ชาวนาพิจิตร ตามรอยพ่อหลวง

ชาวนาพิจิตร ตามรอยพ่อหลวง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นางแล อายุ 63 ปี อาชีพชาวนา จ.พิจิตร เปิดเผยว่า ทำนาปลูกข้าวหอมสุรินทร์ โดยเก็บเกี่ยวแล้ว เมื่อเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา นา 40 ไร่ ได้ผลผลิต 28 ตัน จึงตัดสินใจนำไปขายเพียง 27 ตัน ส่วนที่เหลือ 1 ตัน ก็ตากไว้ให้แห้ง และนำมาสีเป็นข้าวสาร เพื่อเก็บไว้ให้คนในครอบครัว 4 ชีวิต ได้เอาไว้กินตลอดปี โดยข้าว 1 ตัน จะสีได้ 600 ก.ก. ซึ่งถ้าไปซื้อข้าวหอมมะลิสุรินทร์ มาบริโภคคิดเป็นเงินก็กว่า 1 หมื่นบาท ดังนั้น การที่เป็นชาวนาแล้ว มีข้าวของตนเอง ก็ควรจะสีเป็นข้าวสารไว้กินเอง เพราะนอกจากจะมั่นใจว่า ปลอดสารพิษ เพราะทำเองกับมือแล้ว ยังเป็นการลดรายจ่ายภายในครอบครัว ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งในหมู่บ้าน ก็มีรถสีข้าวเคลื่อนที่มาบริการถึงหน้าบ้าน โดยรถรับจ้างสีข้าวเคลื่อนที่ ก็จะขอแค่รำ และปลายข้าว เป็นค่าสี ซึ่งขณะนี้ชาวนา ต.ไผ่รอบ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร เริ่มคิดเป็น และทำนาปลูกข้าวปลอดสารพิษ เพื่อสีไว้เป็นข้าวสารกินเองกัน ทั้งตำบล ทั้งนี้ เพราะเดินตามรอย และเชื่อคำที่ในหลวงสอนไว้ ให้รู้จักประหยัดตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ดังกล่าว

ในส่วนของ นายภิญโญ อายุ 30 ปี จ.พิจิตร ซึ่งเป็นเจ้าของรถโรงสีเคลื่อนที่ เปิดเผยว่า ทำอาชีพนี้มา 5 ปี ด้วยการลงทุน 1.5 แสนบาท ซื้อรถโรงสีเคลื่อนที่ ออกตระเวนรับจ้างสีข้าวให้กับชาวนาทั้งตำบลหลายร้อยราย ที่ส่วนใหญ่เริ่มฉลาด และคิดเป็นแล้วว่า การทำนาแล้วปลูกข้าวปลอดสารพิษ แล้วเก็บผลผลิตส่วนใหญ่ไปขาย ต่อจากนั้น ส่วนแรกก็คัดไว้เป็นพันธุ์ข้าวปลูก ส่วนที่เหลือก็จะคำนวณคนในครอบครัว ว่ามีมากน้อยเพียงใด ซึ่งส่วนใหญ่ก็ประมาณ 4-6 คน ก็จะเจียดข้าวเปลือกเก็บไว้ 1 ตัน เพื่อนำมาสีเป็นข้าวสาร ก็จะได้กว่า 600 ก.ก. ซึ่งเก็บไว้กินได้เกือบตลอดทั้งปี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook