สาวเจอเพื่อนร่วมงานสตอล์กเกอร์ แอบสูดดม สะกดรอยตาม ลากขืนใจในออฟฟิศ

สาวเจอเพื่อนร่วมงานสตอล์กเกอร์ แอบสูดดม สะกดรอยตาม ลากขืนใจในออฟฟิศ

สาวเจอเพื่อนร่วมงานสตอล์กเกอร์ แอบสูดดม สะกดรอยตาม ลากขืนใจในออฟฟิศ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สาวเจอเพื่อนร่วมงานเป็นสตอล์กเกอร์ แอบดมข้าวของ สะกดรอยถึงบ้าน ลากขืนใจในออฟฟิศ

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ ศอ.ปส.ตร. ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบนครบาลร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายณัฐพล หรือ นัท อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ถ.ประชาอุทิศ ซอย 2 ต.แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.1625/2567 ลงวันที่ 19 เม.ย. 67 ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” จับกุมได้ที่ กลางถนนวิภาวดี-รังสิต (ขาออก-บริเวณสนามบินดอนเมือง) แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง จ.กรุงเทพฯ

พฤติการณ์กล่าวคือ “night stalker” ในชีวิตจริง จอมหื่นที่ตามสะกดรอยชีวิตของเหยื่อสาวกว่าหลายเดือน ก่อนสบโอกาสลากเธอไปข่มขืนอย่างวิตถาร โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในห้วงปลายปี พ.ศ. 2566 หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายรายนี้เป็นเด็กสาวหน้าตาดีวัย 22 ปี เธอเล่าว่า ได้เข้าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง คนร้ายทำหน้าที่โชเฟอร์ของบริษัท ได้ฉวยโอกาสนี้เข้ามาทำทีตีสนิทใกล้ชิดกับเธอ จนเริ่มคลั่งไคล้เธอจนถึงขั้นเลิกขับรถแล้วขอย้ายมาอยู่แผนกเดียวกับเธอ โดยไอ้โรคจิตรายนี้พยายามซักถามข้อมูลส่วนตัวเธออย่างเกินงาม จนเธอรู้สึกอึดอัด โดยคนร้ายยังไม่จบเพียงแค่นี้บางครั้งถึงขั้นนำสิ่งของของเธอในออฟฟิศ “มาสูดดม” อย่างโรคจิตในภาพยนตร์ แล้วที่พีคสุดคือหลังเลิกงานเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ผู้ต้องหาจะสะกดรอยติดตามเธอตั้งแต่ออกจากบริษัท ป้ายรถเมล์ และแอบขึ้นรถเมล์ไปกับเธอ ตามไปจนถึงที่พักของเธอ โดยที่เธอไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นเช่นนี้มาเป็นเวลากว่าหลายเดือน มันรู้แม้กระทั่งว่าเธอชอบกินขนมยี่ห้ออะไรในร้านสะดวกซื้อ

จนมาถึงในวันที่เกิดเหตุ ได้มีการจัดงานการกินเลี้ยงสังสรรค์ของบริษัทฯ ซึ่งหลังเสร็จจากงานเลี้ยงเธอต้องกลับมาทำงานต่อที่บริษัทฯ คนร้ายฉวยโอกาสตามเธอกลับมาที่บริษัทฯ ด้วยสภาพแวดล้อมที่แทบจะไม่มีใครอยู่ในบริษัท ลงมือลากเธอเข้าไปในห้องฟิสเนตของบริษัทฯ แล้วลงมือกระทำชำเราเธออย่างรุนแรง เวลาผ่านไปเท่าใดไม่ทราบ เธอฟื้นได้สติขึ้นมาแล้วพบว่าตนกำลังถูกไอ้โรคจิตรายนี้ข่มขืนอยู่ จึงใช้เท้าถีบมันและหนีออกมาจากสถานการณ์นั้นได้ ซึ่งหลังเกิดเหตุเธอได้เดินทางไปแจ้งความที่ สน.ประชาชื่น และได้แจ้งเรื่องนี้ให้กับหัวหน้าในบริษัททราบทันที ซึ่งเมื่อทางเจ้าหน้าที่ได้มาทำการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดก็พบว่าหลังเกิดเหตุ ไอ้โรคจิตรายนี้ยังกลับเข้าไปทำความสะอาดและทำลายหลักฐานในห้องฟิตเนสจุดที่ลงมือก่อเหตุอีกด้วย หลังจากนั้นคนร้ายก็ไม่มาทำงานอีกและหนีหายเข้ากลีบเมฆไปเลย

ซึ่งต่อมาก็ได้มีการออกหมายจับนายณัฐพล หรือ นัท อายุ 45 ปี โดยคดีนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสืบนครบาลเพื่อไล่ล่าติดตามตัว จนชุดสืบสวนได้ไปพบบุคคลต้องสงสัยที่มีตำหนิรูปพรรณตรงกับคนร้าย กำลังขับรถยนต์อยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.ต.ธีรเดชฯ สั่งให้ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น. ชุดสืบสะกดรอยนักสะกดรอยรายนี้ไปเรื่อยๆเพื่อพิสูจน์ทราบ กระทั่งต่อมาคนร้ายเริ่มระวังตัวจึงเริ่มขับรถโดยใช้ความเร็วต่ำ แต่ชุดสืบสวนไม่กลัวว่าคนร้ายจะรู้ตัว โดยสารวัตรแจ๊ะสั่งลูกทีม “ตามแบบหนังไทย” ขับตามรถคนร้ายไปดื้อๆ จนกระทั่งคนร้ายเริ่มออกอาการเริ่มขยับฉวัดเฉวียวและใช้ความเร็ว กระทั่งได้พยายามจะสับขาหลอกชุดสืบสวนหักเลี้ยวกลับรถกะทันหันและพยายามขับขี่มุดไปตามช่องแคบ แต่ท้ายสุดก็ถูกสกัดจับได้กลางถนนวิภาวดีรังสิต

ในชั้นจับกุม นายณัฐพล ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า เคยเป็นพนักงานในแผนกไอทีแอนเซอร์วิส อยู่ที่บริษัทที่เกิดเหตุดังกล่าว ตามที่ผู้เสียหายกล่าวว่าตนนั้นเป็นสตอกเกอร์ตามคุกคามชีวิตประจำวันผู้เสียหาย ตั้งแต่ขึ้นรถเมล์จนกระทั้งรู้พฤติกรรมของผู้เสียหายว่าชอบลงมาซื้อข้าวจากร้านสะดวกซื้อไปกินบนห้องและคอยเฝ้าตามผู้เสียหายในที่ต่างๆ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นสตอกเกอร์ แค่เป็นห่วงความปลอดภัยของน้องเขาเท่านั้น โดยในวันเกิดเหตุนั้นบริษัทที่ตนทำงานได้จัดเลี้ยงปีใหม่และผู้เสียหายได้ดื่มเหล้าจนมีอาการเมาไม่ได้สติ และตนจึงได้พาผู้เสียหายไปที่อ่างล้างจานเพื่อไปอาเจียน และพาผู้เสียหายมาเช็ดตัวที่ห้องฟิตเนสในระหว่างนั้นตนเห็นผู้เสียหายถอดเสื้อจนเห็นร่องอก ตนจึงเกิดอารมณ์และได้ลูบไล้ร่างกายผู้เสียหาย จนกระทั่งตนกำลังจะถอดกางเกงแต่อวัยวะเพศของตนเกิดอาการอ่อนตัวจนไม่สามารถร่วมเพศเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผู้เสียหายรู้สึกตัวพอดี ซึ่งภายหลังเกิดเหตุ ตนได้ลาออกจากบริษัทและออกมาทำงานรับจ้างด้วยตนเอง

โดยตลอดช่วงที่หลบหนีที่ผ่านมาตนได้ตั้งจิตขอขมาองค์เทพและผู้เสียหายเรื่อยมา จนในวันที่ถูกจับกุมตนมีลางสังหรณ์จากองค์เทพว่าวันนี้ตนจะถูกลงโทษจากคดีความที่เคยก่อไว้ และถ้าถูกจับวันนี้จะมีญาติผู้ใหญ่มาช่วยเหลือและตนจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ตนอยากเจอกับ สารวัตรหมวกไหมพรหม (สารวัตรแจ๊ะ) เพราะติดตามใน tiktok มานานและคิดว่าสักวันตนอาจจะถูกสารวัตรแจ๊ะจับเพราะชุดสืบของสารวัตรแจ๊ะเก่ง อีกทั้งตนยังอยากคุยกับผู้การจ๋อ เพราะติดตามมานานและคิดว่าผู้การจ๋อซึ่งน่าจะเข้าใจตนมากที่สุด”

หลังจับกุมตัว ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่า “เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของคนร้าย เพราะพยานหลักฐานในคดีนี้แน่หนามาก และจากการตรวจสอบพฤติกรรมของคนร้ายพบว่ามีการเปลี่ยนที่ทำงานบ่อยครั้งมาก เป็นไปได้สูงที่อาจจะเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้ว ซึ่งหลังจากนี้เราจะมีการขยายผลโดยละเอียด ขอเป็นกำลังใจให้กับหญิงสาวที่ต้องประสบพบเจอกับการถูก “sexual harassment” ในทุกแวดวงสังคมเช่นนี้ ต้องรู้จักสร้างภูมิคุ้มกันตัวเราเองก่อน ต้องรู้จักและหาแนวทางในการรับมือ การวางตัว และการป้องกันที่จะไม่เปิดโอกาสให้ผู้ที่คิดมิดีมิร้ายมาลงมือก่อเหตุกับเราได้

และหากผู้ใดมีเบาะแสการกระทำความผิดในลักษณะนี้ในแวดวงสังคมที่ท่านต้องประสบพบเจออยู่โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook