ชี้มูลผิดตั้งซี9คลัง ฟันทิพาวดี-บิ๊กกพ.

ชี้มูลผิดตั้งซี9คลัง ฟันทิพาวดี-บิ๊กกพ.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ป.ป.ช.ชี้มูลคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์อดีตเลขาธิการก.พ.ผิดวินัย ร้ายแรง ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบทางราชการ กรณีตั้งซี 9 กระทรวงคลังผิดระเบียบ ไม่เป็นไปตามมติครม. สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง ด้านศุภรัตน์ ควัฒน์กุลปลัดคลัง ผิดอาญา ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 และผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ กำหนดตัวบุคคลไว้ล่วงหน้า สมใจนึก เองตระกูล-สมหมาย ภาษี-วีระ ไชยธรรม-เมธี ภมรานนท์ผิดอาญาด้วย เตรียมส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด

เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช. นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช. ในฐานะโฆษกแถลงผลการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ว่า ตามที่คณะกรรมการป.ป.ช.รับเรื่องกล่าวหาคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขาธิการก.พ.ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีมีหนังสือสำนักงานก.พ.แจ้งเวียนไปยังส่วนราชการโดยปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการและขั้นตอนการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญที่จะแต่งตั้งให้ดำเรงตำแหน่ง นักบริหาร 9 และกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการคัดเลือกไม่เป็นไปตามมติครม. และกล่าวหานายสมใจนึก เองตระกูล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง กับพวก ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญ เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนักบริหาร 9 (กระทรวงการคลัง) ดำเนินการคัดเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากรโดยมิชอบ ซึ่งคณะกรรมการป.ป.ช.ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน โดยมีนายภักดี โพธิศิริ กรรมการป.ป.ช.เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน

นายกล้านรงค์ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการไต่สวนแล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงฟังได้ว่าคุณหญิงทิพาวดีนำเสนอเรื่องระบบนักบริหารระดับสูงต่อครม.เพื่อขอความเห็นชอบ และอนุมัติให้นำระบบดังกล่าวมาใช้ โดยสำนักงานก.พ.จะจัดทำบัญชีของผู้มีสิทธิได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนักบริหารระดับสูง กลุ่มที่ 1 (นักบริหาร9) จากผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมและผ่านการประเมิน โดยผู้ที่ผ่านการประเมินจะมีชื่ออยู่ในบัญชีนักบริหารและบัญชีจะมีอายุ 2 ปี ซึ่งที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2543 มีมติเห็นชอบให้สำนักงานก.พ.นำระบบดังกล่าวมาใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2544

แต่ในวันที่ 15 ส.ค.2544 คุณหญิงทิพาวดีดำเนินการออกหนังสือเวียน แจ้งส่วนราชการเพื่อดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับ 9 เพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ครม.ให้ความเห็นชอบไปแล้ว ซึ่งหลักเกณฑ์เพิ่มเติมดังกล่าว ทำให้มีผู้ได้รับความเสียหายและฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง จนในที่สุดศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาว่าการที่สำนักงานก.พ.กำหนดหลักเกณฑ์เพิ่มเติมดังกล่าวไม่ชอบด้วยมติครม.และไม่เป็นธรรมแก่ผู้ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีผู้ผ่านการประเมิน ดังนั้นหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกตามหนังสือสำนักงานก.พ. เมื่อวันที่ 15 ส.ค.2544 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย โฆษกป.ป.ช. กล่าว

โฆษกป.ป.ช. กล่าวต่อว่า คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าผลจากการกระทำของคุณหญิงทิพาวดี ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดสร้างความเสียหายแก่ครม.และระบบราชการในด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างร้ายแรง ส่งผลเสียหายอย่างใหญ่หลวงในด้านข้อกฎหมาย และคำสั่งทางปกครอง ทำให้สถานภาพความเป็นข้าราชการและการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ในตำแหน่งของผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับความกระทบกระเทือนอย่างร้ายแรง การกระทำของคุณหญิงทิพาวดี จึงเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบราชการ มติครม.หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 85 วรรค 2

นายกล้านรงค์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีกล่าวหานายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลังขณะนั้นดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการคัดเลือกข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนักบริหาร 9 (กระทรวงการคลัง) นายสมหมาย ภาษี รองปลัดกระทรวงการคลัง ในขณะนั้น นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล อธิบดีกรมสรรพากรขณะนั้น นายวีระ ไชยธรรม ที่ปรึกษาระบบราชการ สำนักงานก.พ. และนายเมธี ภมรานนท์ ผู้แทนก.พ.ในอ.ก.พ.กระทรวงการคลัง ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริตในการคัดเลือกข้าราชการ เพื่อดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร เรื่องนี้มีผู้ได้รับความเสียหายจากการคัดเลือก ฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง และศาลปกครองสูงสุดพิพากษาว่าการดำเนินการคัดเลือกไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และมีการกระทำที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้สมัคร โดยพฤติการณ์เชื่อได้ว่ามีการกำหนดตัวบุคคลไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงไม่เป็นธรรมต่อผู้สมัครรายอื่น จึงทำให้คำสั่งแต่งตั้งรองอธิบดีกรมสรรพากรดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของนายสมใจนึก นายสมหมาย นายศุภรัตน์ และนายวีระ มีมูล ถือเป็นความผิดอาญา ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 ส่วนนายเมธีซึ่งในขณะกระทำผิดพ้นจากราชการไปแล้ว มีมูลความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 นอกจากนี้นายศุภรัตน์ยังมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการด้วย โดยป.ป.ช.จะส่งรายงานเอกสารและความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหาต่อไป นายกล้านรงค์ กล่าว

วันเดียวกัน นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียด จึงยังไม่สามารถให้ความเห็นได้ ต้องของดูรายงานของป.ป.ช.ก่อน หากมีประเด็นที่ต้องชี้แจงกับสาธารณชน จะขอชี้แจงในโอกาสต่อไป

ขณะที่นายศุภรัตน์กล่าวสั้นๆทางโทรศัพท์ว่า ตนติดประชุม ยังไม่ขอพูดใดๆ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook