ชาติไทยพัฒนา-ปชป. เฮ ศาลฎีกาฯสั่งคืนสิทธิ 2 ผู้สมัคร ส.ส.อุทัยธานี-ปากน้ำ รอดปมสังกัดพรรค90วัน

ชาติไทยพัฒนา-ปชป. เฮ ศาลฎีกาฯสั่งคืนสิทธิ 2 ผู้สมัคร ส.ส.อุทัยธานี-ปากน้ำ รอดปมสังกัดพรรค90วัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ชาติไทยพัฒนาโล่งอก ศาลฎีกาคืนสิทธิผู้สมัคร ส.ส.อุทัยธานี-ปากน้ำ ให้ลงเลือกตั้งได้ กกต.ชี้ส่งผลผู้สมัคร ชทพ. อีก 12 คนรอดหมด ส่วนผู้สมัคร ส.ส.หวังใหม่ชวดศาลยกคำร้องเหตุเป็นสมาชิกพรรคซ้ำซ้อน

ศาลฎีกาฯสั่งคืนสิทธิอดุลย์

ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำสั่งคืนสิทธินายอดุลย์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จังหวัดอุทัยธานี เขตเลือกตั้งที่ 1 พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ภายหลังวินิจฉัยแล้วเห็นว่าไม่ขาดคุณสมบัติเป็นผู้สมัคร ส.ส. ตามมาตรา 101 (3) ของรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 มกราคม ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง สนามหลวง นายสิงห์ผล ละอองมณี นายศุภชัย สมเจริญ และนายชาลี ทัพวิมล องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา มีคำสั่งคดีที่ 1/2552 ระหว่างนายอดุลย์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.อุทัยธานี เขต 1 ผู้ร้อง และผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.อุทัยธานี ผู้คัดค้าน เรื่องสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งระบุในคำร้องว่า เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2551 ผู้ร้องได้ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ต่อมาวันที่ 27 ธันวาคม 2551 ผู้คัดค้านมีหนังสือแจ้งว่าผู้ร้องขาดคุณสมบัติ เนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่ครบ 90 วัน และไม่ประกาศรายชื่อผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

ศาลฎีกาฯตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2551 ผู้คัดค้าน มีหนังสือแจ้งผู้ร้องว่าขาดคุณสมบัติ เนื่องจากนายกฤต รัตนคามินี หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ได้ส่งสำเนาใบสมัครการเป็นสมาชิกพรรคพร้อมเอกสารประกอบการสมัครของผู้ร้อง ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองภายในวันศุกร์ของสัปดาห์ที่ยื่นใบสมัครตามประกาศนายทะเบียน เรื่องการรับสมัครสมาชิกพรรคการเมืองฯ พ.ศ.2550 แต่ส่งรายชื่อสมาชิกพร้อมมีหนังสือแจ้งจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้น หรือลดลงของพรรคชาติไทยพัฒนา ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2551 ต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ผู้คัดค้านจึงไม่สามารถรับรองข้อมูลที่ผู้ร้องเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาได้

ชี้นายทะเบียนแจ้งในเวลากำหนด

เมื่อศาลพิจารณาข้อกฎหมายแล้ว เห็นว่า ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 มาตรา 19 วรรคหนึ่ง บัญญัติขั้นตอนการสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองว่า ผู้ที่เป็นสมาชิกต้องเป็นบุคคลธรรมดา สัญชาติไทย มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา 8 วรรคหนึ่ง และต้องยื่นใบสมัครด้วยตนเองพร้อมเอกสารประกอบการสมัครเป็นสมาชิกต่อพรรคการเมืองที่จะเข้าสมัคร และให้คำรับรองว่าตนไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่น โดยให้พรรคการเมืองส่งสำเนาใบสมัครและเอกสารประกอบการสมัครให้นายทะเบียนพรรคการเมือง และมาตรา 19 วรรคสี่ และวรรคห้า ยังให้หัวหน้าพรรคแจ้งจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบภายในวันที่ 7 ของทุกสามเดือน

นอกจากนี้ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง การรับสมัครสมาชิกพรรคการเมือง พ.ศ.2550 ข้อ 6 กำหนดว่า เมื่อมีการรับสมัครสมาชิก ให้พรรคการเมืองส่งสำเนาใบสมัครสมาชิกและเอกสารประกอบการสมัครให้นายทะเบียนพรรคการเมืองภายในวันศุกร์ของสัปดาห์ ดังนั้น การที่หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้แจ้งนายทะเบียนพรรคการเมืองทราบถึงจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นในวันที่ 12 ธันวาคม 2551 จึงเป็นไปตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองฯ มาตรา 19 วรรคสี่ และได้แจ้งภายในเวลาที่กำหนดไว้ในข้อ 9 ของประกาศนายทะเบียนฯ

ไม่มีหลักฐานสนับสนุนทุจริต

ส่วนที่พรรคชาติไทยพัฒนาไม่ส่งสำเนาใบสมัครสมาชิกพร้อมเอกสารการประกอบใบสมัครของผู้ร้อง ให้นายทะเบียนพรรคภายในวันศุกร์ของสัปดาห์ที่ยื่นใบสมัครและเป็นเหตุให้ผู้คัดค้านไม่รับรองความสมบูรณ์ในการเข้าเป็นสมาชิกพรรคนั้น ผู้ร้องได้อ้างส่งสำเนาใบสมัครการเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2551 และหัวหน้าพรรคฯ ได้อนุมัติให้เป็นสมาชิกในวันเดียวกัน โดยผู้ร้องมีหัวหน้าพรรค มายืนยันต่อศาลถึงการอนุมัติที่เป็นไปตามข้อบังคับของพรรค

ข้อเท็จจริงจึงน่าเชื่อว่า ผู้ร้องได้สมัครและหัวหน้าพรรคได้อนุมัติตั้งแต่ 8 ตุลาคม 2551 ซึ่งประเด็นนี้ผู้คัดค้านก็ยอมรับว่าผู้ร้องเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาจริง โดยโต้แย้งเพียงว่าพรรคไม่ได้ส่งสำเนาใบสมัครและเอกสารประกอบการสมัครภายในวันศุกร์ของสัปดาห์ที่ยื่นใบสมัครเท่านั้น ซึ่งกรณีดังกล่าวไม่มีกฎหมายบัญญัติถึงความสมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์ไว้ ส่วนที่ผู้คัดค้านอ้างว่า ผู้ร้องมีพฤติการณ์ส่อไปในทางไม่สุจริต และอาจลงวันที่ในใบสมัครย้อนหลังนั้น ศาลเห็นว่าผู้คัดค้านไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุนในเรื่องนี้

คำสั่งผอ.เลือกตั้งอุทัยฯไม่ชอบ

ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า ผู้ร้องเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2551 ซึ่งนับจนถึงวันเลือกตั้งที่ 11 มกราคม 2552 ก็เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน ผู้ร้องจึงไม่ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 101 (3) การที่ผู้คัดค้าน ไม่ประกาศชื่อผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จึงไม่ชอบ ศาลจึงมีคำสั่งให้นายอดุลย์ ผู้ร้อง เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.อุทัยธานี เขต 1 และให้ ผอ.การเลือกตั้ง เขตที่ 1 จ.อุทัยธานี ประกาศชื่อนายอดุลย์ ผู้ร้อง เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง คำสั่งศาลฎีกาฯระบุ

ภายหลังที่ศาลมีคำสั่งแล้ว นายอดุลย์ซึ่งมาพร้อมกับทนายความกล่าวเพียงสั้นๆ ว่าศาลมีคำสั่งคืนสิทธิการลงสมัครให้ตนแล้ว จะรีบเดินทางลงพื้นที่เพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบพร้อมหาเสียงทันที จากนั้นรีบขึ้นรถยนต์ส่วนตัวกลับไป

ยกคำร้องผู้สมัครลพบุรี หวังใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ศาลฎีกาฯยังได้มีคำสั่งยกคำร้อง คดีที่ 2/2552 ระหว่างนายสิงห์ รัตนอำภา ผู้สมัคร ส.ส.ลพบุรี เขต 1 พรรคความหวังใหม่ ผู้ร้อง และ ผอ.การเลือกตั้งเขต 1 จ.ลพบุรี ผู้คัดค้าน เรื่องการวินิจฉัยสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง กรณีที่ ผอ.การเลือกตั้ง มีคำวินิจฉัยว่าผู้ร้องขาดคุณสมบัติเนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคการเมืองมากกว่า 1 พรรค เนื่องจากมีชื่อเป็นสมาชิกพรรคความหวังใหม่และประชากรไทย

กกต.ชี้ผู้สมัคร ชทพ.รอดหมด

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้วินิจฉัยให้คืนสิทธิการลงรับสมัครแล้วทำให้ผลของคำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นบรรทัดฐานต่อผู้สมัครรายอื่นๆ ของพรรคชาติไทยพัฒนา 13 คน ที่มีปัญหาแต่ไม่ถูกยื่นคำร้องต่อศาลยังมีสิทธิการลงสมัครได้ ส่วน จ.ลพบุรี ผู้สมัครจากพรรคความหวังใหม่ 1 ราย เนื่องจากเป็นสมาชิก 2 พรรคการเมือง และศาลฎีกามีคำสั่งยืนตามความเห็นของ ผอ.กต.เขตแล้วทำให้หมดสิทธิลงสมัคร

ชุมพล อ้างเหตุระบบกกต.ล่ม

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่าที่หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งสั่งคืนสิทธิให้นายอดุลย์ว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค ทำให้ ส.ส.ชาติไทยเดิม 13 คน สมัครเข้าเป็นสมาชิก ชทพ. พรรคจึงยื่นบัญชีรายชื่อสมัครเป็นสมาชิก ชทพ. เพิ่มเติมให้ กกต.รับทราบ ก่อนถึงกำหนดยื่นบัญชีรายไตรมาส ในวันที่ 7 มกราคม 2552 เพื่อรักษาสิทธิ เพราะถ้าไม่รีบแจ้ง กกต. เกรงว่า ส.ส. 13 คน อาจเปลี่ยนใจ แต่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของ กกต.ดันล่ม ทำให้พรรคต้องทำหนังสือแจ้งไป โดย กกต.ได้เซ็นรับรองเรียบร้อยแล้ว

หลักฐานเหล่านี้มอบให้ กกต.ทุกเขตเลือกตั้ง ทำให้ ผอ.กต.เขตทั้ง 10 เขต ประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัครในนามของ ชทพ. ยกเว้นที่ จ.อุทัยธานี ซึ่งการที่ศาลฎีกาฯคืนสิทธิให้นายอดุลย์ ถือเป็นการให้ความยุติธรรม และต้องขอบคุณอย่างยิ่ง นายชุมพลกล่าว

ผู้สมัครปชป.ปากน้ำร้องอีกราย

วันเดียวกัน นางสรชา วีรชาติวัฒนา ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยทนายความ ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อขอให้วินิจฉัยเรื่องสิทธิการสมัครรับเลือกตั้ง กรณีที่ กกต.ระบุว่าในฐานข้อมูล กกต.ไม่ปรากฏชื่อของนางสรชาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

ภายหลังยื่นคำร้องแล้ว ศาลเปิดห้องพิจารณาคดีได้ไต่สวนพยานฝ่ายนางสรชาเพียงปากเดียว คือ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ นายทะเบียนพรรคประชาธิปัตย์ โดยยืนยันว่านางสรชาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ปี 2547 และลงสมัครรับเลือกตั้งในปี 2548 และ 2550 แต่เมื่อปี 2551 ฐานข้อมูลของ กกต.กลับไม่พบชื่อของนางสรชาว่าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ฝ่าย กกต.ยื่นพยานเอกสารที่เกี่ยวข้องต่อศาล โดยไม่ได้นำพยานบุคคลขึ้นเบิกความแต่อย่างใด

ศาลฎีกาชี้มีสิทธิสมัครส.ส.ได้

ต่อมาเวลา 16.00 น. หลังศาลตรวจสำนวนประชุมศึกษาแล้ว เห็นว่าผู้คัดค้านมีนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ นายทะเบียนพรรคประชาธิปัตย์ เบิกความยืนยันว่าผู้คัดค้านเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2547 จนถึงปัจจุบัน ต่อมาวันที่ 28 มกราคม 2548 นายทะเบียนพรรคประชาธิปัตย์ ได้แจ้งชื่อสมาชิกที่เพิ่มขึ้นให้นายทะเบียนพรรคการเมืองโดยมีชื่อผู้คัดค้านอยู่ด้วย นอกจากนี้ ยังปรากฏด้วยว่ผู้คัดค้านเคยสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สมุทรปราการ มาแล้ว 2 ครั้ง คือวันที่ 6 กันยายน 2548 และวันที่ 23 ธันวาคม 2550 พยานหลักฐานของผู้คัดค้านจึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ รับฟังได้ว่าผู้คัดค้านเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จนถึงปัจจุบัน จึงมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 101 (3) ศาลจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องของ ผอ.การเลือกตั้ง

เฉลิม-โอ๊ค โผล่ช่วย มหาสารคาม

ส่วนความเคลื่อนไหวการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม วันเดียวกัน เวลา 10.00 น. บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองมหาสารคาม คาราวานหาเสียงของพรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ เพื่อช่วยนายขจิตร ชัยนิคม ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.มหาสารคาม เขต 1 มีประชาชนส่วนใหญ่สวมเสื้อสีแดงร่วมฟังกว่า 3,000 คน ซึ่งการปราศรัยส่วนใหญ่มุ่งโจมตีการตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ การตัดสินใจย้ายขั้วการเมืองของกลุ่มเพื่อนเนวิน การยึดสนามบินของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเรียกร้องให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทย เพื่อช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้กลับบ้าน ขณะที่ด้านล่างเวทีมีนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาทักทายและหาเสียงจากประชาชนโดยรอบด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook