งานศพสาวเหยื่อซานติก้าผับเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
นางสาวสมจิตร บัวมาก อายุ 39 ปี พี่สาวของผู้ตาย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.51 ที่ผ่านมา น้องสาวได้เดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนที่ซานติก้าผับ รวม 4 คน โดยน้องสาวและเพื่อนเสียชีวิต 3 คน รอดมาได้ 1 คน ซึ่งตนก็ไม่คิดว่าน้องสาวจะกลายเป็น หนึ่งในเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์นี้ ภายหลังจากทราบข่าวการเสียชีวิตของน้องสาวตนก็รีบเดินทางไปรับศพจากโรงพยาบาลจุฬาฯเมื่อวันที่ 1 ม.ค.52 เพื่อนำมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดใน จ.ตรัง เมื่อวันที่ 2 ม.ค.52 ที่ผ่านมา
พี่สาวผู้ตาย กล่าวว่า น้องสาวอาศัยอยู่กับตนที่กรุงเทพฯนาน 8 ปีแล้ว ทำงานเป็นพนักงานบริษัท พีทีอี อินเตอร์ กรุ๊ป ในตำแหน่งเลขานุการ และกำลังศึกษาต่อปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สำหรับตัวน้องสาวนั้นเป็นคนขยันเรียนหนังสือและตั้งใจทำงาน ในวันเกิดเหตุก่อนที่น้องสาวจะเดินทางไปเที่ยวที่ซานติก้าผับก็ได้มีการพูดคุยกับตนเพื่อนัดหมายกันว่าจะเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านที่จ.ตรัง ในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่พร้อมกัน แต่ต่อมาน้องสาวบอกว่าขอเลื่อนการเดินทางกลับบ้านไปก่อน โดยจะขอจัดการเรื่องการสอบปริญญาโทให้เสร็จสิ้น และจะให้คำตอบอีกครั้งในวันที่ 2 ม.ค.ว่า จะสามารถเดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.ตรัง ได้หรือไม่
ไม่คิดว่าคำพูดนี้จะกลายเป็นการสั่งเสียครั้งสุดท้ายของน้องสาวและการเดินทางกลับบ้านด้วยกัน ฉันต้องนำพาร่างที่ไร้วิญญาณของน้องสาวกลับ ซึ่งรู้สึกหดหู่และเสียใจมากๆ ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้เลย ในขณะเดียวกันน้องสาวโดยปกติแล้วเป็นคนไม่ชอบไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวกับน้องสาวถือว่าเป็นความสูญเสียอย่างมากจนยากที่จะบรรยาย ส่วนการเรียกร้องค่าเสียหายจากสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ยังไม่ขอคิดอะไรในตอนนี้ จนกว่าการจัดงานศพจะเสร็จสิ้น นางสาวสมจิตร ระบุทั้งน้ำตา
ขณะที่นางแปลก บัวมาก มารดานางสาวพรรณทิพา ผู้ตาย กล่าวว่า ผู้ตายเป็นบุตรสาวคนสุดท้องจากพี่น้องที่มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 5 คน ปกติในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกๆปีนางสาวพรรณทิพา จะเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านที่จ.ตรัง ทุกครั้ง แต่ในปี 2552 นี้และในปีต่อๆไปจะไม่มีอีกแล้ว
สำหรับงานบำเพ็ญกุศลศพของนางสาวพรรณทิพา เหยื่อจากเหตุเพลิงไหม้ที่ซานติก้าผับในครั้งนี้ จะมีการทำบุญใหญ่ในวันที่ 6-7 ม.ค.52 ที่บ้านเกิดใน ต.นาโยงใต้ อ.เมือง จ.ตรัง ก่อนที่จะมีการฌาปนกิจศพในวันที่ 8 ม.ค.52 ที่วัดยอทอง ม.4 ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง
// //
ตะลุยข่าว : THE GREEN POLICE กองปราบฯ สู่ศตวรรษที่ 21
ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกสามารถระงับยับยั้งปัญหาอาชญากรรมให้ลดลงและควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้ ตรงกันข้ามกับประเทศไทย กลับมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และมีการกล่าวถึงในระดับนานาชาติว่า