ความเชื่อมั่นต่อนายกฯ จะเพิ่มขึ้นโดยลำดับอภิสิทธิ์ในสายตา...นายหัวชวน

ความเชื่อมั่นต่อนายกฯ จะเพิ่มขึ้นโดยลำดับอภิสิทธิ์ในสายตา...นายหัวชวน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นผู้ให้กำเนิดทางการเมืองแก่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประทับตรารับประกันอีกครั้งว่า ผู้ที่เขาปั้นมากับมือนั้น

// //

ทำหน้าที่บริหารประเทศในภาวะวิกฤติได้อย่างแน่นอน ถึงแม้วัยวุฒิจะน้อย แต่ก็มากด้วยประสบการณ์ ส่วนรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำนั้นไม่ใช่ปัญหา หากพรรคร่วมรัฐบาลรับผิดชอบ

ผมเห็นคุณอภิสิทธิ์มาตั้งแต่ยังเด็ก มีอยู่วันหนึ่งผมยืนปราศรัยช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้งหาเสียงอยู่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปี 2518 คุณพ่อของคุณอภิสิทธิ์ (ศ.นพ.อรรถสิทธิ์) พาครอบครัวไปตากอากาศ เมื่อผมลงจากเวทีปราศรัยแล้ว ศ.นพ.อรรถสิทธิ์ ท่านก็เข้ามาทักทายผม หลังจากนั้นผมได้รู้จักกับคุณอภิสิทธิ์ จริงๆ ตอนที่มาช่วยงานตอนผมเป็น รมว.ศึกษาธิการ แต่คุณอภิสิทธิ์ ยังเรียนอยู่และปิดเทอม ผมจำได้ว่าผมเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรีที่ติดตามท่าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ไปประเทศศรีลังกาและเนปาล คุณอภิสิทธิ์ก็ตามไปด้วย ผมก็ต้องไปขออนุญาต พล.อ.เปรม ว่าขอให้หนุ่มน้อยคนนี้ติดตามผมไปด้วย เพื่อช่วยงานด้านภาษา เพราะภาษาคุณอภิสิทธิ์ดีมาก เป็นล่ามและช่วยแปลเอกสาร

๐ ตอนนั้นเห็นแววทางการเมืองหรือไม่ว่าจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี

ในทางการเมืองไม่ทราบเลย เห็นเขาสนใจติดตามการเมืองและรู้ว่าเก่ง เพราะเด็กวันนั้นสามารถทำงานได้ในระดับนั้น และความสามารถในการเรียนคุณอภิสิทธิ์ก็ดี

๐ มองว่าคุณอภิสิทธิ์เหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่

(หยุดคิด) เหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ต้องค่อยๆ มีประสบการณ์ ซึ่งคุณอภิสิทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองเป็นระยะๆ แม้แต่เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยก็ยังคุยอยู่กับผมประจำพอสมควร ในช่วงที่ผมเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็คิดกันอยู่แล้วว่า วันหนึ่งคุณอภิสิทธิ์ต้องออกจากราชการ เพื่อมาทำงานทางการเมือง เพราะสนใจและเรียนเรื่องนี้มา ผมรู้ประวัติการศึกษาของคุณอภิสิทธิ์ จากคุณประชา คุณะเกษม ซึ่งเป็นปลัดกระทรวงการต่างประเทศในสมัยนั้น ได้เล่าให้ฟัง เพราะท่านปลัดเป็นนักเรียนออกซ์ฟอร์ดเหมือนกัน ว่าคุณอภิสิทธิ์เป็นคนที่เรียนเก่งเป็นพิเศษ

คุณประชาใช้คำว่า คุณอภิสิทธิ์เป็นนักศึกษาที่ได้รับเกียรตินิยมสูงสุดเป็นคนที่ 2 ของประเทศไทย ซึ่งคนแรกคือ พระยาศรีวิสารวาจา ซึ่งคุณประชา ท่านเล่าให้ฟังเองว่าคุณอภิสิทธิ์เป็นคนเก่ง ดังนั้นจึงทำให้ผมรู้ถึงพื้นฐานความรู้ในเรื่องการศึกษา ความเอาใจใส่ สนใจและเห็นศักยภาพในการทำงานทุกเรื่องที่มอบหมายเรียบร้อย และเมื่อมาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ทุกเรื่องที่มอบหมายจะเรียบร้อย รับผิดชอบและไม่มีปัญหาติดตามมา ซึ่งเป็นเรื่องที่คนสมัยนั้นหาไม่ได้ง่ายๆ ที่สำคัญคือ เป็นคนใฝ่เรียนรู้ และผมคิดว่า จุดที่ผมเห็นว่าวันหนึ่งคุณอภิสิทธิ์ต้องมาเป็นหัวหน้าพรรค และผมก็เป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนให้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค เพราะเป็นนักการเมืองจริงๆ ในความเห็นของผมนั้นเห็นว่าทุกอาชีพต้องอาศัยมืออาชีพทั้งนั้น

งานทุกอย่างต้องอาศัยทั้งความรักความชอบเป็นเบื้องต้น งานการเมืองก็เช่นเดียวกัน ไม่ใช่เป็นงานที่ไม่รู้จะทำอะไรแล้วถึงมาทำงานการเมือง ไปไหนไม่ได้แล้วถึงมาเล่นการเมือง ไม่ใช่อย่างนั้น ต้องอาศัยคนที่ตั้งใจจริงๆ ซึ่งจุดนี้ผมเห็นว่าคุณอภิสิทธิ์เลือกเดินมาตั้งแต่ต้น ทั้งที่ทางเลือกของคุณอภิสิทธิ์มีมาก

๐ ความพร้อมในการทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์ มองอย่างไร

ข้อนี้อาจจะเป็นข้อหนึ่งที่คนส่วนหนึ่งลังเลใจ เพราะวัยวุฒิของนายอภิสิทธิ์ยังน้อย แต่เราต้องคิดอย่างนี้ ยกตัวอย่าง ข้าราชการจะเห็นชัดเจน คนที่มาสมัครเข้ารับราชการเมื่ออายุ 50 ปี กับคนที่สมัครเข้ารับราชการเมื่ออายุ 20 พอผ่านไป 10 ปี คนที่อายุ 50 ก็เกษียณแล้ว แต่คนที่ 20 เพิ่งจะย่างเข้า 30 ซึ่งคุณอภิสิทธิ์เริ่มต้นเร็ว เพราะฉะนั้น วัยอาจจะยังน้อย แต่ประสบการณ์การเมืองนั้นมาก เพราะเขาเริ่มก่อนคนอื่น ก่อนคนวัยเดียวกัน คนวัยเดียวกันอาจจะเพิ่งเป็นผู้แทนฯ ครั้งแรก แต่คุณอภิสิทธิ์ เป็นผู้แทนฯ ครั้งที่ 5 ไปแล้ว เพราะฉะนั้นประสบการณ์นี้เป็นประสบการณ์สำหรับมืออาชีพจริงๆ ดังนั้น ความห่วงใยที่หลายคนกังวลว่าอายุยังน้อยไป ผมคิดว่าความวิตกนี้อาจจะมีได้ แต่จากประสบการณ์ของคุณอภิสิทธิ์นั้น ผมคิดว่ามากพอสำหรับวัยนี้ ที่เริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อย ด้วยการตัดสินใจด้วยตัวเองว่าอยากเป็นนักการเมือง จึงเรียนวิชาที่เกี่ยวข้องกับงานที่จะทำในอนาคต คือ เรียนเศรษฐศาสตร์ เรียนการเมือง เรียนปรัชญา แล้วก็เรียนได้ดี

ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ เคยเอาจดหมายที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดเขียนคำแนะนำไปยังคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาให้ผมดู ว่าอย่าเสียโอกาสที่จะรับบุคคลคนนี้ไว้ ผมคิดว่าแม้แต่ครูผู้สอนในประเทศอังกฤษยังรู้สึกถึงศักยภาพของคุณอภิสิทธิ์ โดยพื้นฐานวิชาที่เรียนมามีความรู้ ซึ่งประสบการณ์การเมืองนั้นไม่มีอะไรดีเท่ากับต้องทำงานการเมืองด้วยตัวเอง ถึงจะเข้าใจปัญหาของบ้านเมือง รู้จักประชาชน รู้พื้นฐานปัญหา รู้ประวัติศาสตร์ประเทศตัวเอง มองอนาคตออก จากพื้นฐานที่มีความรู้อยู่ ผมคิดว่าความพร้อมเหล่านี้คุณอภิสิทธิ์มีมากพอที่จะรับผิดชอบแทนประชาชนได้

๐ สิ่งที่น่าห่วงที่สุดที่คุณอภิสิทธิ์ต้องเจอเมื่อเป็นนายกรัฐมนตรี

เราก็ควรจะห่วงปัญหาบ้านเมืองร่วมกัน แต่อย่าห่วงจนกระทั่งเป็นทุกข์ เราต้องคิดว่าบ้านเมืองกับปัญหาเป็นของคู่กัน และไม่มีวันจบสิ้น จะมีอยู่เรื่อยๆ ปัญหานี้หมดไปปัญหาใหม่ก็เข้ามา แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดคือ นักการเมืองต้องไม่สร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา ก็หนีไม่พ้นปัญหาเรื่องภาคใต้ ถ้าเราแก้โดยผิดพลาดไม่รู้จริง และความไม่พร้อมของผู้ที่ทำงาน ก็กลายเป็นปัญหาความมั่นคงของประเทศ เพราะฉะนั้น เมื่อคุณอภิสิทธิ์มีพื้นฐานอย่างนี้ ผมคิดว่าท่านจะตัดสินใจทำงานอะไรคงไม่ทำให้ปัญหาที่แก้ไขบานปลายออกไปกลายเป็นปัญหาใหม่

ปัญหาบ้านเมืองขณะนี้มีมากจนถึงขั้นวิกฤติหลายเรื่อง ทั้งความขัดแย้ง ความแตกแยก แต่ไม่เกินวิสัยของนักการเมืองที่ตั้งใจทำงาน และไม่เกินวิสัยที่ข้าราชการที่ดีจะร่วมมือกันทำงาน และถ้าได้รับความร่วมมือจากประชาชนด้วยการรับรู้ข้อมูลที่แท้จริงด้วย

๐ คนยังมองคุณอภิสิทธิ์มีบารมีน้อยเกินไป คิดว่าตรงจุดนี้สามารถจะสร้างกันได้หรือไม่

คนคงไปมองอย่างนั้น เพราะคุณอภิสิทธิ์ยังไม่เคยปกครอง ยังไม่เคยมีบทบาทหรืออำนาจในตำแหน่งนั้นๆ อาจจะยังไม่เป็นที่ยอมรับเชื่อถือเท่าที่ควร ความเชื่อมั่นต่อความรู้ความสามารถอาจจะไม่มากพอที่จะสามารถปกครองคนได้ ข้อวิตกทำนองนี้ก็เป็นไปได้ แต่ผมคิดว่าคุณอภิสิทธิ์มีประสบการณ์การเมืองมานานพอสมควร สามารถตัดสินอะไรบนพื้นฐานความรอบรู้ได้ดี

ความหมายของบารมีไม่ได้หมายความว่าอิทธิพลเป็นนักเลงอันธพาล แต่หมายถึงความเชื่อมั่น แต่สิ่งนี้ก็ต้องอาศัยเวลาด้วยเหมือนกัน หมายความว่าเงื่อนเวลาก็เป็นส่วนหนึ่ง ผมเคยให้ความเห็นว่าเป็นธรรมดา เมื่อเปรียบเทียบท่านอภิสิทธิ์กับคนอื่น ความเชื่อมั่นอาจจะยังน้อยอยู่ เพราะยังไม่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าเรานำไปเปรียบเทียบกับคนที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เห็นได้ชัดเจน ดังนั้นโอกาสที่จะสร้างบารมี ความเชื่อถือในฐานะนายกรัฐมนตรียังไม่เกิดขึ้น แต่เมื่อได้ลงมือทำแล้วผมเชื่อว่าจะเกิดขึ้นโดยลำดับ ผมยังเชื่อว่าระยะเวลาที่ทำงานต่อไปความเชื่อมั่นของประชาชนที่จะมีต่อนายกรัฐมนตรีจะเพิ่มขึ้นๆ โดยลำดับ

๐ รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำอย่างนี้ นายกรัฐมนตรีจะผ่านพ้นอุปสรรคในการทำงานได้หรือไม่

ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของเพื่อนร่วมพรรคและสมาชิกในสภา เราเห็นสภาล่มบ่อยๆ บางทีล่มเพราะเสียงปริ่มๆ ก็มี ล่มเพราะเสียงมากเกินไปก็มี เพราะประมาทและวางใจคนอื่น หรือไม่รับผิดชอบ ซึ่งความรับผิดชอบถือเป็นเรื่องใหญ่ ถึงบอกว่าความรับผิดชอบนั้นเป็นเรื่องใหญ่ แต่ผมเชื่อว่าในพรรคไม่มีปัญหา เพราะเราฝึก ส.ส.ในเรื่องความสำนึก รับผิดชอบต่อภารกิจที่ได้รับมอบหมาย รับผิดชอบต่อประชาชน ซึ่งไม่ใช่เรื่องการประชุมสภาเพียงอย่างเดียว เราสอนกันตั้งแต่การขึ้นเครื่องบิน รถไฟ ว่าจะต้องไปก่อนเวลา อย่าไปสายกว่าชาวบ้าน เพราะ ส.ส.นั่งเครื่องบินฟรี ถ้าไม่ไปวันไหนต้องแจ้งยกเลิกการเดินทางล่วงหน้า อย่าให้ที่นั่งเสียไป เพราะเป็นคุณสมบัติคุณธรรมจริยธรรมอย่างหนึ่งของนักการเมืองต้องมี ผมถึงรู้สึกว่า แม้จะตั้งรัฐบาลแล้วเสียงน้อย ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสำนึกรับผิดชอบของแต่ละคน

๐ มีคนมองว่าคุณอภิสิทธิ์จะเป็นนายกรัฐมนตรีเงาของท่าน เพราะรูปแบบการบริหารอาจเป็นแบบเดียวกัน

เป็นธรรมดา เพราะท่านทำงานอยู่ด้วยกันมานาน และผมก็ชื่นชมท่าน เพราะฉะนั้นความชื่นชมก็อาจจะทำให้รู้สึกเป็นพวกเดียวกัน และก็สนับสนุนมาตลอด ถึงแม้จะอายุน้อย แต่ก็เชื่อในความสามารถ นอกจากนี้ ที่ผ่านมาผมพยายามหลีกเลี่ยงที่จะให้สัมภาษณ์เรื่องอะไรก็ตามที่หัวหน้าพรรคพูดไปแล้ว หรือเรื่องอะไรก็ตามที่หัวหน้าควรจะพูด ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นประเด็นข้อกล่าวหาว่า เด็กนายชวน หรือ นายชวนครอบ ซึ่งขอเรียนว่าไม่จริง เขาเก่งกว่าเราในรุ่นที่เท่าๆ กัน ผมเป็นนักการเมืองบ้านนอก เด็กต่างจังหวัด ไม่ใช่นักเรียนนอก ความรู้ โอกาสพื้นฐานเรามีน้อย แต่เรารักการเมือง ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ตัดสินใจการเมือง ดังนั้นผมเชื่อว่าการตัดสินใจด้วยความแน่วแน่จะเป็นตัวผลักดันที่สำคัญมาก

๐ มีการมองว่าการเข้ามาตอนนี้มีแต่ติดลบหรือเสมอตัว

ผมคิดว่าถ้าคุณอภิสิทธิ์มีโอกาสได้ทำงาน ความเชื่อมั่นของคนก็จะดีขึ้น อย่าลืมว่าคุณอภิสิทธิ์ก็เป็นนักเศรษฐศาสตร์คนหนึ่ง สามารถสอนเศรษฐศาสตร์ได้ และมีประสบการณ์ บางคนมีความรู้แต่ตัดสินใจไม่พอ ก็อาจจะตัดสินใจอะไรได้ยาก ทำให้มองเห็นว่าการมองภาพปัญหาที่กระจ่างชัด และตัดสินใจที่ชัดเจนแม่นยำจะช่วยให้การแก้ปัญหาได้ดีขึ้น

อาถรรพณ์นรกซานติก้า ที่ดินนี้มีตำนาน...เลือด!!!

จากที่ดินทำเลทองย่านเอกมัย เพียงชั่วข้ามคืนของวันแรกที่ย่างเข้าสู่ศักราชใหม่ปี 2552 กลับกลายเป็นสุสานของเหยื่อเพลิงนรก นำมาสู่การผูกโยงถึงความเชื่อของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับ สุสานซานติก้าผับ ด้วยความหวาดผวา และบอกเล่าถึงเรื่องราวอาถรรพณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงลางร้ายบอกเหตุที่อาจจะเป็นสาเหตุที่นำมาสู่โศกนาฏกรรมครั้งนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook