รู้ไว้ดีกว่า เภสัชกรไต้หวัน มาเตือนเอง ยาชนิดไหนบ้างที่ไม่ควรกินพร้อมกาแฟ?
.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/jpg)
“กินยาพวกนี้” ห้ามดื่มกาแฟไปพร้อม ๆ กัน เภสัชกรเตือนจริงจัง อาจเกิดปฏิกิริยากับยาและส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพยาได้
กาแฟเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย และมีงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่าการดื่มกาแฟมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่เนื่องจากกาแฟมีคาเฟอีนสูง จึงอาจเกิดปฏิกิริยากับยาและส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพยาได้
เภสัชกรไช่จวิ้นเอี้ยน จากโรงพยาบาลนครนิวไทเป ของไต้หวัน อธิบายว่า หากเปรียบหลอดเลือดเป็นทางด่วน ยาบางชนิดอาจ “อุดทางออก” ทำให้การเผาผลาญคาเฟอีนช้าลง ทำให้คาเฟอีนสะสมในร่างกาย ในขณะที่ยาบางชนิดอาจถูกคาเฟอีนเร่งให้ “ออกจากทางด่วนเร็วเกินไป” จนประสิทธิภาพยาไม่เต็มที่
แล้วกาแฟไม่ควรดื่มร่วมกับยาชนิดใด?
เพราะอาจทำให้เกิดอาการตื่นตัว คลื่นไส้ และกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง
เภสัชกรไช่จวิ้นเอี้ยน ชี้แจงว่า ยาหลายชนิด เช่น ยาลดความดันกลุ่มแคลเซียมบล็อกเกอร์ ยาคุมกำเนิด ยาลดกรดที่หาซื้อได้ตามร้านยา ยาต้านซึมเศร้า ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานสำหรับรักษาปอดอักเสบ และยาฆ่าเชื้อราสำหรับรักษาโรคน้ำกัดเท้า ล้วนอาจทำให้การเผาผลาญคาเฟอีนในร่างกายช้าลง เกิดอาการตื่นตัว ปวดหัว คลื่นไส้ หรืออาเจียนจากการกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางได้
นอกจากนี้ ยารักษาหอบหืดบางชนิดเมื่อกินพร้อมกับกาแฟ อาจทำให้เกิดอาการตื่นตัวเกินไปและเครียด ส่วนกาแฟยังอาจเสริมฤทธิ์ยารักษาโรคจิตบางประเภท ทำให้ง่วงมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยากลุ่มบิสฟอสโฟเนตที่ใช้รักษาโรคกระดูกพรุน หากดื่มกาแฟร่วมด้วย จะทำให้ประสิทธิภาพของยาเสื่อมลง และเร่งให้กระดูกสูญเสียมากขึ้น
เภสัชกรไช่ ยังเตือนว่า กาแฟมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ขัดแย้งกับฤทธิ์ยานอนหลับ ทำให้ยานอนหลับออกฤทธิ์ลดลง และยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของ “เอฟีดรีน” ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไป จะเพิ่มฤทธิ์คาเฟอีน ทำให้ใจสั่น นอนไม่หลับ จึงควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟร่วมกับยาเหล่านี้
ควรเว้นระยะห่างระหว่างการดื่มกาแฟกับการกินยานานเท่าไรจึงปลอดภัย? คนเป็นความดันโลหิตสูงและโรคกระดูกพรุนควรงดหรือลดการดื่มกาแฟหรือไม่?
เภสัชกรไช่จวิ้นเอี้ยนแนะนำว่า โดยทั่วไปควรเว้นระยะอย่างน้อย 2 ชั่วโมงระหว่างดื่มกาแฟกับกินยา แต่สำหรับผู้ที่กินยาคุมหรือหญิงตั้งครรภ์ ร่างกายจะใช้เวลาการเผาผลาญคาเฟอีนช้ากว่าคนปกติถึง 2 เท่า จึงต้องระมัดระวังมากขึ้นเมื่อต้องดื่มกาแฟ
นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคตับอาจใช้เวลานานถึง 4 วันในการเผาผลาญคาเฟอีน หากมีนิสัยดื่มกาแฟเป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรและใส่ใจในการควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัด
Denniz Futalan
สำหรับผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง
เภสัชกรไช่จวิ้นเอี้ยน กล่าวว่า ผู้ป่วยเบาหวานสามารถดื่มกาแฟได้ในปริมาณที่เหมาะสม แต่ควรจำกัดน้ำตาล และแนะนำให้ดื่มกาแฟดำแบบอเมริกาโน่ไม่ใส่น้ำตาล
ผู้ป่วยโรคเกาต์สามารถดื่มได้บ้าง แต่ควรเลือกดื่มนมพร่องมันเนยแทนกาแฟ และต้องดื่มน้ำวันละประมาณ 2,000 ซีซี เพื่อช่วยรักษาสมดุลการเผาผลาญกรดยูริกในร่างกาย
ผู้ที่มีไขมันในเลือดสูงควรระวังการบริโภคไขมัน หลีกเลี่ยงกาแฟปรุงแต่ง เช่น ลาเต้หรือคาปูชิโน่
เภสัชกรไช่ ยังเน้นย้ำว่า ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงและโรคกระดูกพรุนต้องระมัดระวังการดื่มกาแฟเป็นพิเศษ
ยาบางชนิดที่ใช้รักษาความดันโลหิตสูงอาจมีปฏิกิริยากับกาแฟ ขณะที่คาเฟอีนในกาแฟเองก็ทำให้หลอดเลือดหดตัวและเพิ่มความดันโลหิต ซึ่งขัดแย้งกับฤทธิ์ของยา
นอกจากนี้ กาแฟยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทำให้แคลเซียมในเลือดถูกขับออกง่าย ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนจึงไม่ควรดื่มกาแฟเพื่อป้องกันการสูญเสียแคลเซียมที่เร่งรัดและทำให้อาการเลวลง