นายกฯยันไม่เคยใช้งบประมาณดูด ส.ส.

นายกฯยันไม่เคยใช้งบประมาณดูด ส.ส.

นายกฯยันไม่เคยใช้งบประมาณดูด ส.ส.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่มีกระแสข่าวการดึงตัว ส.ส. โดยใช้งบประมาณในการต่อรองว่า ไม่ควรมีการดำเนินการเรื่องดังกล่าว เพราะการจัดสรรงบประมาณ ลงสู่จังหวัด และท้องถิ่น มีกลไก คณะกรรมการ และหลักเกณฑ์ เพื่อควบคุมให้เกิดความเป็นธรรมอยู่แล้ว ไม่ได้มีการจัดสรรงบตามอำเภอใจ ส่วนที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตการจัดสรรงบในส่วนของพรรคภูมิใจไทยนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะคุยเรื่องดังกล่าวกับทางพรรคภูมิใจไทย และก่อนหน้านี้ ได้มีการเตือนไปแล้ว ว่า อยากให้มีเรื่องแบบนี้ เพราะจะทำให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น ทั้งนี้สำหรับกรณีที่ นายกรุง ศรีวิไล ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย อ้างว่าได้รับการทาบทามจาก นายเนวิน ชิดชอบ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล แกนนำพรรคภูมิใจไทยนั้น เห็นว่าจะต้องดูข้อเท็จจริง และย้ำว่าเรื่องการจัดสรรงบ ใครมีหน้าที่ก็ทำไป อย่าให้ใครมาแทรกแซงได้

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีปัญหาเรื่องเสียงไม่พอ และส่วนตัวไม่เคยสนับสนุนเรื่องของการย้ายพรรค ส่วนการที่ ส.ส. ย้ายพรรค จะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพิธีการ และผลที่จะตามมาว่าจะทำอย่างไร ทั้งนี้ ยอมรับว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 กำหนดให้มีการย้ายพรรคได้ง่ายกว่าปี 2540 ก็เลยทำให้เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น



นายก เผย ประเมินสถานการณ์บ้านเมืองต้นปีหน้า เพื่อเตรียมตัวเลือกตั้งใหม่หรือไม่

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การตั้งข้อสังเกตของหลายฝ่ายที่มองว่า การย้ายพรรคของ ส.ส. นั้น
เป็นเพราะมีการประเมินว่า กำลังจะมีการยุบสภาในเร็วๆ นี้ โดยระบุว่า ต้องไปถามจากคนที่พูด แต่ส่วนตัวอยากให้บ้าน
เมือง มีความมั่นคงต่อเนื่องไปถึงสิ้นปี ก่อนจะเริ่มประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ในช่วงต้นปี เพราะขณะนี้บ้านเมืองยังมี
ปัญหาในเรื่องของความรุนแรงอยู่บ้าง และยังมีบางกลุ่มที่ไม่แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ต้องการให้บ้านเมืองสงบเรียบ
ร้อย และนำไปสู่การเลือกตั้งที่แท้จริง

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงถึงความชัดเจนเกี่ยวกับการจับกุมตัวนายวิคเตอร์ บูท นักค้าอาวุธสงครามมชาวรัสเซีย
ว่า การจับกุมตัวนายวิคเตอร์ บูท นั้น เกิดขึ้นก่อนที่รัฐบาลชุดนี้ จะเข้ามาบริหารงาน โดยจับกุมได้ที่โรงแรมย่านสีลม ซึ่งเป็น
คนละส่วนกับที่มีการจับกุมเครื่องบินขนอาวุธ ที่ ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งคดีดังกล่าว ได้มีการส่งตัวผู้ต้องหากลับไป
ดำเนินคดีในประเทศตามสัญชาติของผู้ต้องหาแล้ว ส่วนเรื่องของอาวุธสงครามที่จับกุมได้ ยังอยู่ในความดูแลของกองทัพ
ตามเงื่อนไขขององค์การสหประชาชาติ เพื่อรอการดำเนินการต่อไป
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook