รายงาน-ฝ่ายค้าน มือสมัครเล่น ?

รายงาน-ฝ่ายค้าน มือสมัครเล่น ?

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
จนทำให้ส.ส.สมาชิกพรรคเพื่อไทยต้องจำใจย้ายที่นั่งมาเป็นฝ่ายค้านในรัฐสภา

ปล่อยให้ รัฐบาลพรรคประชาธิปตย์ กุมบัลลังก์ในการบริหารประเทศ พร้อมๆ กับดึงแนวร่วมที่เคยมีพันธมิตรพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคที่เกาะกุมไว้อย่างเหนียวแน่น

// //

ขณะที่สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยกลับตกอยู่ในภาวะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดแบบชนิดไม่ทันตั้งตัว

เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า รายการตอกฝาโลงยุบพรรคพลังประชาชนพร้อมกับเปลี่ยนขั้วรัฐบาลครั้งน้ำทำให้ ระบอบทักษิณ อ่อนแอลงอย่างมาก

เพราะไม่เพียงต้องสูญเสียอำนาจรัฐ จนชวดเก้าอี้ นายกรัฐมนตรี ไปให้ พรรคประชาธิปัตย์ เท่านั้น

หากยังต้องเจอกับภาวะสุญญากาศขาดตัวหัวหอกแกนนำพรรค ทำหน้าที่ถือธงรบสู้กับฝ่ายตรงข้าม

บิ๊กๆ ที่กุมบังเหียนในพรรคไม่ว่าจะเป็น แกนนำสายตรงนายใหญ่ สมชาย-เจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์, ยงยุทธ ติยะไพรัช, สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ต้องถูกตัดสิทธิ์การเมืองแบบยกกระบิ

มีเพียงแกนนำที่รับหน้าเสื่อเพียงไม่กี่คน อย่าง เฉลิม อยู่บำรุง, วิทยา บุรณศิริ, สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ สันติ พร้อมพัฒน์ ส.ส.สัดส่วน

จนถึงขณะนี้ก็ยังอยู่ในสภาวะเงียบเหงา ส.ส.ในพรรคอยู่ในอารมณ์เซ็ง ไม่ชินกับการสวมบทเป็นฝ่ายค้าน

พูดให้ถูกก็คือ ขาดทั้งกำลัง และความกังวลว่าพรรคอาจจะขาดกำลังกระสุนดินดำไปด้วย

ที่สำคัญจะหาคนเป็นผู้นำฝ่ายค้านก็ยังไม่ได้ !!!

เหตุเพราะไม่ได้เตรียมตัวเป็นฝ่ายค้านเลยแม้แต่น้อยนิด

เพราะหวังในบารมีและเครดิต นายใหญ่ ที่จะไม่ทำให้สมุนบริวารกล้าแตกแถว

พอถึงคราวต้องรับ เลยตั้งท่ากันไม่ถูก

รวนกันไปทั้งพรรค !!

เลยต้องจำใจเป็น ฝ่ายค้านจำเป็น ที่มีแต่มือสมัครเล่นเป็นส่วนใหญ่

ไม่เพียงแค่หัวหน้าพรรคเท่านั้นที่ขาดแคลน

แม้กระทั่ง หัวหน้าทีมซักฟอกในสภา ก็ยังแทบจะงมเข็ม

สุดท้ายคงหนีไม่พ้นโยนให้ สารวัตรเหลิม รับหน้าที่หัวหน้าทีมฝ่ายค้าน เพราะดูจะเป็นคนเดียวที่จะปะทะคารมกับปริปัตย์ได้อย่างพอฟัดพอเหวี่ยง

แต่ในอีกมุมหนึ่ง เฉลิม ก็มีแรงต้าน เพราะส.ส.ในพรรคอีกฝ่ายต้องการผลักดันให้ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ หรือ วิทยา บุรณศิริ เป็นหัวหน้าพรรค พ่วงเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้านด้วย

ขณะที่ส.ส.ที่จะมาเป็น ขุนพลแถวหน้า ทำหน้าที่ตอบโต้การเมือง และองครักษ์พิทักษ์นาย ส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นหน้าเดิม ที่ทำหน้าที่ซ้ำไปมา-ไม่เป็นระบบ ไม่มีการวางยุทธศาสตร์การเมืองเหมือนที่เคยเป็น

ไม่ว่าจะเป็น สุนัย จุลพงศธร, จตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน, สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ สมาชิกพรรคเพื่อไทย

มิหนำซ้ำตำแหน่งสำคัญอย่าง โฆษกพรรค ที่เคยวางตัว นักการเมืองรุ่นเก๋าทันเกมการเมืองไว้ในตำแหน่ง อย่าง ศิธา ทิวารี, กุเทพ ใสกระจ่าง อดีตกรรมการบริหารพรรค เป็นต้น

แต่สุดท้ายกลับไปคว้านักการเมืองหน้าใหม่อย่าง พร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ เขามารับหน้าที่นี้แทน

ขณะเดียวกันเมื่อหันมาดูโครงสร้างพรรคเพื่อไทยที่ตั้งพรรคเพื่อรองรับพรรคพลังประชาชนถูกยุบ ก็มีเพียง ยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้าพรรค ส่วนกรรมการบริหารพรรคที่รับตำแหน่งแกนนำรุ่น 3 ก็ล้วนแต่เป็นตัวสำรอง และประเภทโนเนม

ทั้งหลายทั้งปวงเป็นสิ่งที่สะท้อนภาวะขาดแคลน ขุนพล-นายกอง ของพรรคเพื่อไทยอย่างชัดเจน

แม้จะเข้าใจได้ว่า อดีตพลพรรคของทักษิณ ต้องจำใจในการทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านครั้งแรก หลังจากเป็นรัฐบาลมายาวนานในแบรนด์พรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชนเกือบ 7 ปี

แต่การปล่อยให้ เกิดสภาพ ฝ่ายค้านอ่อนแอ มุ่งแต่จะเล่นเกมนอกสภา โดยปล่อยให้ขวัญกำลังใจของลูกพรรคเพื่อไทยจึงกระเจิดกระเจิง จากศึกในและศึกนอก

โดยเฉพาะปัญหาภายในพรรค สืบเนื่องจากยุทธปัจจัยก้อนโต นายใหญ่ รับปากจะให้กับลูกพรรคในช่วงสู้รบพลิกขั้ว ก็ยังไม่มีวี่แววจะกระจายให้ลูกพรรคตามสัญญา

กลายเป็นสนิมเนื้อในที่เริ่มกัดกร่อนพรรคลงเรื่อยๆ !

โดยเฉพาะการปล่อยให้ พรรคเพื่อไทย มีสภาพฝ่ายค้านอ่อนแอ และไร้ยุทธศาสร์ในการทำงานอย่างสิ้นเชิง

ประกอบกับการมุ่ง เอาดีนอกสภา เล่นเกมใต้ดิน ผ่านกลุ่มเสื้อแดงที่ 3 เกลอ วีระ-ณัฐวุฒิ-จตุพร เจ้าเก่ารับหน้าที่นำทัพ ก็ยิ่งทำให้ภาพของพรรคการเมืองที่เคยยิ่งใหญ่ค่อยๆ เลือนหายไปทีละน้อย

การใช้กลยุทธ์ ป่าล้อมเมือง ดึงมวลชนที่ยังรักทักษิณ สร้าง หนังม้วนใหม่ โดยใช้กลุ่มเสื้อแดงเป็นเครื่องมือ สุดท้ายรังแต่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสีย และเสื่อมความนิยม

สถานการณ์ในวันนี้ของ เพื่อไทย จึงยังไม่เห็นหัวเห็นหาง ยังไม่เห็นทางที่แม้แต่จะสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้ฝ่ายรัฐบาลในเวทีสภา

เพราะการต้องจำใจเป็นฝ่ายค้านจำเป็น ท่ามกลางหมู่มวลสมาชิก มือสมัครเล่น แทบยกกระบิ

เป็นภาวะที่อิหลักอิเหลื่ออย่างยิ่ง !!!

เว้นเสียแต่ว่าจะยืมมือที่มองไม่เห็นเล่นเกมใต้ดินประเภท ซื้อง่าย จ่ายคล่อง อย่างที่ถนัด !

ณยา ใจกาวัง

อาถรรพณ์นรกซานติก้า ที่ดินนี้มีตำนาน...เลือด!!!

จากที่ดินทำเลทองย่านเอกมัย เพียงชั่วข้ามคืนของวันแรกที่ย่างเข้าสู่ศักราชใหม่ปี 2552 กลับกลายเป็นสุสานของเหยื่อเพลิงนรก นำมาสู่การผูกโยงถึงความเชื่อของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับ สุสานซานติก้าผับ ด้วยความหวาดผวา และบอกเล่าถึงเรื่องราวอาถรรพณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงลางร้ายบอกเหตุที่อาจจะเป็นสาเหตุที่นำมาสู่โศกนาฏกรรมครั้งนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook