ชุมพลชี้หลังศาลคืนสิทธิลุยหาเสียงขอรักษาที่นั่งเดิม

ชุมพลชี้หลังศาลคืนสิทธิลุยหาเสียงขอรักษาที่นั่งเดิม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณบุรี จากพรรคชาติไทยพัฒนา ได้กำลังใจสู้ศึกเลือกตั้งหลัง ศาลยกคำร้อง และสั่งคืนสิทธิ์ให้กับ อดุลย์ เหลืองบริบูรณ์

// //

นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะว่าที่หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำสั่งยกคำร้องของ กกต.อุทัยธานี ที่วินิจฉัยว่า นายอดุลย์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.อุทัยธานี เขต 1 พรรคชาติไทยพัฒนา ขาดคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาไม่ครบ 90 วัน ทำให้นายอดุลย์มีคุณสมบัติครบถ้วนว่า แต่เดิมทางพรรคชาติไทยพัฒนา โดยเฉพาะเขา ไม่ได้มีความกังวล ต่อเรื่องคุณสมบัติของผู้สมัครของพรรคแต่อย่างใด เพราะทุกอย่างได้ทำตามขั้นตอน และนำหลักฐานเสนอประกอบกับข้อชี้แจง ให้กับ กกต.กลางทั้งหมด

ทั้งนี้ ที่มีปัญหาขึ้นมา เพราะสงสัยว่า จะถือระเบียบข้อกฎหมายเลือกตั้งในมาตราใด จะยึดตามประกาศ พรบ.พรรคการเมือง ระเบียบนายทะเบียนพรรคการเมือง ข้อ 6 และข้อ 9 ที่ระบุว่าการแจ้งจำนวนสมาชิกพรรคต่อ กกต.ให้แจ้งทุกไตรมาสของเดือนถัดไป ทุกวันศุกร์ หรือจะยึดเอากฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 19 วรรค 4 และวรรค 6 ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนา ได้ชี้แจงไปว่า ทางพรรคได้เสนอรายชื่อสมาชิกไปทุกไตรมาส ภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป ซึ่งเชื่อว่า ศาลฎีกาคงได้พิจารณาหลักฐานทั้งหมดที่ส่งไปแล้ว ซึ่งก็ต้องขอบคุณที่ได้พิจารณา

สำหรับหลักฐานที่พรรคชาติไทยพัฒนาส่งไปคือ กฎหมายมาตรา 19 วรรค 4 ระเบียบประกาศนายทะเบียนข้อ 6 และข้อ 9 เพื่อให้เปรียบเทียบ รวมทั้งนำรายงานการประชุมของพรรคในการตรวจรับสมาชิก พร้อมเอกสารประกอบครบถ้วน

ส่วนข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้น คงเป็นความไม่เข้าใจว่า พรรคชาติไทยพัฒนาได้เตรียมตัวย้ายสมาชิกพรรค จากพรรคชาติไทยเดิมมา ตั้งแต่วันที่ถูกตั้งคณะกรรมการพิจารณายุบพรรคชาติไทยแล้ว ดังนั้น พรรคชาติไทยพัฒนา จึงสมบูรณ์มาตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 2551 เพื่อรองรับหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น และดำเนินการกิจกรรมพรรคชาติไทยพัฒนามาโดยตลอด ซึ่งกรรมการบริหารพรรคชาติไทยในขณะนั้น ต่างกระตือรือร้น เพราะกลัวว่า ถ้าพรรคชาติไทยถูกยุบ และต้องถูกเว้นวรรค 5 ปี จึงตัดสินใจระดมคนมาสมัครเป็นสมาชิก เข้าพรรคชาติไทยพัฒนา

นายชุมพล กล่าวต่อว่า เมื่อเรื่องถูกส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ทุกคนก็รู้ชะตากรรมของตัวเองว่า มีปัญหาแน่ ทำให้ใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ถูกระดมเข้ามานั้น บางคนเขียนใส่วันที่ผิด ไม่ได้แปะโป้ง แบบฟอร์มคลาดเคลื่อน กรอกไม่ถูก มีรูปบ้าง ไม่มีรูปบ้าง จึงกระโดกกระเดกมาตลอด แต่สุดท้ายทุกอย่างก็สมบูรณ์ เมื่อมีคำวินิจฉัยยุบพรรคชาติไทย

ทุกคนไม่คิดว่า จะโดนกันเร็วขนาดนั้น ทำให้ ส.ส. 13 คนของพรรคชาติไทยเดิม ต้องโอนย้ายไปอยู่พรรคชาติไทยพัฒนา และต้องแจ้งรายชื่อสมาชิกต่อ กกต.ก่อนครบไตรมาส 4 ในวันที่ 31 ธ.ค. 2551 แต่ต้องยื่นภายในวันที่ 7 ม.ค. 2552 ซึ่งเรากำลังจะยื่นไปอีกครั้งหนึ่ง โดยได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง กกต.แล้วว่า มีความจำเป็นต้องขอยื่นรายชื่อสมาชิกเพิ่มเติมก่อนครบไตรมาส เพื่อรักษาสิทธิของ ส.ส.ทั้ง 13 คน ซึ่งไม่มีข้อห้ามที่จะไม่ให้ยื่น โดย กกต.รับเรื่องไว้เรียบร้อย

นายชุมพล กล่าวว่า เรื่องนี้ ไม่ได้ถือว่า เขารู้สึกโล่งใจหรือไม่ แต่ถือว่าเราทำถูกต้องทุกอย่าง และยืนหยัดตามนั้น ซึ่งกระบวนการศาลได้ให้ความยุติธรรม เมื่อศาลวินิจฉัยมาแล้ว คงไม่ต้องคิดอะไรมากต่อไป จากนี้ ทุกคนก็ลงพื้นที่หาเสียง อย่างที่ได้ทำต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่จะเลือกตั้งได้มามากน้อยเพียงใดนั้น ยังไม่ทราบ อยู่ที่ประชาชน แต่เขาก็หวังว่า จะได้ที่นั่งเดิมคืนมาทั้งหมด ส่วนจะได้เท่าไหร่แล้วแต่ประชาชนจะลิขิต อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ประชาชนในพื้นที่จะไม่สับสนกับข่าวที่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อทราบคำวินิจฉัยของศาลฎีกาแล้ว ได้พบและพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีอย่างไร นายชุมพล กล่าวว่า เขาได้บอกให้นายกรัฐมนตรีทราบว่า ศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยคืนสิทธิ์ ให้กับผู้สมัครพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว นายกรัฐมนตรียังบอกด้วยว่า เดี๋ยวต้องดูในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์บ้าง เพราะรู้สึกว่า จะมีอยู่ 2 คน แต่เขาไม่แน่ใจว่า เรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ไปถึงศาลฎีกาหรือไม่

เมื่อถามว่า ถือเป็นการดับฝันฝ่ายค้านหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า อย่าไปพูดขนาดนั้น เมื่อเหตุเกิดขึ้นแล้วใครจะพูดอย่างไรก็เป็นสิทธิของแต่ละคน

ต่อข้อถามว่า เชื่อมั่นว่า หลังการเลือกตั้งซ่อมแล้ว คะแนนเสียงของรัฐบาลจะเพิ่มขึ้นมากหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า เขาขอพูดเฉพาะในนามของพรรคชาติไทยพัฒนาว่า เราคาดว่า อยากได้คนของพรรคชาติไทยพัฒนากลับคืนมาทั้งหมด ส่งเท่าไหร่ก็หวังเท่านั้น ขอให้ได้มาทั้งหมด

เมื่อถามว่า หากได้ ส.ส.เข้ามาเพิ่มแล้ว จำเป็นต้องได้เก้าอี้รัฐมนตรีเพิ่มด้วยหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า เวลานี้ เราก็ได้เยอะแล้ว แล้วแต่แกนนำรัฐบาล แล้วแต่พรรคประชาธิปัตย์ ตอนนี้ขอให้เลือกตั้งได้มาก่อน เรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลัง ให้ได้ของเก่ากลับคืนมาทั้งหมดเสียก่อน

ต่อข้อถามว่า แกนนำรัฐบาล ต้องโอ๋พรรคร่วมรัฐบาล ตามที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เคยพูดไว้ นายชุมพล กล่าวว่า ไม่ใช่โอ๋ด้วยตำแหน่ง แต่ต้องโอ๋ด้วยจิตใจ จะได้อยู่กันนาน ๆ เพราะถ้าโอ๋กันด้วยจิตใจแล้วมันไม่เฉพาะเรื่องตำแหน่ง แต่จะมีเรื่องอื่น ๆ ตามมา เช่น ความสนิทชิดเชื้อ ความให้เกียรติซึ่งกันและกัน ถ้าจิตใจโอ๋กันได้แล้ว อย่างอื่นดีทุกเรื่อง

ส.ส.ชาติไทยพัฒนาฮึดหลังศาลสั่งคืนสิทธิ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลฎีกาแผนคดีเลือกตั้ง มีคำสั่งคืนสิทธิให้ นายอดุลย์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ขาดคุณสมบัติตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด และศาลได้มีคำสั่งให้เป็นผู้มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ของ จ.อุทัยธานี ซึ่งผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณบุรี ของพรรคชาติไทยพัฒนา ทั้ง 2 เขต ต่างผวา แต่หลังจากทราบผลการตัดสินทำให้ นายนพดล มาตรศรี นายนิติวัฒน์ จันทร์สว่าง และนายชาญชัย ประเสริฐสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณบุรี เขต 1 พรรคชาติไทยพัฒนา ต่างฮึกเฮิมขึ้นทันที และลุยออกหาเสียงต่อในพื้นที่ อ.อู่ทอง อ.สองพี่น้อง

นายนพดล มาตรศรี ผู้สมัคร ส.ส. สุพรรณบุรี เขต 1 พรรคชาติไทยพัฒนา ศาลฎีกายังให้ความเป็นธรรม โดยที่ศาลยกคำร้องคัดค้านของ จ.อุทัยธานี พวกตนจึงมีกำลังใจที่จะเดินหน้าต่อไป ถึงอย่างไรพวกเราก็มีความมั่นใจอยู่แล้วว่าพวกเราเป็นสมาชิกพรรคครบ 90 วัน และจนถึงวันเลือกตั้งพวกเราจะเดินหน้าพบปะพี่น้องชาวสุพรรณบุรี ให้ครบทั้ง 4 อำเภอของเขต 1 จึงขอฝากพี่น้องชาวสุพรรณบุรี ช่วยเป็นกำลังใจให้ได้ พวกเราจะร่วมกันพัฒนาสุพรรณบุรี ให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป

ด้านนายชาญชัย ประเสริฐสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณบุรี เขต 1 พรรคชาติไทยพัฒนา บุตรชาย พล.ต.บุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ อดีตประธานรัฐสภา กล่าวว่าอาจจะมองว่าพวกตนมาลงสมัคร ส.ส.ครั้งนี้ไม่เหนื่อย แต่จริงๆแล้วยอมรับว่าเหนื่อย แต่ก็ก็ยินดีในการทีจะออกพบปะพี่น้องในเขต 1 และสัญญาว่าจะเดินหน้าพัฒนาสุพรรณบุรี ให้เหมือนกับนายบรรหาร จะเห็นได้ว่า แม้นายบรรหาร จะถูกเว้นวรรคทางการเมือง แต่ก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นถ้าพวกตนได้รับเลือกเข้ามาก็จะไม่ทำให้ชาวสุพรรณบุรีผิดหวัง

ตะลุยข่าว : THE GREEN POLICE กองปราบฯ สู่ศตวรรษที่ 21

ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกสามารถระงับยับยั้งปัญหาอาชญากรรมให้ลดลงและควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้ ตรงกันข้ามกับประเทศไทย กลับมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และมีการกล่าวถึงในระดับนานาชาติว่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook