จงรักเรียกประชุมเร่งรัดคดีพันธมิตรฯยึดสนามบิน

จงรักเรียกประชุมเร่งรัดคดีพันธมิตรฯยึดสนามบิน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
(13ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาณุพงษ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วยผบ.ตร.เรียกประชุมพนักงานสอบสวนคดีที่เกี่ยวเนื่องกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยใช้เวลาการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง พล.ต.อ.จงรัก กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้ได้มีการประชุมเร่งรัดคดีที่กลุ่มพันธมิตรบุกยึดทำเนียบรัฐบาล สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ซึ่งการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรนั้นทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้ละเว้นเหรือวางเฉยได้มีการสอบสวนอย่างต่อเนื่อง ทั้งคดีบุกยึดทำเนียบรัฐบาล และการบุกยึกสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง ซึ่งคดีการบุกยึดสนามบินทั้งสองแห่งนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบสวนพยานบุคคลไปแล้วกว่า 300 ปาก การสอบสวนมีความคืบหน้าไปแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์ และทำการสอบสวนต่อไปอีกประมาณ 3-4 สัปดาห์ก็สามารถออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งผู้ต้องหาที่จะออกหมายจับนั้นดำเนินไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฎว่ามีใครบ้างที่เกี่ยวข้อง ยังไม่สามารถระบุได้

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า ส่วน 5 แกนนำจะถูกออกหมายจับหรือไม่นั้นก็ต้องดูไปตามพยานหลักฐาน ถ้าพยานหลักฐานพาดพิงไปยังแกนนำผู้ใดก็ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ได้สอบพยานบุคคลและพยานต่างๆ อยู่ทั้ง 300 ปาก ต้องมาแยกแยะว่ามีใครยืนยันใครบ้างในรายละเอียด

// //

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมามีพยานหลักฐานเป็นภาพถ่ายชัดเจนว่าแกนนำพันธมิตรเป็นคนนำกลุ่มผู้ชุมนุมไป รองผบ.ตร. กล่าวว่า ได้สั่งให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งภาพถ่ายซีดีต่างๆซึ่งหากสื่อมวลชนได้นำไปออกตามช่องต่างๆ ก็ให้นำมาประกอบด้วย และลำดับเหตุการณ์มีภาพประกอบทั้งหมด

ต่อข้อถามที่ว่าแกนนำพันธมิตรกลายคนได้เข้าไปเป็นรัฐมนตรีและเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลจะเป็นอุปสรรคในการสอบสวนหรือไม่ พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า คงไม่เป็นอุปสรรคพนักงานสอบสวน และไม่มีผลต่อการทำงาน ทุกอย่างดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน ตามขั้นตอนตามหน้าที่ ซึ่งยืนยันไม่มีฝ่ายการเมืองเข้ามากดดัน นายกรัฐมนตรีเองก็บอกว่าให้ดำเนินการทุกอย่างไปตามกฎหมาย และยืนยันว่าไม่เป็นลักษณะมวยล้มต้มคนดู

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า คดีบุกยึดสนามบินมีทั้งส่วนของตำรวจนครบาลและตำรวจภูธร มีการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางคดีและมอบหมายให้สอบสวนพยานอีกหลายปาก และมีผู้เสียหายเพิ่มเข้ามาคือ การท่าอากาศยานแห่งประเทษไทยฟ้องเรียกค่าเสียหาย 30 ล้าน และการบินไทยเรียกค่าเสียหาย 18,000 ล้านบาท ในส่วนนี้พนักงานสอบสวนจำเป็นต้องนำคำฟ้องมาพิจารณาประกอบสำนวนการสอบสวนด้วย เพื่อให้ทราบถึงพฤติการณ์ในการกระทำผิดรวมทั้งค่าเสียหายทั้งหมด ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้เลือกปฏิบัติเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หากการชุมนุมไม่เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมีการละเมิดกฎหมายก็จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งสิ้นไม่ว่าเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินคดีในส่วนของการบุกยึดทำเนียบรัฐบาลนั้น ได้ดำเนินคดีกับ 9 แกนนำไปแล้ว ในความผิดฐาน กระทำปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล และมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ส่วนความผิดฐานร่วมกันสะสมอาวุถธ ตระเตรียมการหรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฎนั้นมีความเห็นสั่งไปฟ้อง เนื่องจากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้เพิกถอนหมายจับในข้อหานี้

คดีบุกยึดทำเนียบรัฐบาลพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว และได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปให้พนักงานอัยการพิจารณาแล้วตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาแล้ว ส่วนคดียิง ระเบิด เอ็ม 79 เข้าไปยังกลุ่มพันธมิตรนั้นเจ้าหน้าท่ายสืบสวนและพนักงานสอบสวนก็กำลังอยู่ระหว่างทำคดีรองผบ.ตร.กล่าว

คำมั่นอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะต้องคุ้มครองสื่อให้ปลอดจากอำนาจรัฐ-อำนาจทุน

สำหรับข่าวโทรทัศน์วันนี้ที่มีการคุยข่าวไปเรื่อยๆ เป็นอันตราย แม้ข้อดีคนจะได้มีความเพลิดเพลิน แต่อันตรายของการคุยข่าวคือการชี้นำ เพราะไม่เหมือนกับการอ่านข่าวหรือประกาศข่าวอย่างที่เราเห็นในอดีต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook