กกต.ยกคำร้องมาร์คหนีทหาร

กกต.ยกคำร้องมาร์คหนีทหาร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
แจงไม่เข้าในบท ห้ามลงสมัคร ส.ส. พท.สับเทพเทือก เล่นปาหี่ทักษิณ กกต.ปัดคดีร้อง อภิสิทธิ์ หนีทหาร แจงไม่อยู่ในบทบัญญัติต้องห้ามสมัครส.ส. นายกฯมึนไม่ทราบมีคนร้อง พร้อมขอบคุณที่กกต.ให้ความเป็นธรรม เสื้อแดง พกตีนตบเขย่าขวัญนายกฯปราศรัยเมืองโอ่ง เจอโห่ไล่ตร.ต้องรีบนำตัวออกไปหวั่นบานปลาย ฝ่าย เพื่อไทย สับ เทพเทือก เล่นปาหี่ เผยไม่เคยมีใครต่อสายขอเจรจากับ ทักษิณ ปฏิเสธ นายใหญ่ หนุนหลังเสื้อแดง เฉลิม นำทัพฝ่ายค้านเข้าโรงแรมชำแหละนโยบายรัฐบาลนอกสภา พบ ป๋าเหนาะ ขอคำแนะนำ รู้ตัวไร้เอกสิทธิต้องระวังคำพูด ด้านนายกฯกดปุ่มลุยงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจ-พลังงานเร่งด่วน เผยไม่หย่อนกติกาล่า ทักษิณ มาลงโทษ ศิริโชค ยันนายกฯถูกปองร้ายจริงต้องคอยเคลียร์ให้ โพลรายงานชาวบ้านเชื่อสร้างกระแส ปชป.แฉ ทักษิณ ยังไม่วางมือจ้างล็อบบี้ยิสต์ทำงานต่อ วอนให้ยุติสร้างความวุ่นวาย ส่วนเลือกตั้งซ่อมหงอย นายกฯเดินสายช่วยอ้อนคะแนนให้ผู้สมัคร รัฐบาลลุยโลดสะสางงาน

เมื่อวันที่ 4 ม.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.เป็นต้นไป จะเป็นเวลาแห่งการทุ่มเททำงาน รัฐบาลจะเริ่มทำงานอย่างจริงจังโดยจะประชุมแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ คุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรื่องการเงินการคลัง ขณะเดียวกัน จะเชิญผู้เกี่ยวข้องด้านการเงิน, การคลัง, การพลังงานมาหารือนอกรอบ โดยเฉพาะกรณีราคาก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวีที่เดิมมีแนวคิดว่าจะปรับราคา ตนจะขอดูรายละเอียดว่ามีความจำเป็นที่จะเพิ่มราคาหรือไม่ เพราะการเพิ่มราคาก๊าซถือเป็นการผลักภาระให้ประชาชน

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวว่า ในวันที่ 7 ม.ค. จะประชุมครม.เศรษฐกิจ เพื่อเตรียมวางแนวทางการแก้ไขปัญหาการว่างงาน รวมทั้งดำเนินการตามนโยบายที่ได้ให้สัญญา อาทิ เรียนฟรี เบี้ยยังชีพคนชรา อย่างไรก็ตามตนไม่ห่วงการอภิปรายนอกสภาของฝ่ายค้านในวันที่ 5 ม.ค. เพราะทุกเรื่องสามารถชี้แจงได้ ส่วนข่าวการลอบทำร้ายนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่กลัว แต่การลงพื้นที่ก็จะไม่ประมาท ไม่หย่อนกติกาเชือดทักษิณ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายเก่งกาจ จงใจพระ โหรชื่อดัง ทำนายว่า รัฐบาลจะอยู่ได้น้อยสุด 3 เดือน มากสุด 6 เดือน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยู่ที่การทำงานของรัฐบาลในสภา ซึ่งรัฐบาลก็ต้องทำหน้าที่อย่างดีที่สุด

ต่อข้อถามถึงการเจรจากับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องไปถามนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ทั้งนี้ยืนยันว่าการเจรจาเป็นการพูดคุย ทำความเข้าใจกันใน 2 เรื่อง คือ 1.รัฐบาลยืนยันว่า ไม่มีการกลั่นแกล้งใคร และมีความเป็นธรรมกับทุกคน ภายใต้กรอบของกฎหมาย 2.ต้องทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ยืนยันว่าการเจรจาไม่มีเรื่องต่อรองผลประโยชน์ โดยเฉพาะเรื่องคดีความเพราะคงเป็นไปไม่ได้

พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะหวั่นไหว เมื่อมีการเปลี่ยนขั้ว ว่าจะมีการกลั่นแกล้ง ใช้อำนาจ บีบเรื่องนั้น เรื่องนี้ ซึ่งผมขอยืนยันว่าไม่มีทุกอย่างต้องเดินไปตามกรอบของกฎหมาย ถ้า พ.ต.ท. ทักษิณ มั่นใจในความบริสุทธิ์ก็ต้องกลับมาต่อสู้ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ควรกลับมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมของไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าว เงามาร์คยันนายกฯเสี่ยง

นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคนใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ข่าวการลอบทำร้ายนายกฯเป็นเรื่องจริง โดยเจ้าหน้าที่ได้รายงานให้นายกฯทราบเป็นระยะ ๆ เราไม่ได้ตื่นเต้นอะไร

คาดว่าคงจะเป็นฝีมือของกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ เท่าที่ได้รับรายงานคือจะมีการสาดน้ำกรดใส่นายกฯ ฉะนั้นสื่อมวลชนเองก็ต้องระวังตัวในช่วงที่สัมภาษณ์นายกฯด้วย อีกทั้งยังมีการส่งข้อความมาด่านายกฯ หรือบางรายก็โทรศัพท์เข้ามาด่า ล่าสุดกรณีในวันที่ 3 ม.ค. ส่งข้อความเข้ามาตนก็โทรฯกลับไปชี้แจง เมื่อเข้าใจกันดีเขาก็ขอโทษ

นายศิริโชค ยังกล่าวว่า จากการสอบถามผู้ที่โทรฯเข้ามา ทราบว่าได้เบอร์โทรศัพท์ของนายกฯ มาจากสถานีวิทยุชุมชนแห่งหนึ่งซึ่งมีการนำเบอร์โทรศัพท์ของนายกฯไปพูดออกอากาศและเชิญชวนให้ผู้ฟังโทรศัพท์และส่งข้อความไปด่า แต่ตนคงไม่ต้องนำหลักฐานมาแสดงตามที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. เรียกร้อง เพราะผู้ที่โทรฯเข้ามาก็เป็นคนบอกเองว่าได้เบอร์มาจากไหน นายกฯก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนเบอร์ เพราะการเปลี่ยนเบอร์มือถือก็เท่ากับเป็นการหนีปัญหา แต่นายกฯพร้อมชี้แจงให้เข้าใจด้วยเหตุด้วยผลมากกว่า โพลชี้ไม่เชื่อปองร้ายนายกฯ

ขณะที่สวนดุสิตโพล รายงานผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อข่าวนายอภิสิทธิ์ถูกปองร้าย โดยสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 1,188 คน ระหว่างวันที่ 2-4 ม.ค. สรุปผลดังนี้ 1.ความคิดเห็นของประชาชนต่อข่าวนายกฯถูก ปองร้าย ร้อยละ 31.97 ระบุว่าอาจสร้างกระแส ร้อยละ 16.97 เป็นห่วงไม่อยากให้เกิด ร้อยละ 17.21 เป็นเกมการเมือง ร้อยละ 15.57 ระบุ เป็นเรื่องธรรมดาทั้งที่มีคนชอบและคนไม่ชอบ 2.ประชาชนเชื่อหรือไม่ ร้อยละ 41.38 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 37.24 ไม่เชื่อ มีร้อยละ 21.38 ระบุว่าเชื่อว่ามีมูลความจริง

อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 42.07 ระบุว่าไม่ส่งผลต่อการทำงานและความมั่นคงของรัฐบาล มีร้อยละ 35.17 ระบุว่ามีผล ขณะที่ร้อยละ 37.14 ระบุว่าจากข่าวดังกล่าวพร้อมที่จะให้กำลังใจกับรัฐบาลเพื่อให้ทำงานต่อไป ร้อยละ 25.71 ขอให้รัฐบาลทำตามที่พูดหรือได้บอกไว้กับประชาชน ร้อยละ 17.14 ให้ระมัดระวังตนเอง ร้อยละ 9.52 พิสูจน์ตนเองให้ได้มากที่สุด แฉทักษิณยังใช้ล็อบบี้ยิสต์

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ได้ตรวจสอบพบ 3 ปัญหาที่กระทบต่อสถานการณ์ของประเทศไทย ซึ่งพบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยังคง มีการต่อสัญญาว่าจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์และล็อบบี้ยิสต์ของต่างชาติมาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 จนถึงปัจจุบัน ที่ตรวจสอบพบว่ายังมีการต่อสัญญา ได้แก่ 1.บริษัทเอลเดอร์แมน 2.บริษัทเบล พอททิงเกอร์ นอร์ท และ 3.บริษัทเบเกอร์ บอท

นพ.บุรณัชย์ กล่าวอีกว่า จากการที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ พยายามขอพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้ช่วยกันทำประเทศสงบแต่ยังไม่สำเร็จนั้น ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังพยายามดำเนินการทางการเมือง ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจที่ชาวโลกมีต่อประเทศไทย และต่อความสมานฉันท์ภายในประเทศ การดำเนินการทั้งในและต่างประเทศผ่านสื่อรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งใบปลิว วิทยุชุมชน และวารสารระหว่างประเทศ พูดถึงบทบาทของสถาบันถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก วอนยุติแผนสร้างความวุ่นวาย

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวว่า ตนขอเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณแสดงความชัดเจนว่า ขณะนี้ยังมีการว่าจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์และล็อบบี้ยิสต์ดังกล่าวยังมีอยู่หรือไม่ รวมทั้งผู้ใกล้ชิดซึ่งทราบรายละเอียดเรื่องการติดต่อกับบริษัทเหล่านั้นดี ได้แก่ นายพันธุ์ศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตที่ปรึกษานายกฯ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองเลขานายกฯ ควรให้คำตอบเรื่องนี้ด้วย

นพ.บุรณัชย์ กล่าวอีกว่า หากการใช้โลกล้อมประเทศไทย และใช้ชนบทล้อมเมือง ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ทราบกันดีในหมู่กลุ่มอำนาจเดิมนั้น ตนเชื่อว่าประเทศชาติจะเดินไปสู่ความสามัคคีและฟื้นคืนความเชื่อมั่นของต่างชาติได้ ยาก ซึ่งถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ และอดีตที่ปรึกษาทั้ง 3 คน มีความตั้งใจจรจะทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากวิกฤติและความขัดแย้งก็ควรเริ่มต้นจากการกระทำของท่านเองและอยู่ในวิสัยของ คนไทยว่าจะปฏิบัติต่อประเทศของตัวเองอย่างไร เพราะเขาเลือกที่จะหยุดได ้ เผยปาหี่ต่อสายขอเจรจา

ที่พรรคเพื่อไทย เวลา 10.25 น. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่าจากกรณีที่นายสุเทพออกมาระบุว่าต้องเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อเจรจากับกลุ่มเสื้อแดงให้ยุติการเคลื่อนไหวเพื่อแก้ปัญหาทางการเมืองว่าทางพรรคเพื่อไทยได้สอบถามไปยังบุคคลใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณ และได้รับการยืนยันกลับมาว่าพ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยได้รับการติดต่อ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดจากนายสุเทพทั้งสิ้น ตนจึงอยากให้ นายสุเทพยุติการกระทำเพื่อปั่นราคาสร้างข่าวให้ สังคมเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่เบื้องหลังกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะข้อเท็จจริง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ กล่าวเสริมว่า การที่มีคนใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ระบุว่านายอภิสิทธิ์ถูกปองร้ายว่าถ้ามีเหตุการณ์ดังกล่าวจริงก็คิดว่าคงมีสาเหตุมาจากกลุ่มคนดังกล่าวคงเห็นว่า นายกฯเป็นโจรปล้นประชาธิปไตย ดังนั้น นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ไม่ควรให้สัมภาษณ์โดยดึง พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงขอร้องให้หยุดพฤติกรรมเดิม ๆ นิสัยเดิมเสียที เพราะต้นเหตุที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความไม่สงบก็เกิดจากบุคคลทั้งสอง กระทุ้งนายกฯจัดการกษิต

นายสุรชัย เบ้าจรรยา ส.ส.สัดส่วน กล่าวว่าจากกรณีที่มีผู้กล่าวโทษร้องทุกข์ สน. ราชาเทวะ จ.สมุทรปราการ กรณีนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ที่ไปพูดในงานของสถาบันศึกษาความมั่นคง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯยึดสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นเรื่องสนุก อาหารดี ดนตรีไพเราะนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะแม้แต่ต่างประเทศยังยอมรับไม่ได้จึงขอเรียกร้องให้นายกฯ เร่งรัดดำเนินคดีนี้โดยด่วนและทำให้เกิดความชัดเจนโดยไม่เลือกปฏิบัติว่าเป็นคนของใคร

พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส. นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตนจะรวบรวมรายชื่อ ส.ส.ได้ตามจำนวน 1 ใน 4 ของสมาชิกทั้งหมดยื่นต่อประธานวุฒิสภาเพื่อถอดถอนนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ในกรณีที่กระทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 58 (1)(2)(3)(4) และมาตรา 43 (11) ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่ามีรายชื่อ ส.ว. จำนวน 10 คน ซึ่งรวมไปถึง ส.ว.ในเครื่องแบบ แจ้งความจำนงว่าต้องการที่จะประชุมที่รัฐสภา แต่ท้ายที่สุดกลับมีรายชื่อไปปรากฏในรายชื่อผู้เข้าร่วมประชุมที่กระทรวงการต่างประเทศทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้เข้าร่วมประชุม พท.ร้องศาลปค.คว่ำครม.

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่ประธานรัฐสภานัดประชุมรัฐสภาเพื่อให้ครม.แถลงนโยบายต่อรัฐสภาโดยประธานได้แจ้งเปลี่ยนสถานที่ประชุมเป็นกระทรวงการต่างประเทศทางเอสเอ็มเอสนั้นว่า เป็นการกระทำที่ขัดระเบียบข้อบังคับของสภาและรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 176 นอกจาก นี้ยังถือว่าประธานรัฐสภามีการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 ที่ปิดกั้นสมาชิกสภาโดยเฉพาะส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้ไม่สามารถอภิปรายนโยบายของรัฐบาลได้

โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า หลังจากนายกฯแถลงนโยบายแล้วเสร็จ ครม.ยังมีมติแต่งตั้งข้าราชการการเมืองหลายตำแหน่ง ถือว่าการออกคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการการเมืองมิชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการละเมิด พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ม.9 (1) ดังนั้นในวันที่ 5 ม.ค.นี้พรรคเพื่อไทยจะยื่นหนังสือต่อศาลปกครองให้ศาลปกครองกลางเพิกถอนคำสั่งการเรียกประชุมของประธานรัฐสภาและเพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการการเมืองตามมติ ครม.ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ม.72 (1) เหลิมนำอภิปรายนอกสภา

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมพรรคในการเตรียมความพร้อมการจัดงานสัมมนาอภิปรายนอกสภาของพรรคฝ่ายค้านในวันที่ 5 ม.ค.นี้ว่า รูปแบบการอภิปรายจะวิจารณ์นโยบายรัฐบาลเพราะรัฐบาลไม่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแต่กลับไปแถลงที่กระทรวงการต่างประเทศ โดยพรรคฝ่ายค้านไม่ได้ร่วมประชุมด้วยเพราะไม่เห็นด้วยกับวิธีการแต่รัฐบาลมั่นใจว่าเป็นความสง่างามหรือไม่ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล ตนจะอภิปรายคนแรกเน้นกฎ 9 ข้อที่นายกฯระบุไว้ให้ครม. ปฏิบัติตามนั้นซึ่งทางการเมืองมองว่านายกฯไม่ไว้ใจครม.จึงออกกฎมาบังคับโดยเฉพาะข้อ 9 ที่ระบุว่าห้ามทำตัวเหนือประชาชน แสดงว่านายกฯไม่ค่อยได้อ่านรัฐธรรมนูญเพราะมาตรา 4 บอกว่าทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน

เมื่อถามว่า นโยบายประชานิยมของรัฐบาลชุดนี้คล้ายว่าจะนำนโยบายของพรรคพลังประชาชนมาใช้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่อยากวิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ เพราะรัฐบาล ชุดนี้เพิ่งคิดได้และบอกกับสังคมว่านโยบายที่ พ.ต.ท.ทักษิณทำมาตั้งแต่ต้นนั้นดี แก้ไขปัญหา รากหญ้าและคนจน สำคัญที่สุดคือขอบอกกับ นายอภิสิทธิ์ว่ามาตรการ 6 เดือนฯที่รัฐบาลชุดที่แล้วดำเนินการไว้ ไม่ใช่นโยบายที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯคิด แต่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้คิด โดยตนดำรงตำแหน่งเป็น รมว. มหาดไทยได้นำข้อมูลนี้มาให้นพ.สุรพงษ์ สืบ วงศ์ลี อดีตรองนายกฯ รู้ตัวไร้เอกสิทธิ์คุ้มครอง

เมื่อถามว่า การอภิปรายครั้งนี้จะต้องระวังเป็นพิเศษหรือไม่ เพราะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ส.ส. ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ถูกต้องเพราะ อาจจะโดนฟ้องหมิ่นประมาทได้ เช่น กรณีที่ นายกษิตไปแสดงความเห็นในบางรายการ หากนำมาเปิดเผยนายกษิตคงต้องมุดใต้ถุน เพราะเคยไปวิจารณ์ผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน ตรงนี้ปฏิเสธและเถียงไม่ได้ เพราะหลักฐานมันชัดเจน

ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ ระบุว่าถูกปองร้ายนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เพิ่งเป็นนายกฯใครจะไปลอบทำร้าย ไม่มีใครคิดฆ่า และบุคลิกอย่างนายอภิสิทธิ์คงไม่มีใครคิดจะทำ สำหรับการเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 11 ม.ค. ตนฝันว่าน่าจะได้ ส.ส. 8-12 คน การหาเสียงจะเน้นการปราศรัยอย่างเดียวโดยไม่มีปัจจัยอื่นเกื้อหนุน ตนมั่นใจชาวเหนือและอีสานยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทยอยู่ จี้กกต.เช็กยัดไส้สมาชิก

เมื่อเวลา 13.50 น. ร.ต.อ.เฉลิม ได้เดินทางไปพบนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ที่บ้านเมืองทองธานี เพื่อหารือเรื่องการอภิปรายนอกสภา ในวันที่ 5 ม.ค. นาน 30 นาที จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ได้พูดคุยกับนายเสนาะ ถึงสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงต่าง ๆ ทั้งหลังการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. และหลังการเปิดประชุมรัฐสภา

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนได้พบข้อมูลว่ามีพรรคการเมืองบางพรรค แจ้งจำนวนสมาชิกพรรค 17 คน เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 51 แต่มีข้อมูลล่าสุด มีสมาชิกพรรคดังกล่าวเพิ่มเป็น 29 คน ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และอาจขาดคุณสมบัติในการสังกัดสมาชิกพรรคการเมือง 90 วัน ดังนั้นจึงขอให้กกต.ตรวจสอบ พร้อมขอให้ผู้ที่รู้ตัวว่ากระทำผิด ถอนตัวจากการเลือกตั้ง ก่อนที่จะถูกตรวจสอบพบว่ามีความผิดและถูกดำเนินคดีทางอาญา อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเรื่องนี้อาจทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ และกลายเป็นทุกขลาภของรัฐบาลโดยปริยาย นายกฯเดินสายอ้อนคะแนน

เมื่อเวลา 09.30 น. นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วยนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ผู้สมัครเลือก ตั้ง ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 10 ของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ไปหาเสียงย่านตลาดบางบอน โดยนายกฯ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้การต้อนรับ ให้กำลังใจ และดอกไม้ แถมแหวนอีก 2 ดยมีพี่น้องส่วนใหญ่อวยพรขอให้รัฐบาลอยู่นาน ตนขอเรียนว่า การเมืองในวิถีทางประชาธิปไตย รัฐบาลไม่สามารถบอกได้ว่า รัฐบาลจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ แต่ตนยืนยันว่า เมื่อมีโอกาสทำงาน จะทุ่มเทความสามารถ เพราะทราบดีว่า บ้านเมืองมีปัญหา ประชาชนมีทุกข์ ดังนั้นจะทำเท่าที่ทำได้ เพื่อให้บ้านเมืองเข้มแข็ง สร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้ลูกหลานในอนาคต

จากนั้นเวลา 14.45 น. นายอภิสิทธิ์ พร้อมคณะลงพื้นที่ตลาดท่านา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เพื่อช่วยนายมารุต บุญมี ผู้สมัครส.ส.นครปฐม หาเสียงเลือกตั้งซ่อม โดยแวะทักทายประชาชน แล้วได้เดินทางไปกราบศาลเจ้าแม่เบิกไพร ก่อนเข้าสักการะองค์พระปฐมเจดีย์ พร้อมนำภาพถ่ายที่เคยถ่ายคู่กับพระธรรมปริยัติเวที เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรวิหาร ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. 2549 มาถวาย ทั้งนี้ เจ้าอาวาสได้ให้พรกับนายกฯ และมอบพระร่วมรุ่นอินพรหมรามเทพเป็นที่ระลึก โดยมีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารในการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษช่วงที่สักการะองค์พระปฐมเจดีย์ ถึงกับมีการประสานมือกันของเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าไปใกล้ตัวนายกฯและคณะ เสื้อแดงป่วนตีนตบไล่

ที่วัดดอนตูม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เวลา 17.30 น. นายอภิสิทธิ์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยท่ามกลางประชาชนที่มารอฟังกว่า 1,000 คน เพื่อช่วยนายยศศักดิ์ ชีววิญญู ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ราชบุรี เขต 1 หาเสียง โดยระหว่างที่นายอภิสิทธิ์กำลังปราศรัยอยู่นั้น ได้มีสมาชิก กลุ่มเสื้อแดงประมาณ 10 คน นำตีนตบมาตบ ไล่นายกฯพร้อมตะโกนด่าทอ ทำให้ผู้ที่มาฟังปราศรัยไม่พอใจโห่ไล่สวนกลับไป ทั้ง 2 ฝ่ายเริ่มมีปากเสียงกันทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาระงับเหตุแล้วนำตัวกลุ่มเสื้อแดงออกจากพื้นที่ปราศรัยเพื่อป้องกันเหตุความวุ่นวาย

ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ตนไม่ปิดกั้นเรื่องของการแสดงออกเพราะถือว่าเป็นสิทธิของประชาชน พร้อมยอมรับฟังเหตุผลจากทุกคน แต่ก็อยากให้ฟังเหตุผลของตนในการเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกฯเพื่อทำงานให้ประเทศให้มากขึ้น เพื่อที่จะเข้าใจร่วมกัน เลือกตั้งล่วงหน้ายังหงอย

ส่วนบรรยากาศการเลือกตั้งซ่อมล่วงหน้า ส่วนใหญ่เป็นไปอย่างเงียบเหงา อาทิ หนึ่งเดียวในภาคใต้ จ.นราธิวาส มีคนมาลงคะแนนประมาณ 1 พันกว่าคนจากยอดผู้มีสิทธิ 2 แสนคน ทั้งนี้ คาดว่ามีเหตุผล 3 ประการที่มีผู้ออกมาใช้สิทธิล่วงหน้าน้อย คือ 1.เกรงเรื่องความไม่ปลอดภัย 2.สภาวะฝนตกอย่างหนัก และ 3.ยังไม่เดินทางกลับจากการฉลองเทศกาลปีใหม่

นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการ การเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้งได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้าส.ส.กรุงเทพฯ เขต 10 ที่สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ และสำนักงานเขตทุ่งครุ โดยนายประพันธ์ได้เน้นย้ำให้มีการประชาสัมพันธ์การลงคะแนน ทั้งการเลือกตั้ง ส.ส.และผู้ว่าฯกทม. ให้ทั่วถึง ป้องกันการสับสนของประชาชน รวมถึงให้ช่วยดูแลเรื่องการนับคะแนน เพราะการนับคะแนนจะแตกต่างกัน พร้อมทั้งเชื่อว่าในวันที่ 11 ม.ค. จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่าครั้งก่อน ๆ กกต.ยกคำร้องนายกฯหนีทหาร

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จ.นครพนม เรียกประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อมอบนโยบายซึ่งอาจจะคาบเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. นายประพันธ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะใช้ตำแหน่งหาเสียงเลือกตั้งไม่ได้ ส่วนการลงพื้นที่ของนายบุญจงจะเอื้อประโยชน์ต่อผู้สมัครหรือไม่ต้องดูข้อเท็จจริงก่อน หากเรียกประชุมตามปกติก็ไม่มีปัญหา ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดงรวมตัวประท้วงนายกฯ หากมีการกระทำดังกล่าวในบริเวณหน่วยเลือกตั้งผู้อำนวยการเขตเลือกตั้งสามารถใช้อำนาจสั่งให้ผู้ชุมนุมออกนอกพื้นที่หน่วยเลือกตั้ง หากฝ่าฝืนก็สามารถแจ้งตำรวจให้ดำเนินคดีตามกฎหมายได้

นายประพันธ์ เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กกต.ได้มีการประชุมพิจารณากรณีคำร้องของกลุ่มผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนร่วมปลุกจิตสำนึกประชาธิปไตยว่า นายอภิสิทธิ์ อาจขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ เนื่องจากไม่ได้ผ่านการเกณฑ์ทหาร โดย กกต.ได้พิจารณาเห็นควรให้ยุติเรื่องและยกคำร้อง เนื่องจากข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่ได้อยู่ในบทบัญญัติต้องห้ามการสมัคร ส.ส. จึงไม่ได้เป็นเหตุให้การเป็นสมาชิกภาพของ ส.ส. สิ้นสุดลง ส่วนนายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า เพิ่งทราบว่าถูกร้องเรียน ขอบคุณกกต.ที่ให้ความเป็นธรรม เชื่อว่าจะมีการร้องเรียนอีก และตนพร้อมรับการตรวจสอบ รายงานเหตุแค่จับขายสุรา

ที่ศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศรส.ลต. ตร.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่รอง ผบ.ตร.ฝ่าย ความมั่นคงและกิจการพิเศษ ในฐานะ ผอ.ศรส. ลต.ตร. กล่าวภายหลังประชุม ศรส.ลต.ตร.ว่า ในวันเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ล่วงหน้า ระหว่างวันที่ 3-4 นั้น ตร.ได้ส่งกำลังตำรวจไปรักษาความปลอดภัยประจำจุดที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทุกจุด ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ขณะที่ตั้งแต่วันที่ 2-3 ม.ค. เป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้าวันแรก รับแจ้งการกระทำความผิด 4 คดี ผู้ต้องหา 4 คน ในข้อหาจำหน่ายจ่ายแจก หรือจัดเลี้ยงสุราในเขตเลือกตั้ง โดยเหตุเกิดที่ อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด 2 คดี อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด 1 คดี และ อ.เมืองมหาสารคาม 1 คดี

นายชัยณรงค์ เทียนมงคล ผอ.กต.กทม. เปิดเผยว่า หลังจากกกต.ได้จัดเลือกตั้งล่วงหน้าซ่อม ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 10 ระหว่างวันที่ 3-4 ม.ค. มีผู้มาใช้สิทธิ 2,438 คน ใน 4 เขต ประกอบด้วย เขตบางขุนเทียน 748 คน เขตบางบอน 459 คน เขตทุ่งครุ 750 คน และเขตราษฎร์บูรณะ 481 คน.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook