ลูกโอ๊ค ลงหาเสียงอุดรฯช่วยเพื่อไทยแทน พ่อแม้ว ชทพ.หวั่น12ผู้สมัครถูกเพิกถอนสิทธิ เกรงเสีย 9 ที่นั่ง
ครม.อนุมัติ376ล.จัดเลือกตั้งซ่อม
นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 มกราคมว่า ครม.อนุมัติงบประมาณกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 342,670,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 29 คน ใน 22 จังหวัด 26 เขตเลือกตั้ง แทนตำแหน่งที่ว่างลง ในวันที่ 11 มกราคมนี้ และอนุมัติหลักการให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ใน 3 เขตเลือกตั้ง ได้แก่ จ.เพชรบูรณ์ เขต 3 จ.เชียงราย เขต 3 และ เขต 11 ภายใต้งบฯ 34,283,000 บาท รวมงบประมาณ 376,953,000 บาท
ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณี กกต.กลางตรวจพบผู้สมัคร ส.ส. 16 คน จากผู้สมัครทั้งหมด 83 คน อาจจะมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติเรื่องการสังกัดพรรคการเมืองไม่ครบ 90 วัน ว่าการประกาศรับสมัคร ส.ส. ถือเป็นดุลพินิจของผู้อำนวยการการเลือกตั้ง (ผอ.กต.) ประจำเขต ซึ่งส่วนใหญ่ประกาศรับรองผู้สมัครไปหมดแล้ว มีเพียง 3 เขตเลือกตั้งเท่านั้นที่ ผอ.กต.เขตไม่ประกาศรับรองผู้สมัคร ส.ส. ทำให้ทั้ง 3 คน เข้ายื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง
ศาลฎีกาฯนัดชี้คุณสมบัติอดุลย์
กรณีที่นายอดุลย์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.อุทัยธานี เขต 1 พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ที่ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัย เนื่องจาก กกต.อุทัยธานี วินิจฉัยว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากสังกัดพรรคไม่ครบ 90 วันนั้น หากศาลเห็นว่านายอดุลย์สมัครเป็นสมาชิกพรรคครบ 90 วัน ก็จะแจ้งให้ ผอ.กต.เขตประกาศรับรองความเป็นผู้สมัคร ส.ส. แต่ถ้าศาลยืนตามความเห็นของ ผอ.กต.เขต ก็จะเป็นบรรทัดฐานให้เขตเลือกตั้งอื่นๆ เนื่องจากมีประเด็นเรื่องข้อเท็จจริงที่เหมือนกัน ดังนั้น ผอ.กต.แต่ละเขตต้องไปฟ้องศาลฎีกาฯเพื่อเพิกถอนสิทธิสมัครต่อไป โดยที่จะไม่มีการเปิดรับสมัครผู้สมัคร ส.ส.เพิ่มเติม
ทั้งนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ได้นัดฟังคำสั่งคดีที่นายอดุลย์ยื่นคำร้องในวันที่ 7 มกราคมนี้ เวลา 10.00 น. ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ กกต.ได้เข้ายื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อให้วินิจฉัยคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส.จำนวนหนึ่ง แต่เจ้าหน้าที่ศาลไม่รับคำร้อง โดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายให้ครบถ้วน เนื่องจากเห็นว่า กกต.ยังไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของข้อกำหนดเกี่ยวกับการพิจารณาและวินิจฉัย สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง คุณสมบัติและสถานะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. พ.ศ.2550 โดยก่อนยื่นคำร้อง กกต.ต้องแจ้งให้ผู้สมัครในฐานะผู้ถูกร้องทราบก่อน เพื่อรับสำเนาเอกสารในการยื่นคำคัดค้าน
ชาติไทยฯผวา12ผู้สมัครหมดสิทธิ
ข่าวแจ้งว่า หากศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งชี้ว่า นายอดุลย์ขาดคุณสมบัติ จะส่งผลกระทบกับผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา อีก 11 คน เนื่องจาก กกต.ตรวจสอบพบว่า มีผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา 12 ราย ส่งหลักฐานการสมัครเป็นสมาชิกพรรคไม่ตรงตามกำหนดของนายทะเบียนพรรคการเมือง โดยพบว่าทั้ง 12 ราย สมัครเป็นสมาชิกพรรคระหว่างวันที่ 8-9 ตุลาคม 2551 ซึ่งตามระเบียบของนายทะเบียนพรรคการเมือง พรรคการเมืองจะต้องส่งเอกสารหลักฐานมาที่นายทะเบียนภายในวันศุกร์ของสัปดาห์ที่สมัคร คือวันที่ 10 ตุลาคม 2551 ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนาส่งหลักฐานมายัง กกต.วันที่ 12 ธันวาคม 2551 ถือว่าส่งเกินกำหนดไปกว่าหนึ่งเดือน
ข่าวแจ้งว่า หากผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา 13 คน ถูกตัดสิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งหมด อาจส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล เนื่องจากใน 6 เขตเลือกตั้ง จำนวน 9 คน ไม่มีผู้สมัคร ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ได้แก่ เขต 1 ลพบุรี 1 คน, เขต 1 ศรีสะเกษ 1 คน, เขต 1 สุพรรณบุรี 3 คน, เขต 2 สุพรรณบุรี 2 คน, เขต 1 อ่างทอง 1 คน และเขต 1 อุทัยธานี 1 คน ส่วนอีก 4 คน มีผู้สมัคร ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ได้แก่ เขต 2 นราธิวาส, เขต 4 บุรีรัมย์, เขต 2 และเขต 3 อุบลราชธานี
อดุลย์ยันคุณสมบัติครบถ้วน
ด้านนายอดุลย์ เหลืองบริบูรณ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าสังกัดเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาครบ 90 วัน ส่วนการที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ออกมาระบุว่า ตามระเบียบของนายทะเบียนพรรคการเมือง พรรคการเมืองจะต้องส่งเอกสารหลักฐานมาที่นายทะเบียนภายในวันศุกร์ของสัปดาห์ที่สมัคร แต่ทางพรรคชาติไทยพัฒนาส่งหลักฐานมายัง กกต.ในวันที่ 12 ธันวาคม 2551 ถือเป็นการส่งเกินกำหนดไปกว่าหนึ่งเดือนนั้น เป็นเพราะระเบียบของ กกต.ต้องส่งไปทุกวันศุกร์ แต่ตามข้อบังคับของพรรคนั้นต้องส่งรายชื่อผู้สมัครเป็นสมาชิกพรรคเป็นไตรมาส ซึ่งพรรคยึดหลักนี้มาโดยตลอด ทำกันมาเป็นประเพณีปฏิบัติ เรื่องนี้ผิดพลาดในเรื่องของกระบวนการ
นายชาญชัย ประเสริฐสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณบุรี เขต 1 พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า กกต.สุพรรณบุรีได้ประกาศรับรองผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนาทั้ง 5 คนแล้วว่ามีคุณสมบัติครบ ดังนั้น การที่ กกต.ระบุว่ามีผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคชาติไทยพัฒนาหลายคนขาดคุณสมบัตินั้น ไม่ทราบว่าไปเอาข้อมูลมาจากไหน ซึ่งข้อมูลที่ กกต.ได้อาจจะเป็นข้อมูลที่คาดเคลื่อนก็ได้
ลพบุรีตัดสิทธิเป็นสมาชิก2พรรค
ด้านนายอรรถสิทธิ์ หล่อสุวรรณ ผอ.กต.สุพรรณบุรี กล่าวว่า ในส่วนของ จ.สุพรรณบุรี ยังไม่ทราบว่า ผู้สมัคร ส.ส.คนใดจะขาดคุณสมบัติบ้างหรือไม่ เพราะได้ส่งเรื่องคุณสมบัติของผู้สมัครทุกคนให้ กกต.กลางเป็นผู้พิจารณา
นางเจติยา เลี้ยงผ่องพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 4 พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า กกต.จังหวัดประกาศรับรองคุณสมบัติแล้ว แต่เมื่อมีข่าวเรื่องคุณสมบัติออกมา ทำให้เกิดข่าวลือสะพัดว่า ถูกตัดสิทธิเลือกตั้งแล้ว ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการหาเสียง ประชาชนบางส่วนหลงเชื่อ จึงอยากให้ กกต.ให้ความเป็นธรรมด้วย
นายสุจินต์ ดาววีระกุล ผอ.กต.ลพบุรี กล่าวว่า ผอ.กต.เขตได้เพิกถอนการรับสมัครของนายสิงห์สมุทร รัตนอำภา ผู้สมัคร ส.ส.ลพบุรี เขต 1 เนื่องจากพบว่ามีชื่อเป็นสมาชิกพรรคการเมือง 2 พรรค คือพรรคความหวังใหม่ และพรรคประชากรไทย ซึ่งนายสิงห์สมุทรได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งให้วินิจฉัยแล้ว
โอ๊คหาเสียงช่วยเพื่อไทย
ที่ จ.อุดรธานี แกนนำพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ปราศรัยหาเสียงช่วยนายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.อุดรธานี เขต 2 พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นอดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี และประธานกลุ่มรักทักษิณอุดรธานี โดยตั้งเวทีปราศรัยพร้อมกัน 3 จุด คือ 1.ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอวังสาหมอ 2.สวนธรรมชาติ อ.กุมภวาปี และ 3.ศูนย์สินค้าโอท็อป อ.หนองหาน ซึ่งนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปช่วยหาเสียงด้วย โดยเข้าจับมือทักทายกับประชาชนที่มาฟังการปราศรัยทั้ง 3 เวที ขณะที่โฆษกบนเวทีได้ประกาศว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ส่งตัวแทนคือ บุตรชาย มาพบประชาชนเพื่อยืนยันว่า เราคือของจริง สร้างเสียงปรบมือดังกึกก้อง
ร.ต.อ.เฉลิมปราศรัยตอนหนึ่งว่า มาปราศรัยที่อีสานไม่ได้ปลุกระดม แต่มาเพื่อยุยงประชาชนให้เข้าใจข้อเท็จจริงต่างๆ ว่าที่ต้องมาเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะเขายุบพรรคเรา ยุบครั้งแรกมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย มายุบครั้งที่สองก็พรรคพลังประชาชน เมื่อพรรคเราถูกยุบก็ตั้งใหม่ มาเป็นพรรคเพื่อไทย ถ้าพรรคเราถูกยุบอีก พรรคใหม่จะตั้งชื่อว่า พรรคทักษิณ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผลของการเลือกตั้งซ่อมคงไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโควต้ารัฐมนตรี เพราะตั้ง ครม.มาเพื่อบริหารแล้ว
