ศอฉ. ระบุ ยังพบการเคลื่อนไหวในทางลับ เพื่อสร้างสถานการณ์

ศอฉ. ระบุ ยังพบการเคลื่อนไหวในทางลับ เพื่อสร้างสถานการณ์

ศอฉ. ระบุ ยังพบการเคลื่อนไหวในทางลับ เพื่อสร้างสถานการณ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ระบุ ยังพบการเคลื่อนไหวในทางลับ เพื่อสร้างสถานการณ์ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด พร้อมเร่งติดตามแกนนำทั้ง 18 คนที่ยังหลบหนีอยู่

พันเอกสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) พร้อมด้วยพันตำรวจเอกทรงพล วัธนะชัย รองผู้บังคับการอำนวยการกองบัญชาการตำรวจนครบาล และพันตำรวจโทพเยาว์ ทองเสน พนักงานสอบสวนพิเศษ ดีเอสไอ. ร่วมแถลงความคืบหน้าในการปฏิบัติงานประจำสัปดาห์ครั้งแรก โดยพันเอกสรรเสริญ ระบุว่า แม้สถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายแล้วก็ตาม แต่ยังพบการเคลื่อนไหวในทางลับเพื่อสร้างสถานการณ์ในกรุงเทพมหานครและภูมิภาค จึงเน้นการทำงานสายตรวจตำรวจทหาร ควบคู่กับการตั้งจุดตรวจในพื้นที่สำคัญ ๆ รวมไปถึงบ้านบุคคลสำคัญ ศาล สัญลักษณ์ทางการเมือง และมีกองร้อยรักษาความสงบเรียบร้อยทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ส่วนการพิจารณาขยายเวลาประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คาดว่าต้นสัปดาห์ สามารถรวบรวมข้อมูล เพื่อเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา แนวโน้มจะมีการยกเลิกประกาศใช้ในบางพื้นที่ ซึ่งเหตุระเบิดที่พรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่การสร้างสถานการณ์เพื่อขยายการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุนเฉิน

ด้านพันตำรวจเอกทรงพล วัธนะชัย ยืนยันว่า ทางตำรวจนครบาลได้ประสานกับตำรวจภูธรภาค 2 ในการเร่งจับกุมตัว นายกำพล คำคง ซึ่งเป็นผู้จ้างวานให้ระเบิดพรรคภูมิใจไทย เบื้องต้นทราบว่าหลบหนีอยู่บริเวณชายแดนฝั่งภาคตะวันออก


ขณะที่ พันตำรวจโทพเยาว์ ทองเสน พนักงานสอบสวนพิเศษ เปิดเผยว่า ดีเอสไอ ได้รับโอนคดีต่างๆ จากตำรวจมาดำเนินการเป็นคดีพิเศษทั้งสิ้น 162 คดี และกำลังรอการโอนคดีวางเพลิงเผาทรัพย์เป็นคดีพิเศษ ส่วนกรณีการเรียกสอบถามการทำธุรกรรมต้องสงสัยที่จะเริ่มในวันจันทร์นี้ ถ้าไม่พบข้อสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการชุมนุม ถือว่าการสอบถามสิ้นสุด ยกเว้นหากไม่สามารถชี้แจงได้ จะเป็นเหตุให้พิจารณาเพื่อแจ้งข้อหาต่อไป แต่ไม่มีการอายัดตัวบุคคล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook