บรรหารแนะรัฐกระตุ้นศก.รากหญ้าเชื่ออยู่นาน

บรรหารแนะรัฐกระตุ้นศก.รากหญ้าเชื่ออยู่นาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
(31ธ.ค.) ที่จรัลสนิทวงศ์ 35 เวลา 09.10 น.นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย แถลงว่า ขอวอนพี่น้องคนไทยอย่าแย่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งเสื้อเหลืองเสื้อแดงหรือเสื้ออื่น ขอให้เกิดความสามัคคีกัน เพราะประเทศชาติเราแย่มาพอสมควรแล้ว และคงไม่สามารถให้ประเทศชาติเราย่ำแย่ลงไปกว่านี้อีกคงทำไม่ได้ เพราะปัญหาจะมีผลกระทบต่อส่วนรวมในอนาคต จึงขอให้กำลังใจกับพี่น้องประชาชนทุกคน ให้มีสติมีความแข็งแกร่ง อดทน มีเรื่องอะไรที่มาแผ้วพานก็ใช้ความอดทนเป็นหลักและขอให้ทุกคนมีความซื่อสัตย์สุจริตต่อแผ่นดินที่จะเป็นตัวนำ ซึ่งจะนำความสันติสุขมาสู่ประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีอะไรจะอวยพรถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า การแถลงนโยบายของรัฐบาลจำไม่ได้ว่ามีกี่ข้อแต่คำแถลงจะเป็นการยืนยันว่าจะต้องทำตามนั้น ซึ่งเป้าหมายนั้นคงกำหนดระยะเวลาไม่ได้แต่ก็ต้องพยายามทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ปัญหาขณะนี้ต้องทำควบคู่กันคือ 1.ความปรองดองสามัคคีและการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ อย่างเรื่องการปรองดองตนเห็นด้วยที่รัฐบาลไม่สลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง และยอมที่จะย้ายที่ประชุมรัฐสภา โดยทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้ดื้อดึงจึงทำให้สถานการณ์สามารถคลี่คลายไปได้ แต่ตนก็เป็นห่วงอีกเรื่องคือวันที่จะมีการประชุมรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบก่อนที่จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน รัฐบาลจะต้องเตรียมการให้พร้อมและขอวิงวอนกลุ่มนปช.ช่วยเปิดโอกาสให้หน่อย เพราะเรื่องที่นำเข้ารัฐสภาเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อชาติอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นภาพพจน์ประเทศจะเสียหายมากกว่านี้

// //

นายบรรหาร กล่าวว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจตนอยากให้เห็นผลภายใน 6 เดือนมาตรการแรกที่ออกมาต้องเคลื่อนภายใน 3 เดือนและต้องเห็นผล 6 เดือนจีดีพีต้องเติบโตการส่งออกต้องดีขึ้น การนำสินค้าเข้าลดลงและต้องส่งเสริมการลงทุนให้เม็ดเงินกระจายไปสู่ข้างล่างมากที่สุด ถ้าทำได้ภายใน 3 เดือนเศรษฐกิจก็จะดีขึ้น แต่ขณะนี้ตนเป็นห่วงระบบราชการ หากนายกฯหรือผู้ที่เกี่ยวข้องหากไม่ลงมาดูด้วยตัวเองปล่อยให้เป็นไปตามระบบเม็ดเงินจะออกไปช้ามาก เพราะตนเคยทำงานด้านนี้มาโดยตลอดบางขณะต้องลงไปดูเองในระดับล่าง จนกระทั่งถูกกล่าวหาว่าไปล้วงลูก แต่ตอนนี้มันไม่ได้ นายกฯต้องลงไปดูเองบ้างในบางเรื่อง อย่างเช่นสั่งลงไป 7 วัน 10 วันเรื่องลงไปอยู่ตรงไหนติดอยู่ที่สำนักงบประมาณหรือเปล่าอยู่ที่กรมบัญชีกลางหรือไม่ เพราะ 2 กรมนี้สำคัญมาก หากคลี่คลายไปได้เม็ดเงินจะลงไปเร็ว จึงขอฝากด้วย อย่างเช่นตอนนี้การกระจายอำนาจเม็ดเงินยังไม่ออกไปเลย เพราะไปติดอยู่ที่กรมการปกครองส่วนท้องถิ่น จึงขอฝากไว้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดูแล

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองว่าการแถลงนโยบายของรัฐบาลที่มีการย้ายสถานที่ถือว่าเป็นการผิดข้อบังคับการประชุมและทำให้การแถลงนโยบายเป็นโมฆะหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า จะพูดอย่างไรดีหล่ะ เอาเถอะนะ เมื่อแถลงผลงานไปแล้วผิดถูกอย่างไรก็ต้องไปว่ากันอีกที ถ้าไม่แถลงภายใน 15 วันจะทำอย่างไร เพราะฉะนั้นต้องเห็นใจรัฐบาลจะได้เดินหน้าต่อไปได้ น่าเห็นใจ ใครเป็นรัฐบาลก็ต้องทำอย่างนี้

เมื่อถามว่ามีหลายฝ่ายมองว่านโยบายของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ก็ไม่แตกต่างกับนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมา นายบรรหาร กล่าวว่า จำเป็น ในยามนี้ต้องนำเม็ดเงินลงไปข้างล่างไม่มีวิธีไหนที่ดีกว่านี้ ถ้าปล่อยให้เม็ดเงินลอยอยู่ข้างบนไม่นำลงไปข้างล่างให้เร็วที่สุดก็แก้ปัญหาไม่ได้ เหตุการณ์บีบบังคับต้องให้ทำอย่างนี้ไม่ทำก็จำเป็นต้องทำ ที่จริงทำน้อยไป ถ้าเป็นตนทำมากกว่านี้ อย่างเบี้ยยังชีพคนชราต้องนำเม็ดเงินลงไปเลย หรือเอสเอ็มแอล กองทุนหมู่บ้านให้เพิ่มไปเลย ต้องให้เห็นผลภายใน 3 เดือนแต่ต้องควบคุมให้ดี อย่าทำให้มีอะไรไม่ถูกต้อง ทุกอย่างลงไปหมด โครงสร้างพื้นฐาน ถนนลาดยางต้องรีบทำ

ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าในสายตาต่างชาติจะให้ความเชื่อมั่นรัฐบาลชุดนี้มากน้อยเพียงใด นายบรรหาร กล่าวว่า เชื่อว่าต่างชาติให้ความเชื่อมั่นเพราะเราไม่เคยมีนายกฯที่มีอายุ 40 กว่ามีแต่อายุ 60 กว่าปีหรือ 70 กว่าปี แต่เท่าที่ดูความคิดของนายกฯที่ให้สัมภาษณ์ไปก็ใช้ได้ เพราะอดีตก็อยู่การเมืองมานานแล้ว เพราะฉะนั้นความรอบรู้ก็มีพอสมควร อย่างรัฐมนตรีคลังและรัฐมนตรีช่วยคลังก็เก่ง ตนคิดว่าไม่น่ามีปัญหาความเชื่อมั่นของต่างประเทศมีแน่นอน

เมื่อถามว่าหลายฝ่ายมองว่ารัฐบาลนี้อยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือนนายบรรหาร กล่าวว่า รัฐบาลนี้ต้องทำให้ดีทุกด้านถึงจะอยู่ได้นานเอง แต่ถ้าทำไม่ดีก็ตอบไม่ได้ ดีในที่นี้หมายถึงคณะรัฐมนตรีต้องเข้มแข็งทำงานถึงลูกถึงคน เจอปัญหาแก้ไข เม็ดเงินไม่มีก็ไปหาเงินมา วิธีการหาเงินไม่ยาก หาได้ง่าย ถ้าทำอย่างนี้ได้ความเชื่อมั่นก็จะเกิดขึ้น และถ้าทำได้ดีก็อยู่ได้นาน และหากรัฐบาลทำดีที่สุดประชาชนเห็นใจรัฐบาลก็อยู่ได้นาน

ตะลุยข่าว - 388 ศพสึนามิ...ยังไม่ได้กลับบ้าน

แม้พิบัติภัยสึนามิจะผ่านพ้นไปแล้ว 4 ปี ทว่าภาพความเสียหาย การล้มตาย และสูญหายไปของคนอันเป็นที่รัก ยังคงติดตรึงอยู่ในใจเหมือนภาพฝันร้ายในคืนที่แสนยุ่งเหยิง หลายครอบครัวยังทำใจไม่ได้กับมหันตภัยที่เกิดขึ้นกับตนเอง ครอบครัว และธุรกิจ เสียงหวีดร้องโหยหวนและร่ำไห้เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ยังคงก้องอยู่ในมโนสำนึก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook