ชิงผู้ว่าฯ-ซ่อม29ส.ส. 2ขั้ววัดดวง

ชิงผู้ว่าฯ-ซ่อม29ส.ส. 2ขั้ววัดดวง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สุขุมพันธุ์-ปลื้ม ลุ้นผลเที่ยงคืน อีสานสู้กันแรง

ลุ้นผลเลือกผู้ว่าฯ กทม. ซ่อม ส.ส. 22 จังหวัดวันนี้ มาร์คช่วยลูกพรรคตีปี๊บถึงวันสุดท้าย มั่นใจผลเลือกซ่อมไม่กระทบเสียงรัฐบาล ไม่เชื่อฝ่ายค้านจะกวาดเกือบหมดตามที่คุย เติ้งไม่เชื่อโพล หวังแค่ 7-8 เก้าอี้ มั่นใจสุพรรณเก็บเรียบ 5 ที่นั่ง กกต.แจงเลือกตั้งซ้อนเขต 10 กทม. ให้สังเกตที่สีของหีบบัตรเลือกตั้ง เตือนเสื้อแดงป่วนเลือกตั้งมีความผิดทางอาญา ตั้งเป้าผู้ใช้สิทธิ์ เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ไม่ต่ำกว่าหนที่แล้วคือร้อยละ 54 เลือกตั้งซ่อมร้อยละ 60 ตำรวจภาค 3 เตรียมกำลังตำรวจ 9 พันนายรับเลือกตั้งอีสาน จงรักยกคดีปาอึ อุทัย พิมพ์ใจชน ขู่ม็อบปาไข่ ความผิดสถานเดียวกัน นายกฯ ไฟเขียวเดินหน้าถอดยศแม้ว อ้างทำตามระเบียบตามขั้นตอน ยันไม่ลักลั่นกับการเอาผิดพันธมิตร อ้างสั่งฝ่ายความมั่นคงเร่งสางคดีปิดสนามบินแล้ว

มาร์คเร่งตีปี๊บช่วยลูกพรรค

จากที่มีกำหนดวันเลือกตั้งซ่อมส.ส. 29 คน 26 เขตเลือกตั้งใน 22 จังหวัด ในวันที่ 11 ม.ค. และในกทม.ยังมีเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในวันเดียวกันนั้น ช่วงเช้าวันที่ 10 ม.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง และรองหัวหน้าพรรค นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯกทม. ได้ขึ้นขบวนรถหาเสียงแห่ไปทั่วกทม. เพื่อช่วยม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หาเสียง

สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มีผู้สมัครที่ลงพื้นที่หาเสียงและมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง 4 ราย นอกจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ แล้วยังมี ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ผู้สมัครอิสระ นายยุรนันท์ ภมรมนตรี ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย และนายแก้วสรร อติโพธิ จากทีมกรุงเทพฯ พัฒนา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังร่วมขบวนแห่หาเสียง นายกฯ ได้ตระเวนเดินทางไปเป็นประธานเปิดงานวันเด็กที่อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล พิพิธภัณฑ์เด็ก ก่อนเดินทางไปช่วยลูกพรรคหาเสียงที่จ.ปทุมธานี ก่อนกลับมาสมทบกับทีมหาเสียงผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. เพื่อสักการะพระบรมรูปทรงม้า ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเดินทางไปช่วยนายอภินันท์ ช่วยบำรุง ผู้สมัครส.ส.ปทุมธานี หาเสียงที่ห้างโลตัส ปทุมธานี คณะของนายกฯ ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเคลียร์พื้นที่อย่างเร่งด่วนเพราะเกรงจะมีม็อบเสื้อแดงมาขับไล่ และเมื่อนายกฯ ขึ้นไปบนห้าง มีประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของกรูกันเข้ามาขอถ่ายรูปจำนวนมาก หน่วยรักษาความปลอดภัยต้องทำงานหนัก จากนั้นทีมงานแจ้งว่านายกฯ จะไปปราศรัยที่ตลาดสดเทศบาลเมืองปทุมธานี ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบเคลียร์พื้นที่แต่ในที่สุดเปลี่ยนมาปราศรัยที่หน้าห้างโลตัสเพียง 15 นาที เมื่อนายกฯ กลับไปแล้วมีหญิงสาวคนหนึ่งถือตีนตบพร้อมไข่กว่า 10 ฟองมาที่หน้าห้าง จึงตำหนิเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าโกหกที่บอกนายกฯ จะไปหาเสียงที่ตลาดสดเทศบาลเมืองปทุมธานีเพราะไปดักรอแล้วไม่เจอ

มั่นใจผลเลือกซ่อมไม่กระทบรัฐบาล

นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้งซ่อมส.ส.ที่ฝ่ายค้านประเมินว่าจะกวาดที่นั่งได้เกือบทั้งหมด ว่า รัฐบาลไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ขณะนี้เสียงของรัฐบาลไม่ได้ห่างจากฝ่ายค้านมากนัก ดังนั้น ทุกคะแนนเสียงจึงมีความหมาย ตนยังมั่นใจว่าผลการเลือกตั้งที่ออกมาจะไม่กระทบต่อการเปลี่ยนแปลงการทำงานของรัฐบาลและจะไม่มีการปรับครม. ส่วนที่อาจมีข้าราชการวางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้ง ถ้าใครมีปัญหาร้องเรียนก็ต้องดำเนินการและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เตรียมพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ตนไม่ได้สอบถามผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบปกติ ระเบียบเป็นอย่างไรก็ปฏิบัติไปตามนั้น ใครมีอำนาจอย่างไรก็ต้องสั่งการไปตามนั้น ผู้สื่อข่าวถามว่าห่วงหรือไม่ว่ากรณีนี้จะทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง นายกฯกล่าวว่า เราต้องยืนยันหลักของกฎระเบียบและปฏิบัติตามนั้น ตนไม่เชื่อว่าจะทำให้เกิดความขัดแย้งและเชื่อว่าคนไทยเข้าใจว่ามีกฎระเบียบอยู่ แล้วจะให้ทำอย่างไร ส่วนที่พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ระบุว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและยังไม่เห็นข้อเสนอ เรื่องนี้ก็อยู่ที่ขั้นตอนถ้ามีความช้าหรือเร็ว หรือผิดปกติตรงไหนก็ต้องเข้าไปดู ขณะนี้เข้าใจว่าผู้เกี่ยวข้องคงดำเนินการตามขั้นตอน

ยันดำเนินการกับทักษิณ-พธม.ไม่ลักลั่น

เมื่อถามว่ามีการมองว่าเป็นการดำเนินการแบบ 2 มาตรฐาน เพราะที่ผ่านมาอดีตนายตำรวจที่ทำผิดหลายคนไม่ถูกถอดยศ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนฟังมาว่าความจริงมีการดำเนินการกันมาตลอดเวลาและมีจำนวนมากหลายคนด้วย ส่วนที่โฆษกส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดจึงเร่งดำเนินการเฉพาะการถอดยศ แต่ไม่มีการดำเนินการกรณีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปิดสนามบิน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า แล้วทราบได้อย่างไรว่าไม่ได้รีบดำเนินการ เพราะความจริงแล้วตนก็คุยกับฝ่ายความมั่นคง ได้ย้ำไปแล้วว่าต้องเร่งสะสางในทุกกรณีรวมถึงกรณีการปิดสนามบินและเรื่องต่างๆ ซึ่งก็เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ไปแจ้งความเรื่องของทรัพย์สินแล้ว ทุกอย่างก็เดินหน้าไปเพราะเรื่องที่ดำเนินการกันอยู่ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร

ต่อข้อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าที่การดำเนินการล่าช้าเพราะแกนนำพันธมิตรเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะล่าช้าเพราะได้บอกกับผบ.ตร.ไปแล้วว่าต้องเดินหน้าโดยไม่คำนึงว่าเป็นใคร ส่วนจะใช้เวลาเท่าไหร่อยู่ที่เจ้าหน้าที่ หลายเรื่องตนได้สอบถามไปเพราะเห็นว่าไม่น่าจะซับซ้อนแต่ได้รับคำชี้แจงว่ามีกรรมการพิจารณาและฝ่ายที่ถูกกล่าวหาก็มีวิธีการทางกฎหมายทำให้มีขั้นตอนต่างๆ เพิ่มขึ้น

เติ้งไม่หลงโพลหวังแค่7-8เก้าอี้

นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย กล่าวถึงเหตุการณ์ซื้อเสียงรุนแรงในคืนหมาหอนว่า กตต. ได้ประสานขอกำลังจากหน่วยงานราชการต่างๆ เข้ามาช่วยทำหน้าที่ดูแลและป้องกันปัญหาดังกล่าวแล้ว จึงขอให้ทุกฝ่ายที่กกต.ขอกำลังได้ช่วยกันปฏิบัติหน้าที่เต็มกำลังให้ดีที่สุดจะได้เป็นการพัฒนาประชาธิปไตย เมื่อถามว่ามีการมองว่าการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เป็นการวัดกำลังระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาลที่ต่างฝ่ายต่างแพ้ไม่ได้ นายถาวรกล่าวว่า การเลือกตั้งทุกครั้งในทางการเมืองก็ถือว่าต้องวัดกำลังกัน ไม่มีใครยอมใครอยู่แล้วแต่ไม่ได้หมายความว่ายอมไม่ได้แล้วจะต้องซื้อเสียง ถ้าฝ่ายไหนทำผิดก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่แล้ว เช่น กรณีการสั่งยุบพรรค การถูกใบเหลือง ใบแดง จึงขอให้ทุกฝ่ายดูแลคนของตัวเองในการหาเสียงให้ดีให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ขณะเดียวกันข้าราชการทุกคนก็ต้องวางตัวเป็นกลางอย่าใช้อำนาจในทางที่ผิด หรือเชื่อฟังนักการเมืองโดยไม่ได้คำนึงถึงศักดิ์ศรีของตัวเอง

ที่จ.สุพรรณบุรี นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้งซ่อมในจ.สุพรรณบุรี ซึ่งพรรคชาติไทยเดิมส่งผู้สมัครลงในนามพรรคชาติไทยพัฒนา ว่า มั่นใจว่าคนสุพรรณยังไว้ใจเลือกผู้สมัครของพรรคชาติไทยพัฒนาทั้ง 5 คน ต้องยอมรับว่าเป็นคนของพรรคชาติไทยเดิมเพราะมาตรา 237 บังคับให้ต้องทำอย่างนี้ ช่วยไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร อย่างไรก็ตามจากที่มีโพลระบุว่าพรรคชาติไทยพัฒนาส่งผู้สมัคร 13 คนแล้วจะได้ 12 คนนั้นเชื่อว่าน่าจะได้ประมาณ 7-8 คนเท่านั้น ต้องยอมรับว่าในพื้นที่อีสานค่อนข้างลำบาก แต่ยังเชื่อว่าผลการเลือกตั้งที่ออกมาพรรคร่วมรัฐบาลน่าจะได้เพิ่มมากขึ้น จะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพมากขึ้นเพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นของพรรคชาติไทยเดิมคงทำให้รัฐบาลมีเสียงมากขึ้น

เตือนถอดยศแม้วเพิ่มดีกรีรุนแรง

นายบรรหารกล่าวว่า รัฐบาลไม่ควรเพิ่มดีกรีความรุนแรงในทางการเมืองอีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ อย่างเรื่องถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ จะไปถอดทำไม จะยิ่งสร้างความเจ็บใจให้ฝ่ายตรงข้าม สำคัญว่าตอนนี้รัฐบาลต้องอดทนให้มากที่สุด กรณีกลุ่มเสื้อแดงที่ปาไข่ก็เป็นเพราะกลุ่มเสื้อเหลืองเคยทำไว้ ถึงตอนนี้เขาก็เอาบ้าง รัฐบาลต้องริเริ่มและเพิ่มความเข้าใจ ประนีประนอมให้มากขึ้น ถ้าได้คุยกันให้เข้าใจก็เชื่อว่าสถานการณ์ทาง การเมืองจะดีขึ้นเอง

พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. กล่าวถึงการเสนอถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดและไม่รู้ว่ามีการดำเนินการตามที่เป็นข่าวหรือไม่ คงเป็นเรื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีกฎระเบียบวางไว้อยู่ ดังนั้น หากมีระเบียบที่ต้องดำเนินการก็คงต้องทำตามข้อบังคับ เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ติดต่อพูดคุยมาหรือไม่ในฐานะเพื่อนร่วมรุ่นตท.10 พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยติดต่อมาและไม่เคยคุยกัน และตนคงไม่มีอำนาจหน้าที่ไปช่วยอะไรได้ เพราะเรื่องการดำเนินคดีของเขาเป็นเรื่องระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณและศาลตามข้อเท็จจริงทางกฎหมาย เชื่อว่าการเมืองไทยในปีนี้จะดีขึ้น เพราะเรามีปัญหาการเมืองมานานตั้งแต่ปี 2548 จนถึงวันนี้ก็ 4 ปีแล้ว ถึงเวลาที่คนไทยต้องมาร่วมกันเพื่อให้ชาติเดินไปข้างหน้า ส่วนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะไม่มีแกนนำที่ชัดเจนและดีพอ เชื่อว่าการชุมนุมของเขาคงไม่น่าจะมีพลังอะไร

กทม.ลุ้นใช้สิทธิ์เลือกผู้ว่าฯสูงกว่าเดิม

ที่สำนักงานเขตดุสิต นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกทม. ตรวจความเรียบร้อยการตรวจสอบเอกสารและหีบบัตรที่จะใช้สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เผยว่า เขตดุสิตมีหน่วยเลือกตั้ง 145 หน่วย มีคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งประมาณ 2,000 คน จากการตรวจสอบเอกสารและหีบบัตรพบว่าเรียบร้อยดี ขณะนี้ทั้ง 50 เขตอยู่ในขั้นตอนเตรียมความพร้อมจัดการเลือกตั้งทั้งด้านเอกสาร และการประชุมซักซ้อมทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ คาดว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้จะเรียบร้อยเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

ปลัดกทม. เชื่อมั่นว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากกว่าครั้งที่ผ่านมา ที่มีผู้มาใช้สิทธิ์ประมาณร้อยละ 54 สำหรับการนับคะแนนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. คาดว่าจะเริ่มนับได้ในเวลา 20.00 น. เพราะต้องขนหีบบัตรไปรวมที่เขตก่อนนับ คาดว่าจะทราบผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการไม่เกิน 24.00 น. สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 10 ประกอบด้วย เขตทุ่งครุ บางบอน บางขุนเทียน และเขตราษฎร์ บูรณะ ซึ่งมีการจัดการเลือกตั้งซ่อมส.ส.ด้วยนั้น คาดว่าจะเริ่มนับคะแนนที่หน่วยได้ตั้งแต่ช่วงปิดหีบ จะรู้ผลอย่างไม่เป็นทางการในเวลา 18.00 น.

เลือกซ้อน-กกต.ให้สังเกตหีบ

เวลา 09.30 น. นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. เดินทางตรวจดูความพร้อมและมอบนโยบายให้กับเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งทั้งการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 10 กทม. ที่สำนักงานเขตบางบอน โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดและวางตัวเป็นกลาง โดยเฉพาะภายในหน่วยเลือกตั้งต้องเข้มงวดไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้น การเลือกตั้งซ่อมส.ส.ล่วงหน้าในเขต 10 มีผู้มาใช้สิทธิ์น้อยมาก คาดว่าน่าจะเกิดจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเดินทางไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด และส่วนใหญ่ต้องการเดินทางมาใช้สิทธิ์ครั้งเดียวในการเลือกตั้งส.ส.และเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.

นายประพันธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า การเลือกตั้งวันที่ 11 ม.ค. ในเขต 10 กทม. แม้จะมีการเลือกตั้ง 2 แบบ ทั้งเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 10 และเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. แต่กกต.ได้แยกสีหีบบัตรเลือกตั้งไว้อย่างชัดเจน การเลือกตั้งซ่อมส.ส.จะใช้หีบบัตรสีเขียว การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. จะใช้หีบบัตรสีแดง พร้อมจัดอบรมซักซ้อมทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ เชื่อว่าจะไม่เป็นปัญหา นอกจากนี้ ได้ตั้งหน่วยเลือกตั้งไว้ติดกันระหว่างเลือกตั้งซ่อมส.ส.และเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

เตือนเสื้อแดงป่วนเลือกตั้งผิดอาญา

ส่วนการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งซ่อม 22 จังหวัด นายประพันธ์ กล่าวว่า ทุกจังหวัดมีความพร้อมหมดแล้ว ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการทุจริตการเลือกตั้ง ซื้อสิทธิ์ขายเสียง ในวันนี้ (10 ม.ค.) จะให้ชุดป้องปรามหาข่าวลงพื้นที่ติดตามความเคลื่อนไหวของหัวคะแนนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานที่มีรายงานว่าจะมีการแข่งขันมีสูง และยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนวางตัวเป็นกลาง ไม่เป็นเครื่องมือของนักการเมืองหรือช่วยผู้สมัครคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ

เมื่อถามถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่อาจก่อกวนในช่วงที่มีการเลือกตั้ง นายประพันธ์ กล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่แล้ว หากเข้าข่าย ขัดขวางการเลือกตั้งก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ในหน่วยเลือกตั้งจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายดูแลความเรียบร้อย หากมีการชุมนุมขัดขวางการเลือกตั้งก็มีโทษทางอาญา และถูกตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี ดังนั้นเมื่อกฎหมายเคร่งครัดก็ไม่น่าจะมีปัญหา

นายประพันธ์ กล่าวว่า เชื่อว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ จะมีผู้มาใช้สิทธิ์ไม่น้อยกว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งที่ผ่านมาคือร้อยละ 54 ขณะที่การเลือกตั้งซ่อมตั้งเป้าไว้ร้อยละ 60 ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เนื่องจากได้ทำการรณรงค์ประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้ประชาชนเบื่อหน่ายการเลือกตั้ง

จงรักยกคดีจำคุกปาอึขู่ม็อบปาไข่

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร. กล่าวถึงเหตุการณ์ปาไข่ ที่กลุ่มเสื้อแดงนำมาใช้ในการต่อต้านรัฐบาล ว่า เรื่องของการปาไข่ไปยังบุคคลหนึ่งบุคคลใด เคยเตือนผู้ที่กระทำไว้ว่าอาจมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ซึ่งมีทั้งโทษจำคุกและโทษปรับ เป็นการเตือนด้วยความหวังดีไม่ใช่หวังร้าย เนื่องจากเรื่องทำนองนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อประมาณเดือนก.ย. 2537 ที่ผ่านมา ครั้งนั้นมี นายอุทัย พิมพ์ใจชน เป็นรมว.พาณิชย์ ถูกนายธนิต สุวรรณเมนะ ขว้างอุจจาระใส่หน้าและตะโกนด่าทอต่างๆ นานา นายอุทัย ไม่ติดใจเอาเรื่องแต่เนื่องจากเป็นความผิดอาญาแผ่นดินเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เกิดเหตุจึงต้องดำเนินการสอบสวนส่งฟ้องศาล

รองผบ.ตร. กล่าวว่า ต่อมาศาลมีคำพิพากษาคดีดำเลขที่ 5843/38 และคดีแดงเลขที่ 2913/41 โทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปีและปรับ 6,000 บาท โทษรอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี จะเห็นได้ว่ามีโทษถึงจำคุก เพราะถือว่าอุจจาระเป็นอาวุธในการขว้างปาผู้อื่น การขว้างปาไข่ก็เช่นเดียวกัน ตนไม่อยากเห็นใครต้องติดคุก จึงเตือนให้เข้าใจว่า การชุมนุมจะชุมนุมอย่างไรไม่มีใครห้าม เพราะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่จะต้องชุมนุมโดยปราศจากอาวุธและต้องไม่ละเมิดต่อกฎหมายบ้านเมือง ที่กล่าวเตือนเช่นนี้ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้รักษากฎหมายและรักษากติกาของบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง หากกระทำการใดๆ ที่เป็นการละเมิดต่อกฎหมาย ใช้สิทธิเกินที่รัฐธรรม นูญกำหนดก็ต้องถูกดำเนินคดีทั้งสิ้น

ภาค 3 เตรียมกำลังคุมเลือกซ่อมอีสาน

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า ในการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตร ที่บุกยึดทำเนียบรัฐบาล ตลอดจนสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ ตำรวจไม่ได้ละเลย เจ้าหน้าที่สอบสวนมาตั้งแต่หลังเกิดเหตุ ขณะนี้สอบสวนพยานบุคคลไปแล้ว กว่า 200 ปาก มีความคืบหน้า 70 เปอร์เซ็นต์ มีการประชุมมาโดยตลอด และวันที่ 13 ม.ค. จะมีการประชุมอีก เหตุที่ต้องใช้เวลาเพราะเป็นการกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดเกี่ยวกับการมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง บุกรุก ทำให้เสียทรัพย์และฐานความผิดอื่นๆ ซึ่งเป็นความผิดสำคัญมีอัตราโทษสูงต้องใช้เวลาในการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ขอยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มิได้ละเว้นในการดำเนินการใดๆ ไม่ว่าฝ่ายเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง ใครละเมิดต่อกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดีทั้งสิ้น หากจะมีการชุมนุมก็ขอให้ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ

ที่จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.3 กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการรักษาความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้งซ่อมส.ส. ใน 3 จังหวัดของภาคอีสาน คืออุบลราชธานี ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ ว่า ได้เตรียมกำลังตำรวจภูธรทั้ง 3 จังหวัดรวม 9 พันนาย ในการรักษาความสงบไว้แล้ว และไม่มีพื้นที่ไหนน่าหนักใจ ถ้ามีการทำผิดกฎหมายก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่มีการละเว้น ในส่วนของจ.บุรีรัมย์ ที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าจะเกิดเหตุรุนแรงจากการตรวจสอบของตำรวจภูธรภาค 3 ไม่พบการเคลื่อนไหวของกลุ่มมือปืน หรือกลุ่มบุคคลที่จะก่อความไม่สงบในการเลือกตั้งซ่อมที่จะเกิดขึ้น ขณะเดียวกันตำรวจภูธรภาค 3 ได้ระดมกำลังกวาดล้างทั้งมือปืนและการกระทำที่ผิดกฎหมายมาโดยตลอด จึงไม่หนักใจ

ผบช.ภ.3 กล่าวว่า ส่วนการควบคุมม็อบเสื้อแดง ตำรวจภูธรภาค 3 ได้ติดตามการเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด หากมีการกระทำเกินเลยหรือกระทำผิดกฎหมายก็จะถูกดำเนินคดีทุกรายไม่ว่าจะเป็น กลุ่มใดก็ตาม นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ตำรวจทุกนายใน 8 จังหวัดอีสานวางตัวเป็นกลางทางการเมืองไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หากตรวจพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปช่วยเหลือหรือสนับสนุนผู้ สมัครส.ส.คนใดก็จะถูกลงโทษทางวินัยของข้าราช การทันที

ชลิตจี้ทักษิณควรหยุด

พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข อดีตผบ.ทอ. และอดีตรักษาการประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์รายการลับลวงพราง ผ่านสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ถึงการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลมาเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ไม่ถือว่าเป็นความสำเร็จหรือเป้าหมายของคมช. เป็นธรรมชาติและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบบในประเทศไทย และต้องเป็นต่อไปอีกในอนาคต เมื่อถามว่าในครั้งปฏิวัติคิดหรือไม่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะหยุดต่อสู้ พล.อ.อ.ชลิตกล่าวว่า เราไม่รู้จิตใจคน ที่ผ่านมา บอกว่าจะหยุดแล้วแต่จนมาถึงวันนี้จะเห็นว่าสิ่งที่พูดไม่ใช่อย่างนั้น ถือเป็นธรรมชาติของคนที่ต้องปกป้องตัวเอง แต่การจะทำให้หลุดจากกฎหมายนั้นไม่ทำให้หลุดได้ ยกเว้นไม่ผิดกฎหมาย ขณะนี้กระบวนการยุติธรรมกำลังดำเนินการ ส่วนการบริหารทุกคนต่างอยากขึ้นมาเป็นนายกฯ หรือรัฐมนตรี ถือเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติในประเทศที่พัฒนา

พล.อ.อ.ชลิตกล่าวอีก หากถามว่าสะใจไหมบอกได้ว่าไม่สะใจ ขึ้นอยู่กับอดีตนายกฯ จะเลือกทำคือ สารภาพผิด ยอมรับความผิด หรือร้องขอความปรานีก็ได้ ผู้นำประเทศ 70-80 ปีโดนปฏิวัติหรือถูกล้มล้างมากมายแต่ไม่เห็นมีใครเป็นอะไร คนไทยที่เคยเป็นผู้นำประเทศทำทั้งความดี ความชั่วอาจมีบ้าง แต่คนไทยให้อภัยและใช้เวลาไม่นาน ให้เงินเพื่อครองชีวิตในต่างประเทศก็มี ความจริงพ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะหยุด หากพิจารณานั่งนิ่งๆ แล้วคิดสัก 2 วัน โดยไม่ให้คนเข้าไปรบกวนจะกลับเข้ามาสู่พื้นฐานของชีวิตและความปกติ แต่เมื่อไรคนยังป้อยอให้ข้อมูลว่าอย่างไรก็ชนะ อย่างไรก็ต้องก็กลับก็คงไม่มีทาง ไม่ค่อยมีประเทศไหนที่คนมีเงินมากมายมหาศาลขนาดนี้แล้วไปสนับสนุนคนในพรรค มีเพียงประเทศไทย จึงต้องย้อนกลับไปว่าทำไมถึงมีเงินมากมายขนาดนั้นและมาจากไหน มาได้อย่างไร ขณะนี้ทางอังกฤษเขายอมรับแล้วแสดงให้เห็นว่ากฎหมายและความจริงปรากฏออกมาว่า คุณไปทำอะไรมา

เสธ.แดงโดนตั้งกก.สอบอาญาทหาร

เมื่อถามว่าปัญหาความแตกแยกของในชาติที่หนักขึ้นเพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ใช่หรือไม่ พล.อ.อ. ชลิตกล่าวว่า คล้ายๆ อย่างนั้น บางทีสาเหตุเพราะคนๆ เดียวที่เป็นประเด็นต่างๆ ทำให้เกิดสิ่งต่างๆ ขึ้น เมื่อถามว่ามองบทบาทกองทัพที่ถูกวิจารณ์ว่า เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร พล.อ.อ.ชลิตกล่าวว่า มันดีกว่าการปฏิวัติหรือไม่ ภาระเรื่องการดูแลประเทศชาติไม่ใช่นักการเมืองอย่างเดียว ทุกคนมีสิทธิ์จะให้ประเทศชาติเป็นอย่างไรไม่ใช่ปล่อยการเมืองเลยยิ่งแย่ เชื่อว่าในอนาคตคงจะดีขึ้น และทหารก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกชอบใครเพราะเป็นประชาธิปไตย แต่ไม่ควรทำให้เกิดความไม่ยุติธรรม

พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิทบ. ให้สัมภาษณ์รายการเดียวกัน ว่า ตอนนี้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดอาญาทหารกับตนแล้ว โดยให้กรมการสารวัตรทหารบกสอบสวนกรณีให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อวิทยุและหนังสือพิมพ์ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยที่มีมติแค่ว่ากล่าวตักเตือน ตนดูหมิ่นผู้บังคับบัญชาแต่เมื่อครั้งที่พล.อ.อนุพงษ์ พร้อมด้วยผบ.สส. และผบ.เหล่าทัพไปออกรายการช่อง 3 ให้สัมภาษณ์ข่มขู่นายกฯ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา ถือว่าผิดหรือไม่ ตอนนี้ตนก็ต้องลดบทบาท อยู่เงียบๆ ไม่ได้ไปยุ่งกับพวกเสื้อแดงอะไร ตนไม่ได้มีปัญหากับพรรคประชาธิปัตย์ เคยอยู่กับนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ตนไม่ยุ่งกับประชาธิปัตย์ และเชื่อว่าจะไม่มีเหตุระเบิดเกิดขึ้นเพราะอาวุธสงครามตอนนี้หายากมาก

พล.ต.ขัตติยะกล่าวว่า ตอนนี้ที่สนามหลวงยังมีพวกเสื้อแดงตั้งเต็นท์อยู่ 6 เต็นท์และยังทะเลาะกันเอง ต้องคอยไปห้ามจึงเชื่อว่าพวกนี้ไม่มีพลังอะไรแต่ที่มีพลังคือเสื้อแดงของนายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พวกนี้ไม่ต้องทำอะไรแค่รอเพราะเชื่อว่าอีกไม่นานพวกเสื้อเหลือง กลุ่มพันธมิตรก็ต้องออกมา ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ หรือไม่ก็จะทะเลาะกันเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook