี้ เท่ากับยืนยันให้เพิกถอน ส่วนที่ดินอีก 48 แปลง ออกโดยชอบ แต่เมื่อมีการยื่นอุทธรณ์ต่อศาล จึงให้รอผลคำพิพากษาของศาล จนกว่าคดีจะถึงที่สุด กรมที่ดินได้รับหนังสือจากกระทรวงมหาดไทยให้ยกอุทธรณ์ของบริษัทศรีสุบรรณฟาร์ม คือหมายความว่าอุทธรณ์ที่เขาแย้งว่ากรมที่ดินไม่สามารถเพิกถอนได้ฟังไม่ขึ้น นั่นก็คือต้องเพิกถอนจำนวน 11 แปลง ก็คือ นส.3.ก.876 , 887 , 891 , 897 , 900 , 909 , 917 , 918 , 1009 , 1020 , 1021 แต่อีก 48 แปลงที่เหลือ ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอคีรีรัฐนิคม สุราษฏร์ธานี ต้องรอผลคำพิพากษาของศาลยุติธรรม ที่บริษัทได้ฟ้องผู้บุกรุกจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ซึ่งตอนนี้ได้ส่งหนังสือไปให้ศรีสุบรรณทราบความเห็นของกระทวงมหาดไทยแล้ว ซึ่งหากจะโต้แย้งคำอุทธรณ์ก็ต้องยื่นต่อศาลปกครอง นครศรีธรรมราชภายใน 90 วันนับแต่ได้รับหนังสือ สนามกอล์ฟอัลไพน์ และ โครงการหมู่บ้านอัลไพน์ ที่ปทุมธานีนั้น ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนเรียกดูกระบวนการโอนที่ดินและการออกเอกสารสิทธิที่ดินย้อนหลัง ซึ่งปัญหาเกิดขึ้นจากการที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น (ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ) มีความเห็นว่า ไม่ควรเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแต่ฝ่ายผู้เสียหายคือ วัดธรรมาภิการาม ไม่ใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คำสั่งปลัด ใน 90 วัน ตาม พรบ.วิธีพิจารณาความทางการปกครอง หลังจากกรมที่ดินได้ทำความเห็นสอดคล้องกับมติคณะกรรมการกฤษฏีกาว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินธรณีสงฆ์เท่ากับว่า กระบวนการฟ้องร้องเรียกคืน ผู้เสียหายเสียสิทธิ์ไปแล้ว แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อไป คือ กระบวนการทางกฎหมายอื่น ๆ เช่น การตรวจสอบดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ว่าออกเอกสารสิทธิ์โดยชอบหรือไม่ และกระบวนการทางกฎหมายนั้น มีผลเชื่อมโยงให้สามารถนำที่ดินคืนเจ้าของได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องความชอบธรรมของเจ้าหน้าที่ ยังอยู่ในชั้น ป.ป.ช.ตรวจสอบ ทั้งนี้ในส่วนของกรมที่ดินเองคาดว่า ใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ จะสรุปเรื่องนี้ได้เห็นภาพมากขึ้นโดยจะรีบเร่งรายงานให้นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ( มท.3 ) ที่ดูแลกรมที่ดินทราบการสรุปเรื่องของกรมที่ดินซึ่งนายถาวรได้สั่งการเรื่องนี้ให้กรมที่ดินไปตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ ผมกำลังให้ฝ่ายกฎหมายสรุปอยู่ว่าการโอนที่ดินจากผู้บริจาคมาให้คนซื้อถูกหรือไม่ถูก เดิมกรมที่ดินสั่งให้เพิกถอน อัลไพน์กับคนที่ซื้อบ้านก็อุทธรณ์ ปลัดก็ยืนตามอุทธรณ์แต่ทางวัดไม่ยอมไปยื่นเรื่องภายใน 90 วัน ขั้นตอนก็สิ้นสุดแล้ว แต่ในทางกฎหมายบ้านเมือง การกระทำของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองชอบหรือไม่ชอบต้องมาดูกัน ป.ป.ช.ก็สอบไป ผมไม่สามารถให้ความเห็นต้องรอทางป.ป.ช.ก่อน อธิบดีกรมที่ดินกล่าว เมื่อถามถึงกรณีความคืบหน้าการตรวจสอบการเพิกถอนเอกสารสิทธิของนักการเมือง ตระกูลชิดชอบ โดยเฉพาะ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฏร ที่เขาชะโดง จังหวัดบุรีรัมย์ อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า ตรวจสอบได้ระดับหนึ่ง พบว่ามีอยู่แปลงหนึ่ง เนื้อที่น้อยแล้วไปออกโฉนดเนื้อที่มาก กรมที่ดินได้เสนอให้เพิกถอนแล้ว แต่จำรายละเอียดไม่ได้ ซึ่งที่บุรีรัมย์แยกเป็นสองกลุ่มอีกกลุ่มหนึ่งกำลังรอการรถไฟแห่งประเทศไทยยืนยัน เพราะเป็นเรื่องของการรถไฟฯร้องมายังกรมให้ตรวจสอบ เขากำลังตรวจสอบอยู่ในเรื่องท้ายพระราชกฤษฏีกา กรมได้สอบถามไปที่การรถไฟฯเพื่อให้ส่งพระราชกฤษฏีกาที่มีการออกโฉนดทับที่การรถไฟฯ มายืนยันกับกรมที่ดิน ล่าสุดเขายังไม่ตอบกลับมา ถ้าผิดจริงก็ต้องดำเนินการแก้ไขที่ตรงนี้เป็นร้อยๆแปลง แต่ที่เราเจอแล้วที่ให้เพิกถอนมีประมาณ 4 ไร่แต่ไปออกโฉนดถึง 10 ไร่ ที่จำได้ก็พบว่าใกล้กับที่ดินของท่าน ที่แน่ๆก็คือมีหนึ่งกรณีแล้วที่กรมที่ดินจะเพิกถอน อย่างไรก็ตามที่ดินต่าง ๆ ที่เป็นของนักการเมือง ผมยืนยันว่าทุกอย่างทำไปตามข้อเท็จจริงเพราะถ้าเรามีอะไรเราจะเป็นฝ่ายโดนเอง ต้องยืนไปตามกฎหมาย กรณีของศรีสุบรรณ ยืนยันว่ารองปลัดกระทรวงมหาดไทยได้สั่งให้ยืนตามความเห็นกรมที่ดินคือเมื่อ 1 ธันวาคม 2551 ซึ่งทำก่อนรัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา เพียงแต่ผมเพิ่งได้รับรายงานเลยไม่รู้ว่ากระทรวงเขาทำความเห็นมาแล้ว 11 แปลงของศรีสุบรรณก็ต้องถอนเพราะไม่มีเอกสาร อะไรมาลบล้าง อีก 48 แปลงถ้าเราไม่ทำตามคำสั่งศาลก็คงไม่ได้ ถ้าผมทำตามหลักการ การเมืองเขาก็มีคุณธรรม คือผิดก็คือผิด เขาไม่ได้ตามขู่อะไร สมมุติถ้าผมสั่งความเห็นเอาใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มีหลักอิง ผมก็โดนป.ป.ช.เอาผิดแม้ผมจะเกษียณไปแล้วก็ยังเอาผิดได้ ผมยอมพ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดินดีกว่าจะไปเป็นจำเลยในชั้นป.ป.ช. ผมไม่อยากเล่นด้วยหรอก ทุกอย่างก็ต้องทำตามกฎหมาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook