เพื่อไทยซัดเพื่อนเนวินจัดตั้งเสื้อแดงปาไข่ใส่ ณัฐวุฒิ-จตุพร ร้องกกต.ส่งตร.ดูแลช่วงปราศรัย

เพื่อไทยซัดเพื่อนเนวินจัดตั้งเสื้อแดงปาไข่ใส่ ณัฐวุฒิ-จตุพร ร้องกกต.ส่งตร.ดูแลช่วงปราศรัย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
อดีตส.ส.บุรีรัมย์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย เชื่อกลุ่มเพื่อนเนวินอยู่เบื้องหลังเสื้อแดงปาไข่ ขวดน้ำ ก้อนหิน ใส่ณัฐวุฒิและจตุพร ทำเรื่องถึงกกต.ขอกำลังตร.ดูแลความปลอดภัยช่วงปราศรัย รมช.มหาดไทยออกตัวไม่เกี่ยวข้องนักการเมืองท้องถิ่น ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 2 บุรีรัมย์พท.แจ้งความดำเนินคดีคนเสื้อแดง โสภณชี้เพื่อนเนวินจัดเสื้อแดง จับตาป้ายความผิด นปช. นายโสภณ เพชรสว่าง อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะปราศรัยหาเสียงในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ กล่าวถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงขว้างขวดน้ำ ก้อนหินและไข่เน่าใส่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อและนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระหว่างการปราศรัยหาเสียงว่า พฤติกรรมเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในการหาเสียงที่ จ.บุรีรัมย์ ตนเชื่อว่า กลุ่มคนดังกล่าวถูกกลุ่มเพื่อนเนวินจัดตั้งมาจาก อ.ชำนิ อ.กระสัง และอ.ประโคนชัย เมื่อนายณัฐวุฒิพูดบนเวที ก็มีการตะโกนแซวตลอด เมื่อนายจตุพรขึ้นเวที ก็ขว้างปาขวดน้ำและไข่ขึ้นบนเวทีจนปราศรัยไม่ได้ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้หาเสียงได้ลำบาก เพราะไม่ต้องการให้แกนนำปราศรัยได้

นายโสภณ กล่าวว่า ภายหลังเมืองเปลี่ยนขั้ว อำนาจการบริหารใน จ.บุรีรัมย์ ก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจนักการเมืองบางกลุ่ม การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ทราบมาว่า ข้าราชการระดับผู้ใหญ่ ทั้งฝ่ายปกครองและตำรวจ ต่างช่วยหาเสียงและขอร้องให้กำนันและผู้ใหญ่บ้านสนับสนุนผู้สมัคร จากพรรคการเมืองบางพรรค นอกจากนี้ ยังมีเรื่องน่าสังเกต เพราะการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ กลุ่มเพื่อนเนวินไม่ได้ส่งผู้สมัคร แต่สนับสนุนผู้สมัครจากพรรคอื่นแทน จึงคิดว่าการเลือกตั้งหนนี้ ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยตามที่รัฐธรรมนูญต้องการ

ในวันนี้นายจำรัส ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ได้ทำเรื่องไปถึง กกต.เพื่อขอให้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแลความปลอดภัยในการเดินทางปราศรัยที่ อ.กระสังและ อ.สตึก ขณะนี้ทางพรรคเพื่อไทยกำลังพิจารณาข้อกฎหมายว่า กรณีที่มีการใช้อำนาจอิทธิพล กำลังข่มขู่ เข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และส.ว.จึงขอให้ กกต.ติดตามช่วยจับตาเรื่องนี้ด้วย นายโสภณ กล่าว

นายโสภณ กล่าวว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายนี้ ขอให้เจ้าหน้าจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะทราบว่ามีการวางแผนจัดกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ไม่ใช่กลุ่ม นปช. ออกมาเคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แล้วจะโยนหรือป้ายความผิดให้กับกลุ่ม นปช.

อำนวยอัดเสื้อแดงปาไข่ ส่อถึงความไม่พัฒนาของ ปท.

พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า การที่กลุ่มคนเสื้อแดงปาไข่ใส่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองตามสถานที่ต่างๆ ถือเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมและแสดงถึงความไม่พัฒนาของประเทศ

ด้านพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้เพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยแกนนำคนสำคัญพรรคการเมืองอย่างรัดกุมมากขึ้น และห้ามไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายเหมือนครั้งที่ผ่านมาซ้ำอีก

บุญจงยันเพื่อนเนวินไม่รู้เห็นเสื้อแดง ป่วนเวทีเพื่อไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงเหตุวุ่นวายระหว่างการปราศรัยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ที่ จ.บุรีรัมย์ ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงดังกล่าวไม่ได้ถูกจัดตั้งจากนักการเมืองในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ต้องรอการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ก่อน หากพบว่ามีการทำความผิดจริง ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนจะถึงขั้นเอาผิดกับผู้ว่าราชการจังหวัด เช่นเดียวกับผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางและเชียงใหม่หรือไม่นั้น คงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน แต่โดยปกติแล้วผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่

นายบุญจง กล่าวว่า ไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้าและหลีกเลี่ยงการชุมนุมขัดขวางของกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะหากเกิดความวุ่นวายขึ้น จะทำให้ประเทศชาติเสียหายไม่ใช่รัฐบาล

ส.ส.บุรีรัมย์แจ้งความดำเนินคดีเสื้อแดง ปาไข่ใส่ นปช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจำรัส เวียงสงค์ ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 2 จ.บุรีรัมย์ พรรคเพื่อไทย เข้าแจ้งความต่อตำรวจภูธรประโคนชัย เพื่อเป็นหลักฐาน ภายหลังเกิดเหตุกลุ่มคนเสื้อแดงขว้างปาก้อนหินและขวดน้ำขึ้นไปบนเวที ระหว่างปราศรัยหาเสียง โดยขณะนั้น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) รวมทั้งอดีต ส.ส. ได้ยื่นอยู่บนเวที

นอกจากนี้ นายจำรัสยังขอกำลังตำรวจคุ้มกันระหว่างไปปราศรัยที่ อ.กระสัง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 7 ธันวาคม ส่วนสาเหตุที่ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงบางคนไม่พอใจ คือ การที่นายจตุพรกล่าวโจมตีการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และกลุ่มเพื่อนเนวินที่หันไปสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งทำให้กลุ่มคนประมาณ 200 คน แสดงความไม่พอใจขว้างปาไข่เน่าและสิ่งของขึ้นไปบนเวที ขณะที่บางคนพยายามทำร้ายแกนนำทั้ง 2 คน แต่เจ้าหน้าที่ห้ามไว้ได้

ณัฐวุฒิแฉนักการเมืองชักใยเสื้อแดงถล่มเวทีปราศรัย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยถึงกรณีถูกกลุ่มคนเสื้อแดงปาไข่ดิบใส่ และตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย บนเวทีปราศรัยช่วยผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย หาเสียงที่จ.บุรีรัมย์ เมื่อคืน(7ม.ค.)ที่ผ่านมา ว่า ถือเป็นการกระทำของกลุ่มคนที่ถูกจัดตั้งขึ้นมา เป็นแต่เพียงกลุ่มคนที่ใส่เสื้อแดงเท่านั้น การจัดตั้งในลักษณะนี้ถือเป็นวิธีการที่คุ้นเคยมาก่อน แม้จะไม่เคยทำก็ตาม แต่บอกว่ามีนักการเมืองหนุนหลังอย่างแน่นอน และทราบด้วยว่ามีบุคคลใดเป็นผู้กระทำ โดยยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ จะไม่มีการโทรศัพท์ไปเพื่อขอพูดคุย หรือเจรจากับนายเนวิน ชิดชอบ เพราะถือว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่ขอกันกินมากกว่านี้

เทพเทือกไม่รู้เสื้อแดงบุรีรัมย์ปาไข่ใสจตุพร-ณัฐวุฒิ

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ซึงประกอบด้วย นายชุมพล กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี นายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช และนายธนิตพล ไชยนันทน์ ส.ส.ตากเข้าพบ โดยกล่าวยืนยันว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้บอกว่าจะไม่ไปเยี่ยมศพของยายเนียม พันธุ์มณี อดีตหมอลำชาวอำเภอม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี เพียงแต่ยังไม่เดินทางไปเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะกัน แต่ยืนยันว่าภารกิจยังมีอยู่

ส่วนความคืบหน้าในการเจรจากับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ก็ยังค่อยๆคุยกันอยู่ ไม่ได้ล้มเลิก เพียงแต่ยังไม่สำเร็จ ซึ่งก็ได้กำชับกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้รักษากฎหมายและทำงานอย่างเข้มแข็ง ทั้งนี้เชื่อว่าการประชุมอาเซียน และไม่คิดว่าจะมีใครเข้าไปสร้างความวุ่นวายในงานดังกล่าว เนื่องจากเป็นประโยชน์ของประเทศและการฟื้นฟูความเชื่อมั่น ใครที่คิดจะก่อความวุ่นวายก็ขอให้ทบทวน

เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงในจ.บุรีรัมย์ปาไข่เน่าใส่หน้า นายจตุพร พรหมพันธุ์และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบข่าวนี้ ขอเวลาติดตามสถานการณ์อีกระยะ

เมื่อถึงการดำเนินการกับวิทยุชุมชนที่ปลุกปั่นสร้างความแตกแยก นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องว่าไปตามกรอบของกฎหมาย เราเคารพสิทธิของสื่อ แต่สื่อที่ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่นเราก็สามารถดำเนินการได้ทันที ไม่จำเป็นต้องมีใครไปแจ้งความ แต่ต้องทำอย่างนุ่มนวล

สุเทพยันไม่คิดล้างบางตำรวจหนุนอำนาจเก่า

เมื่อวันที่ 8 ม.ค. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องการโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ที่ยึดติดขั้วอำนาจเก่า หรือวางตัวไม่เป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ว่า เชื่อว่าที่เป็นข่าวขึ้นมา คงเพราะมีผู้สื่อข่าวไปถาม นายชวน หลีกภัย หลังเกิดเหตุปาไข่ ที่จ.ลำปาง ว่าจะล้างบางหรือไม่ ซึ่งนายชวนตอบว่า บางที่มีอยู่ดีหรือไม่ ถ้าไม่ดีก็คงต้องล้าง จึงเชื่อว่าเป็นการพูดกันตามปกติเท่านั้น แต่โดยการปฏิบัติแล้ว ตำรวจก็ยังเป็นตำรวจ ยังไม่มีนโยบายไปดำเนินการล้างบางอะไร

เสื้อแดงบุรีรัมย์ป่วนปาไข่เน่าใส่ณัฐวุฒิ-จตุพรกระเจิง

ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 20.00 น. วานนี้(7 ม.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยนายจำรัส เวียงสงค์ ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย เบอร์ 3 เขตเลือกตั้งที่ 2 ที่บริเวณสนามโรงเรียนเมืองตลุงพิทยาสรรค์ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ท่ามกลางประชาชนร่วมฟังการปราศรัยกว่า 1,500 คน อย่างไรก็ตาม ในการปราศรัยครั้งนี้ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ที่สวมใส่เสื้อแดงกว่า 200 คนได้แฝงตัวเข้ามาในกลุ่มประชาชนที่ฟังการปราศรัย พร้อมส่งเสียโห่ตะโกนไล่เป็นระยะระหว่างที่นายณัฐวุฒิขึ้นปราศรัย หลังจากนั้น นายจตุพรขึ้นปราศรัยได้เพียง 2 นาที กลุ่มชายฉกรรจ์ที่สวมเสื้อแดงก็ได้ลุกขึ้นก่อนจะระดมปาไข่เน่า ก้อนหินและขวดน้ำเข้าใส่นายจตุพรและผู้ที่อยู่บนเวทีปราศรัย ท่ามกลางความแตกตื่นของประชาชนที่มาฟังการปราศรัยต่างวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น ทำให้ทั้งนายณัฐวุฒิ นายจัตุพร นายจำรัส นายโสภณ เพชรสว่าง ต้องวิ่งกระโดดหลบลงหลังเวที เพื่อหนีเอาตัวรอด และขึ้นรถกลับทันที

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ที่ก่อเหตุได้ 1 คน คือ นายโทน ภาสดา ชาวตำบลสูงเนิน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย มีกำหนดการจะเดินทางมาขึ้นเวทีปราศรัยดังกล่าวด้วย แต่ปรากฏว่าทางทีมงานของนายจำรัสตรวจพบความผิดปกติของลุ่มชายฉกรรจ์ที่สวมใส่เสื้อแดงกลุ่มดังกล่าว และคาดการณ์ว่าอาจมาเพื่อสร้างความวุ่นวาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จึงไม่ได้เดินทางมาปราศรัยเวทีดังกล่าว

ชวน ไม่แจ้งความคนปาไข่ใส่

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 7 มกราคม ว่าไม่ได้แจ้งความเอาผิดกลับกลุ่มเสื้อแดงที่ปาไข่ไก่ใส่ระหว่างไปช่วยผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หาเสียงที่ จ.ลำปาง ละ จ.ลำพูน เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา รวมทั้งเจ้าของรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายก็ไม่เอาเรื่อง แต่ไม่อยากให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ซึ่งต้องรอดูว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการอย่างไร เพราะมีข้อมูลอยู่แล้ว

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) เชียงใหม่ บอกผมตั้งแต่ตอนลงเครื่องบินว่ามีกลุ่มเสื้อแดง และไม่อยากให้เข้าไป ผมจึงบอกว่า ไม่ได้ เพราะมาหาเสียงให้ลูกพรรค และใจผมคิดว่าหากได้เจอก็จะบอกว่ามาดี อย่าทำอะไรให้เสียหายให้กับจังหวัดตัวเอง ซึ่งที่เห็นก็มีผู้หญิง 1 คน ที่ตะโกนจนไม่ฟังอะไร และผู้ชายที่ผมต้องการจะคุยกับเขา ก็ไม่ยอมเงยหน้าสบตา จึงไม่มีโอกาสได้คุย นายชวนกล่าว และว่า เท่าที่สังเกตดูเวลาหาเสียงในช่วงเช้าใน จ.ลำพูน ส.ส.หญิงที่ไปช่วยหาเสียง ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น แต่พอช่วงบ่ายคนเหล่านั้นก็เปลี่ยนพฤติกรรมอย่างไม่น่าเชื่อเลย คนที่เห็นว่าธรรมดาๆ กลับดูเหมือนเคยเป็นศัตรูมาร้อยชาติ เข้าใจว่าเป็นขบวนการที่มีการจัดตั้ง ไม่ใช่คนในพื้นที่ และเกิดจากวิทยุชุมชนที่ปลุกระดม

ส่วนกรณีที่นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ออกมาตำหนิการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัดและ ผบภ.จ.ภว.ลำพูน และลำปางนั้น นายชวนกล่าวว่า ไม่อยากให้ไปตำหนิหรือคาดโทษอะไร เพราะผู้ว่าฯทั้ง 2 จังหวัดก็มาประชุมที่กรุงเทพฯ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ก็คงมีประสบการณ์ไม่มากนัก จึงตั้งหลักไม่ได้

สุเทพ ฮึ่มตำรวจเอาผิดคนปาไข่ได้

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้นายชวนจะให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่ฟ้องใคร แต่การกระทำเป็นความผิดซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดำเนินการได้ทันที และเป็นธรรมดาว่าพื้นที่ภาคเหนืออาจมีอำนาจเก่าเหลืออยู่บ้าง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครองอำนาจอยู่ 8-9 ปี คงชุบเลี้ยงคนไว้พอสมควร ก็ต้องค่อยๆ แก้กันไป แต่ถ้าตั้งใจเป็นข้าราชการที่ดีก็ต้องให้โอกาสทำงานต่อไป จะยังไม่มีการโยกย้ายใคร เว้นแต่คนที่ใส่เกียร์ว่าง หรือช่วยฝ่ายที่ทำผิด ก็ต้องดำเนินการตามระเบียบราชการ น็อตตัวไหนหวานหรือหลวมก็ต้องแก้เป็นตัวๆ ไป โดยจะใช้เวลาประเมินสักระยะหนึ่ง

ผมได้รับรายงานว่า การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงมีการทำเป็นขบวนการ เพื่อให้รัฐบาลยุบสภาเลือกตั้งใหม่ภายใน 4-5 เดือน แต่ขอยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะบ้านเมืองมาถึงขนาดนี้แล้ว อยากให้ฝ่ายที่คิดจะก่อความวุ่นวายได้ทบทวนใหม่ ผมเชื่อว่ารัฐบาลจะทดแรงเสียดทานได้ และจะไม่มีการยุบสภาภายใน 6 เดือนอย่างแน่นอน นายสุเทพกล่าว

ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า คงไม่ต้องไปคาดโทษอะไรผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ก็คงจะดูแลตามนโยบายที่ให้ไว้

ถาวร ขู่ล้างขั้วอำนาจเก่า

ด้านนายถาวร เสนเนียม กล่าวว่า ไม่ได้คาดโทษผู้ว่าราชการจังหวัด และ ผบก.ภ.จว. เพราะไม่มีอำนาจในการสั่งการผู้ว่าฯ แต่ได้หารือกับนายชวรัตน์ เพื่อขอให้สั่งการให้ดำเนินการตามกฎหมาย เพราะการกระทำเช่นนี้ผิดกฎหมายอาญาในข้อหาทำร้ายร่างกาย นอกจากนี้ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง มาตรา 53 ในเรื่องขัดขวางการรณรงค์หาเสียง ขับไล่ ทำร้ายผู้หาเสียง รวมทั้งต้องดำเนินคดีกับผู้บงการด้วย

เมื่อถามว่า จะนำเหตุการณ์มาเป็นเงื่อนไขในการล้างขั้วอำนาจเก่าหรือไม่ นายถาวรกล่าวว่า ทุกคนที่เป็นข้าราชการจะต้องมีการประเมินผลจากผู้บังคับบัญชา เมื่อถามว่า จะนำประเด็นนี้มาเป็นเงื่อนไขในการโยกย้ายผู้ว่าฯหรือไม่ นายถาวรกล่าวว่า ผู้ว่าฯจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่เช่นนั้นถือว่าไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ผ่านการประเมิน แล้วจะให้คนที่ไม่ผ่านการประเมินทำหน้าที่ต่อไปได้อย่างไร

ปลัดมท.แจ้งผู้ว่าฯล้อมคอก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ มท.0214/ว.0036 ถึงผู้ว่าฯทั่วประเทศ ระบุว่าจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนในการรวมตัวประท้วงคณะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจของบุคคลสำคัญ โดยเฉพาะช่วงเลือกตั้ง ส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่าง เพื่อป้องกันกรณีดังกล่าวขอให้จังหวัดดำเนินการดังนี้ 1.ติดตามความเคลื่อนไหวมวลชน และแกนนำในพื้นที่และชี้แจงประชาสัมพันธ์ผ่านกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสื่อต่างๆ ในพื้นที่เพื่อให้ประชาชนเข้าใจมิให้ถูกชี้นำโดยกลุ่มผู้หวังประโยชน์ทางการเมือง 2.ประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยต่อบุคคลสำคัญอย่างรัดกุม รอบคอบ มิให้เกิดการกระทำที่ไม่เหมาะสมและเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติภารกิจ ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อย ภาพลักษณ์และบรรยากาศการท่องเที่ยวของจังหวัด 3.ขอให้ผู้ว่าฯประสานงานกับ ผบก.ภ.จว.อย่างใกล้ชิด เพื่อมิให้เกิดเหตุในลักษณะที่เคยเกิดเหตุในหลายพื้นที่

ผู้ว่าฯเชียงใหม่บอกทำดีแล้ว

นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีนายถาวร เสนเนียม ระบุว่า ละเลยหน้าที่ที่ปล่อยให้เกิดเหตุ ว่าอยากให้มาดูพื้นที่และสถานการณ์จริง ซึ่งทางจังหวัดมีการเตรียมการไว้พร้อมทั้งหมด โดยก่อนหน้านี้มีการประชุมหารือและสั่งการให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการจังหวัดดูแลเรื่องความมั่นคง โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกให้ในระหว่างลงพื้นที่หาเสียง แต่เพราะการเมืองมีการตอบโต้กันไปมาไม่จบ ที่สำคัญนักการเมืองเดินทางมาไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าเลย

กรณีอดีตนายกรัฐมนตรีก็เช่นกัน แต่เมื่อเราทราบก็รีบเข้าไปดูแล ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ปกครองและตำรวจทำหน้าที่อย่างเต็มที่ นายวิบูลย์กล่าว

ด้าน พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ผบช.ภ.5) กล่าวว่า การกระทำของกลุ่มเสื้อแดงเลยเถิดไปแล้ว ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น คาดว่าวันที่ 8 มกราคมนี้ น่าจะดำเนินการกับกลุ่มที่ก่อเหตุได้โดยเฉพาะคนปาไข่ โดยประสานขอภาพวิดีโอจากผู้สื่อข่าวโทรทัศน์แล้ว

ที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจละเลย ก็แล้วแต่คนจะมอง เพราะคณะอดีตนายกรัฐมนตรีจะเข้ามาในพื้นที่ก็ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า แต่เมื่อเราทราบได้ประสานว่า จะจัดส่งกำลังไปดูแลก็ได้รับการปฏิเสธ จึงส่งกำลังกว่า 200 คน ลงไปดูแล แต่เป็นในลักษณะกระจายดูแลทำให้ไม่ทั่วถึง และเมื่อเกิดเหตุขึ้นต่อไปนี้หากมีนักการเมืองเข้าพื้นที่แม้จะไม่แจ้งให้ไปดูแล ก็จะต้องขอใช้คำว่า หน้าด้านหรือดื้อรั้น เพื่อจัดส่งกำลังไปดูแลป้องกันไม่ให้เกิดเหตุได้อีก พล.ต.ท.สถาพรกล่าว

พท.ซัด ถาวร คุกคามขรก.

นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แถลงว่า การพูดของนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ออกมาข่มขู่ผู้ว่าราชการจังหวัดถือเป็นการข่มขู่คุกคามข้าราชการ ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 268 และอาจจะมีความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 266 (1) ที่ห้ามไม่ให้ ส.ส.ใช้อำนาจแทรกแซงข้าราชการประจำ

การปาไข่ใส่นายชวน เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เพราะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 และเป็นแฟชั่นที่คนเสื้อแดงลอกเลียนมาจากคนเสื้อเหลืองที่เคยปาร้องเท้าและขวดน้ำใส่อดีตนายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายสุรพงษ์กล่าว

ลำปางไม่เลิกไล่ ประชาธิปัตย์

ด้านกลุ่มคนเสื้อแดงที่ปาไข่ใส่นายชวน เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ยังรวมตัวกันด่าทอและขับไล่กลุ่ม ส.ส.ประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย นายธนิตพล ไชยนันท์ ส.ส.ตาก นายโกวิท ธารณา ส.ส.กทม. นายจุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร และนายอัฐพล โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี ที่เดินตลาดเก๊าจาว (ตลาดรถไฟ) และตลาดเทศบาล 3 (สะพานรัษฎา) เขตเทศบาลนครลำปาง เพื่อช่วยหาเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส.ลำปาง พรรคประชาธิปัตย์ แต่กลุ่มส.ส.ประชาธิปัตย์ ไม่สนใจ ยังคงเดินพบปะประชาชนจนเสร็จภารกิจ ก่อนเดินทางต่อไปยัง จ.ลำพูน

นายธนิตพลกล่าวว่า ไม่เข้าใจกลุ่มเสื้อแดงกลุ่มนี้ที่พยายามตามก่อกวนทุกแห่ง ทั้งที่พวกตนมาทำหน้าที่รณรงค์ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และแม้ว่าจะบอกให้เลือกผู้สมัครของพรรคก็เป็นสิทธิที่ประชาชนจะเลือกใครก็ได้ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องขัดขวาง ทั้งๆ ที่พวกเขาอ้างตลอดเวลาว่าเป็นการต่อสู้ตามระบอบประชาธิปไตย การกระทำเช่นนี้ไม่น่าจะเป็นตามที่กล่าวอ้าง

เสื้อแดงประชิดทำเนียบด่ารบ.

ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 30 คน ชุมนุมบริเวณประตู 1 ฝั่งสะพานชมัยมรุเชฐ เมื่อเวลา 08.50 น. และพยายามปีนรั้วเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล พร้อมส่งเสียงด่าทอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี รวมทั้งคณะที่เข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ นั่งรถผ่าน และเวลา 10.00 น. นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ลงจากตึกไทยคู่ฟ้า มาสักการะพระภูมิเจ้าที่ บริเวณด้านข้างตึกสันติไมตรี ซึ่งอยู่ติดรั้วทำเนียบรัฐบาล ได้ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงตะโกนด่าทอ พร้อมปาไข่ไก่ใส่ แต่ไม่ถูกนายนิพนธ์ ทำให้นายนิพนธ์ต้องรีบกลับเข้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ว่า ขอกลับเข้าไปทำงานก่อน ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงได้สลายตัวเมื่อเวลา 10.15 น. พร้อมยืนยันว่า จะกลับมาใหม่อีกเรื่อยๆ

จงรัก ระบุโทษคุก 2ปีปรับ4พัน

ด้าน พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า การปาไข่ไก่ใส่ถือเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท เพราะหากไข่กระทบกับใบหน้าของบุคคลแล้วอาจทำให้เกิดรอยช้ำ ต้องรักษาตัวเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน ถึงจะหายเป็นปกติ ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายแก่กาย แต่ถ้าปาไม่ถูกก็จะเข้าข่ายฐานพยายามทำร้ายร่างกาย มีโทษ 2 ใน 3

การใช้ไข่ขว้างปาไปยังบุคคลอื่น ถือว่าผู้กระทำใช้ไข่เป็นอาวุธ ตามความหมายของกฎหมายแล้ว พล.ต.อ.จงรักกล่าว และว่า กรณีที่กลุ่มเสื้อแดงปาไข่ไก่ใส่นายนิพนธ์นั้น ได้สั่งการให้ ผกก.สน.ดุสิต ดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

อนุพงษ์ ให้เอาชาติเป็นที่ตั้ง

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งในสังคม ว่า ถ้าเอาชาติเป็นที่ตั้งทุกคนต้องลืมหมด ผมพยายามอย่างนี้มานาน แต่โดนด่าจากทุกฝ่าย ผมพยายามอยู่ แต่คนไปเขียนเป็นนิยาย ผมก็ทนเอา

พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณจ้างล็อบบี้ยีสต์ต่างชาติโจมตีประเทศไทย พล.อ.อภิชาตกล่าวว่า มีการพูดคุยกันเรื่องนี้ค่อนข้าะ และมีการหาข้อมูลที่ชัดเจนว่าได้ไปจ้างบริษัทไหนอย่างไร เรื่องนี้ทำความเข้าใจกับประชาชนได้ว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณทำอยู่นั้นมีผลไม่ดี ส่งผลกระทบต่อประเทศชาติอย่างไร คงพอจะทำความเข้าใจกับประชาชนได้ว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณลงทุนไปนั้นอาจจะไม่คุ้มค่า และการจ้างบริษัทล็อบบี้ยีสต์ซึ่งเป็นคนต่างชาติก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไหร่

ทนายแม้ว ขีดเส้นแจงใน7วัน

ด้านนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล พร้อมทีมทนายความที่ได้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ แถลงที่โรงแรมสยามซิตี ย่านถนนศรีอยุธยา ว่า ทีมทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณขอปฏิเสธโดยสิ้นเชิงว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ ตามที่ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหา ถือได้ว่าเป็นเจตนาใส่ร้ายใส่ความ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท

ช่วงก่อนปี 2550 พ.ต.ท.ทักษิณอาจจะเคยว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทางกฎหมายหรือธุรกิจในต่างประเทศเท่านั้น แต่ไม่เคยว่าจ้างบริษัทใดๆ ในต่างประเทศเพื่อมุ่งร้ายทำลายประเทศไทย และหลังจากปี 2550 ได้เลิกว่าจ้างทั้งหมดแล้ว นายวิชิตกล่าว และว่า จะให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์ชี้แจงเอกสารหลักฐานให้ชัดเจนภายใน 7 วัน ว่า พ.ต.ท.ทักษิณว่าจ้างบริษัทนี้เมื่อไร หากไม่สามารถชี้แจงได้ ทีมทนายความก็จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย แต่หาก นพ.บุรณัชย์ออกมายอมรับว่าเป็นการโกหกประชาชน และใ ครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังมาสั่งให้ดำเนินการ แล้วลาออกจากตำแหน่ง ทีมทนายความก็อาจจะพิจารณาอีกครั้ง

หมอมิ้ง แจง แม้ว จ้างล็อบบี้ยิสต์

วันเดียวกัน นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริยเดช อดีตเลขานุการนายกรัฐมนตรี ชี้แจงโดยอ้างว่ามีข้อผิดพลาดของข้อมูลเกี่ยวกับการว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในเว็บไซต์ โอเพ่นซีเคร็ทส์ ที่ มติชน นำเสนอว่า ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องคือ ปี 2551 ไม่มีการว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์จาก พ.ต.ท.ทักษิณอีกต่อไปแล้ว พร้อมกันนั้นได้จัดส่งหลักฐานเป็นรายงานบันทึกการล็อบบี้ของสำนักงานเสมียนสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา สหรัฐอเมริกา ดังนี้

1.เลขที่ 3088160026 และ 5118-455 เป็นรายงานการดำเนินงานของบริษัท เบเกอร์ บ็อทท์ส แอลแอลพี

2.เลขที่ 315640250 และ 5357-5278 เป็นรายงานการดำเนินงานของบริษัท บาบัวร์ กริฟฟิธ แอนด์ โรเจอร์ส แอลแอลซี (บีจีอาร์) ทั้งนี้มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ว่าจ้างทั้งสองบริษัท

อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวตรวจสอบ รายงานการดำเนินงานของบริษัท เบเกอร์ บอทท์ส ระบุชนิดของรายงานไว้ว่า เป็นรายงานของปี 2007 (2550) ประจำวาระกลางปี (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม-30 มิถุนายน) และกาเครื่องหมายไว้เพื่อระบุว่า เป็นรายงานการกำหนดวาระสิ้นสุดของสัญญา โดยระบุวันที่สิ้นสุดของสัญญาไว้ว่า เป็นวันที่ 30 มิถุนายน 2550 ซึ่งหมายความว่า บริษัท เบเกอร์ บอทท์ส หมดสถานะเป็นล็อบบี้ยิสต์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันดังกล่าวแล้วนั่นเอง

ขณะเดียวกัน ในรายงานการดำเนินงานของบริษัทบีจีอาร์นั้น ระบุปีของรายงานไว้ว่าเป็นปี 2008 พร้อมกับระบุสถานะของรายงานไว้ว่า เป็นรายงานประจำไตรมาสที่ 2 คือระหว่างวันที่ 1 เมษายนถึงวันที่ 30 มิถุนายน โดยมีเครื่องหมายกำหนดวาระสิ้นสุดของสัญญาไว้ด้วยเช่นกัน แต่ระบุวันที่สิ้นสุดของสัญญาเป็นวันที่ 30 มิถุนายน 2551 ซึ่งหากพิจารณาตามข้อเท็จจริงในหลักฐานดังกล่าวนี้ บริษัทบีจีอาร์ก็จะยังคงสถานะเป็นล็อบบี้ยิสต์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่จนกระทั่งถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2551 ไม่ได้สิ้นสุดในปี 2550 ตามที่โฆษกและทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวอ้างแต่อย่างใด ทั้งนี้รายงานชิ้นนี้ลงวันที่ 18 เดือนกรกฎาคม 2551 ลงนามโดยนายเดเนียล อาร์ เมอร์ฟี่ ตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาทั่วไปของบริษัทบีจีอาร์

มาร์ค ขอ1สัปดาห์ศึกษากลไกพิเศษ

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกลไกพิเศษที่จะตั้งขึ้นมาเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับคดีให้เกิดความเป็นธรรมและยอมรับว่ากำลังดูอยู่ ขอเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ขณะนี้กำลังแลกเปลี่ยนความคิดกับหลายฝ่ายว่าวิธีที่ดีที่สุดจะเป็นอย่างไร เมื่อถามว่า กลไกพิเศษที่จะตั้งขึ้น จะดูแลคดีการเมืองที่เกี่ยวข้องเสื้อเหลืองเสื้อแดงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถูกต้อง คือเป็นกลไกที่จะช่วยทำให้ทุกฝ่ายมั่นใจมากขึ้นว่าจะมีความเป็นธรรม แล้วจะมีการประมวลเหตุการณ์ ที่มาที่ไปต่างๆ ได้ เพื่อเป็นกรอบในการทำงานของเจ้าหน้าที่

ผมกำลังดูกลไกตรงนี้อยู่ เพื่อมาทำให้มีภาพที่ชัดเจนในการดำเนินการ ต้องการหาทางให้ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการให้ความเป็นธรรม กับการสะสางความขัดแย้งในลักษณะที่มีการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง เข้ามาช่วยทำงานด้วย นายอภิสิทธิ์กล่าว และว่า ส่วนรูปแบบจะเป็นองค์กรอิสระหรือไม่นั้น ขอเวลาที่จะศึกษารายละเอียดอีกครั้ง เอาหลักการก่อน

เมื่อถามว่า กลไกพิเศษจะเข้าไปดูแลคดีเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นึกถึงเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับประชาชน ส่วนกรณีของอดีตนายกฯเป็นคดีเฉพาะไปต่างหากอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นการเมืองก็อีกเรื่อง เมื่อถามว่า หากจะมีการยอมกันทางการเมืองในบางคดี เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ จะเป็นไปได้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่ได้คิดถึงเรื่องอย่างนั้น

เพื่อไทย เล็งแจ้งเอาผิด กษิต

นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 12 มกราคมนี้ ตนและประชาชนชาวสมุทรปราการ ซึ่งเป็นพื้นที่เดียวกับสนามบินสุวรรณภูมิ จะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในกลุ่มพันธมิตรที่เข้ายึดสนามบินสุวรรณภูมิ ต่อผู้บังคับการตำรวจกองปราบปราม ซึ่งการกระทำของนายกษิตเข้าข่ายการก่อการร้ายสากล จากนั้นจะเข้ายื่นหนังสือต่อสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการตั้งคณะรัฐมนตรีที่มีมลทิน ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเร่งดำเนินการปลดนายกษิตออกจากตำแหน่งภายใน 2 เดือนนี้

เรามีการประชุมกันแล้วโดยให้เวลานายกฯ 2 เดือน ถ้ายังไม่ปลดนายกษิต ถนนราชดำเนินจะไม่ใช่ถนนแห่งความสุขอีกต่อไป นายประชากล่าว

ผู้ว่าฯปากน้ำเบรกเสื้อแดงไล่ ชวน

ที่ จ.สมุทรปราการ กลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 70 คน รวมตัวบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด จากนั้นเคลื่อนขบวนไปชุมนุมบริเวณเกาะกลางวงเวียนหอนาฬิกา ถนนสายลวด ต.ปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ ห่างจากที่ทำการศูนย์ประสานงานพรรคประชาธิปัตย์ชั่วคราว ประมาณ 100 เมตร เพื่อปักหลักรอขับไล่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะเดินทางมาช่วย น.ส.สรชา วีระชาติวัฒนา ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ หาเสียง

ต่อมานายขวัญไชย วงศ์นิติกร ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อม พล.ต.ต.ชิษณุพงษ์ ยุกะทัต ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เข้าเจรจาก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook