เตือน 3 ของที่ใช้แล้ว "อย่ารับ" หากใครให้ไว้ แม้ยังใหม่แค่ไหนก็ตาม บ้านมีเด็กยิ่งต้องระวัง!

เตือนแล้วนะ 3 ของมือสองที่ไม่ควรให้หรือรับ แม้จะยังใหม่ก็ตาม พ่อแม่ควรรู้เพื่อปกป้องลูกน้อย
ในยุคที่ของใช้เด็กเติบโตเร็วกว่าโทรศัพท์มือถือ การส่งต่อเสื้อผ้ามือสองในครอบครัวหรือในกลุ่มเพื่อนถือเป็นเรื่องปกติ ทั้งช่วยประหยัด ทั้งแบ่งปันน้ำใจ ทำให้หลายครอบครัวเลือกวิธีนี้เป็นทางออกในการจัดการของใช้เด็กที่ยังอยู่ในสภาพดี
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ของใช้ทุกชิ้นที่ควรนำไปให้หรือรับมาใช้กับเด็ก แม้ของนั้นจะยังดูใหม่ก็ตาม เพราะบางสิ่งอาจเสี่ยงกระทบต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูกน้อยอย่างคาดไม่ถึง ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า มี 3 ประเภทของใช้เด็กที่ไม่ควรให้หรือรับเป็นของมือสอง โดยเด็ดขาด ดังนี้
1. รองเท้าเด็ก – เสี่ยงทำลายรูปเท้าและการทรงตัว
แม้รองเท้าจะดูเป็นของภายนอกที่เหมือนเสื้อผ้า แต่ความจริงแล้วรองเท้ามีผลต่อโครงสร้างเท้าและท่าทางของเด็กมากกว่าที่คิด รองเท้าที่เคยผ่านการใช้งานมาแล้วมักจะปรับรูปทรงเข้ากับเจ้าของเดิม หากเด็กคนใหม่ใส่รองเท้านั้น อาจเกิดแรงกดผิดจุด ทำให้รูปเท้าผิดรูป ส่งผลต่อการเดิน ยืน หรือแม้แต่การพัฒนาโครงกระดูกในระยะยาว นอกจากนี้ พื้นรองเท้าที่สึกไม่เท่ากันยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการลื่นล้มอีกด้วย
คำแนะนำ: รองเท้าสำหรับเด็กควรซื้อใหม่เพื่อให้พอดีกับรูปเท้าของแต่ละคน และหลีกเลี่ยงปัญหาด้านพัฒนาการทางกายภาพ
2. ชุดชั้นในเด็ก – เสี่ยงกระทบสุขภาพผิวและระบบภายใน
ของใช้ใกล้ชิดร่างกายอย่างชุดชั้นใน ถุงเท้า หรือเสื้อกล้าม แม้ดูสะอาดก็ไม่ควรรับมาใช้ต่อ เพราะเป็นของใช้ส่วนตัวที่เสี่ยงต่อการสะสมเชื้อโรคโดยไม่รู้ตัว แม้จะซักสะอาดหลายรอบ ก็ยังมีโอกาสหลงเหลือเชื้อแบคทีเรียหรือสารก่อภูมิแพ้ โดยเฉพาะเด็กที่มีผิวบอบบาง ยิ่งเสี่ยงต่อการระคายเคืองหรือแพ้ เคยมีกรณีที่เด็กใส่กางเกงในมือสองแล้วเกิดผื่นแดง แพทย์วินิจฉัยว่าเกิดจากการแพ้เชื้อโรคที่ตกค้างในผ้า แม้จะผ่านการซักหลายรอบแล้วก็ตาม
คำแนะนำ: ของใช้ส่วนตัวเหล่านี้ควรซื้อใหม่ 100% เพื่อสุขอนามัยที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก
3. ของใช้ที่สัมผัสปาก เช่น ขวดนม ช้อน ชาม – เสี่ยงนำเชื้อโรคเข้าร่างกาย
แม้ของใช้จำพวกขวดนม ช้อน หรือจุกนมจะดูสะอาด และผู้ให้ยืนยันว่าสเตอร์ไรส์แล้วก็ตาม แต่การใช้งานซ้ำยังมีความเสี่ยงซ่อนอยู่ รอยขีดข่วนเล็กๆ บนพื้นผิวของอุปกรณ์เหล่านี้เป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียได้อย่างดี โดยเฉพาะเชื้อ Helicobacter pylori ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาในระบบทางเดินอาหารของเด็ก ดั่งคำที่เตือนว่า “โรคภัยเริ่มที่ปาก” พ่อแม่จึงควรระวังอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการกินทุกชนิด
คำแนะนำ: ของใช้ที่สัมผัสปากเด็กควรเลือกใช้ของใหม่ทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยในระยะยาว
แนวทางใช้ของมือสองอย่างปลอดภัย
แม้จะมีข้อควรระวัง แต่ก็ยังมีของใช้เด็กหลายอย่างที่สามารถใช้ซ้ำได้ หรือหากจำเป็นต้องใช้งานซ้ำจริงๆ ก็ควรใส่ใจรายละเอียด ตรวจสอบ และดูแลอย่างเหมาะสม โดยปฏิบัติดังนี้
-
ทำความสะอาดอย่างละเอียด:
ควรซักเสื้อผ้าที่ได้รับต่อมาอย่างสะอาด โดยเฉพาะจุดที่ซักยาก เช่น รอยพับ ปลายแขน ปลายขา และควรผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อเพื่อลดความเสี่ยงจากแบคทีเรีย -
ตรวจสอบสภาพของใช้:
สังเกตว่ามีรอยขาด เส้นด้ายหลุด กระดุมหรือซิปหลวม หรือของชิ้นเล็กที่อาจเป็นอันตรายหรือไม่ หากของเสียหายมาก ไม่ควรนำมาใช้ต่อ -
เลือกให้เหมาะกับลูก:
ขนาด รูปทรง และเนื้อผ้าต้องเหมาะสมกับวัยและสภาพผิวของเด็ก เพื่อป้องกันอาการแพ้หรือระคายเคือง -
แยกประเภทให้ชัดเจน:
เสื้อผ้าของเด็กชายและเด็กหญิงควรแยกกันอย่างเหมาะสม เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้านเพศสภาพอย่างเข้าใจ
แม้การใช้ของมือสองจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่พ่อแม่ต้องเลือกอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะของที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพโดยตรงของลูกน้อย อย่าประหยัดเล็กน้อยแล้วต้องมาจ่ายแพงด้วยสุขภาพของลูกในอนาคต เพราะความใส่ใจวันนี้ คือการปูรากฐานสุขภาพและพัฒนาการที่ดีให้กับลูกน้อยในวันข้างหน้า
- ศจ.ชื่อดัง ชี้สังเกต “เด็ก EQ ต่ำ” มักมี 3 พฤติกรรมนี้บนโต๊ะอาหาร พ่อแม่ต้องรีบแก้ไขด่วน!
- ฮวงจุ้ยไม่ห้ามตรงๆ แต่ต่างชาติเตือนกัน "คิดดีๆ" ก่อนนำของ 3 อย่างนี้ วางตกแต่งในบ้าน!