ทราบหรือไม่? "ผู้ชาย" ก็ควรรับวัคซีนป้องกัน "มะเร็งปากมดลูก" ยิ่งฉีดเร็วยิ่งดี!

ทราบหรือไม่? "ผู้ชาย" ก็ควรรับวัคซีนป้องกัน "มะเร็งปากมดลูก" ยิ่งฉีดเร็วยิ่งดี!

ทราบหรือไม่? "ผู้ชาย" ก็ควรรับวัคซีนป้องกัน "มะเร็งปากมดลูก" ยิ่งฉีดเร็วยิ่งดี!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"มะเร็งปากมดลูก" เป็นมะเร็งที่พบมากอันดับ 3 ในผู้หญิง โดยจากสถิติพบว่า ผู้หญิงไทยเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกเฉลี่ยวันละ 8-10 รายเลยทีเดียว แล้วมะเร็งปากมดลูกมีความสำคัญหรือเกี่ยวข้องอย่างไรกับคุณผู้ชาย และเหตุใด? วัคซีนมะเร็งปากมดลูก หรือ วัคซีน HPV จึงสำคัญสำหรับทุกคน วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก

"มะเร็งปากมดลูก" เกิดจากอะไร?

เป็นที่ยอมรับกันว่า สาเหตุของการเป็นมะเร็งปากมดลูกนั้น เกิดจากการติดเชื้อ Human Papilloma Virus หรือเชื้อไวรัส HPV ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเมื่อร่างกายได้รับเชื้อ HPV กลไกตามธรรมชาติก็จะพยายามกำจัดเชื้อให้หมดไป แต่หากกำจัดเชื้อออกไปได้ไม่หมด เชื้อก็จะซ่อนตัวอยู่ในร่างกายได้นานกว่า 10 ปี โดยเชื้อจะค่อยๆเพิ่มจำนวนมากขึ้น และเมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปกติให้กลายเป็นรอยโรค ก่อนที่จะมะเร็งปากมดลูกในที่สุด

ซึ่งการที่เชื้อ HPV จะทำงานได้ดีนั้น จะประกอบด้วยปัจจัยทางสุขภาพด้วย คือร่างกายของคนๆนั้นมักมีระบบภูมิคุ้มกันที่ทำงานได้แย่ลง หรือมีภูมิต่ำลงตามอายุที่มากขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำไมเราจึงพบว่า "มะเร็งปากมดลูก" มักเกิดกับผู้หญิงวัยทำงานช่วงอายุ 40-60 ปี ก็เพราะด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอลง ผนวกกับการที่ร่างกายน่าจะได้เชื้อไวรัส HPV มานานมากแล้วนั่นเอง

เชื้อ HPV ติดต่อทางเพศสัมพันธ์

เราสามารถติดเชื้อ HPV หรือ Human Papilloma Virus ที่บริเวณเยื่อบุผิวหนัง ซึ่งสามารถก่อให้เกิดโรคบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนักได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย โดยเชื้อจะอาศัยอยู่ในเซลล์เยื่อบุผิวหนัง และในเยื่อมูกตามส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น ปาก, คอ, ด้านในของผิวหนังและท่อปัสสาวะขององคชาต, ช่องคลอด, ปากมดลูก และภายนอกอวัยวะเพศ รวมถึงทวารหนัก

โดยเชื้อไวรัสนี้มักติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งในปัจจุบันมีการวิจัยพบว่า การมีเพศสัมพันธ์ด้วยปาก (Oral Sex) จะทำให้เสี่ยงเป็นมะเร็งช่องปาก (Oral Cancer) ได้ด้วย และการได้รับเชื้อ HPV ในกลุ่ม "ชายรักชาย" ก็สามารถพัฒนาไปสู่การเป็นมะเร็งทวารหนัก หรือมะเร็งอวัยวะเพศได้ เพศชายจึงนับเป็นกลุ่มเสี่ยงเช่นกัน และไม่ว่าจะเป็นเพศใด หากเปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือแม้แต่การมีความสัมพันธ์กับคนๆเดียว แต่คนๆนั้นเคยมีคู่นอนหลายคน ก็ย่อมมีความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อสูงขึ้น

นอกจากนี้ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (Immunodeficiency) เช่น มีเชื้อ HIV อยู่ในร่างกาย หรือคนที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันจากการรักษาโรค เช่น เพื่อลดการต่อต้านอวัยวะจากกระบวนการปลูกถ่ายอวัยวะ ก็มีโอกาสติดเชื้อ HPV ได้ง่ายกว่าคนทั่วไป เช่นกัน

ฉีดวัคซีน HPV ช่วยได้ แต่ควรฉีดเมื่อไหร่ดี?

สำหรับการป้องกันการติดเชื้อ HPV นั้น การรับวัคซีน HPV ถือว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด แม้ว่าจะมีการแนะนำถึงแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันการติดเชื้อ HPV ด้วยการปรับพฤติกรรม เช่น การมีคู่นอนคนเดียว ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ หรือการตรวจหาเชื้อเพื่อวางแผนในการคัดกรองป้องกันและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆแล้วก็ตาม เพราะการรับวัคซีน นอกจากจะเป็นการป้องกันการติดเชื้อแล้ว ยังสามารถป้องกันการเป็นพาหะแพร่เชื้อได้อีกด้วย โดยเฉพาะคุณผู้ชาย หากได้รับวัคซีนก็จะช่วยลดการแพร่เชื้อให้แก่คู่นอนหรือภรรยาได้

โดยการรับวัคซีนนี้ สามารถรับได้ทั้งหญิงและชาย เริ่มได้ตั้งแต่อายุระหว่าง 9-26 ปีเป็นต้นไป สำหรับช่วงอายุ 9-15 ปี จะต้องรับวัคซีน 2 เข็ม หากอายุมากกว่า 15 ปีแล้วและยังไม่เคยได้รับวัคซีน HPV มาก่อนเลย จะต้องฉีด 3 เข็ม

ยิ่งรับวัคซีนเร็ว ยิ่งได้ประโยชน์

เมื่อรู้แบบนี้แล้ว เราคงต้องเปลี่ยนมุมมองต่อการรับ "วัคซีน HPV" กันใหม่ เพราะไม่ใช่เพียงแค่ผู้หญิงเท่านั้นที่เสี่ยงเป็น มะเร็งปากมดลูก จากการติดเชื้อ HPV ในผู้ชายก็สามารถเป็นมะเร็งทวารหนักหรือมะเร็งอวัยวะเพศได้จากเชื้อนี้ ทั้งการรับวัคซีนยังเป็นการป้องกันตนเองและป้องกันการเป็นพาหะแพร่เชื้อโรคไปยังคู่นอน การได้รับวัคซีนเร็วเท่าไหร่ ร่างกายก็จะมีภูมิคุ้มกันเร็วเท่านั้น และยังเพิ่มโอกาสการมีภูมิคุ้มกันก่อนเสี่ยงรับเชื้อ ซึ่งย่อมดีกว่าอีกด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook