7วันอันตราย367ศพ ฝ่าไฟแดง2หมื่นคัน

7วันอันตราย367ศพ ฝ่าไฟแดง2หมื่นคัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ปิดศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนทั่วประเทศ ปภ.สรุปยอดอุบัติเหตุรวม 3,824 ครั้ง น้อยกว่าปี 2551 จำนวน 651 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 7 วันอันตรายรวม 367 คน ผู้บาดเจ็บรวม 4,107 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสูดได้แก่ เชียงราย 118 ครั้ง จังหวัดที่ยังไม่เกิดอุบัติเหตุได้แก่ ยโสธร จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตรวมสูงสุดคือ เชียงราย 21 คน บช.น.เผยตัวเลขรถฝ่าไฟแดง ที่กล้องจับไว้ได้แล้ว กว่า 2.5 หมื่นราย แจ้งให้มาเสียค่าปรับและตัดแต้มแล้วกว่า 1.4 หมื่นราย

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 ม.ค. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะรองผอ.ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) แถลงข่าวสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2552 ว่า ศปถ.รายงานสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 5 ม.ค. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์ช่วง 7 วันระวังอันตรายว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 275 ครั้ง น้อยกว่าปี 2551 (354 ครั้ง) 79 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 22.32 ผู้เสียชีวิต 32 คน เท่ากับปี 2551 (32 คน) ผู้บาดเจ็บ 297 คน น้อยกว่าปี 2551 (389 คน) 92 คน คิดเป็นร้อยละ 23.65

นายชวรัตน์กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุดได้แก่ ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 27.64 เมาสุรา ร้อยละ 23.27 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 84.89 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 54.91 บนถนนทางหลวงแผ่นดิน ร้อยละ 38.55 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงกลางคืน ร้อยละ 65.45 โดยเฉพาะช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ร้อยละ 34.78 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 18 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ร้อยเอ็ด 4 คน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา 33 คน

นายชวรัตน์กล่าวว่า สรุปอุบัติเหตุทางถนน 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.2551-5 ม.ค.2552 เกิดอุบัติเหตุรวม 3,824 ครั้ง น้อยกว่าปี 2551 (4,475 ครั้ง) 651 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 14.55 ผู้เสียชีวิตรวม 367 คน น้อยกว่าปี 2551 (401 คน) 34 คน คิดเป็นร้อยละ 8.48 ผู้บาดเจ็บรวม 4,107 คน น้อยกว่าปี 51 (4,903 คน) 796 คน ร้อยละ 16.23 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุรวมสูงสูด ได้แก่ เชียงราย 118 ครั้ง จังหวัดที่ยังไม่เกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ ยโสธร

รมว.มหาดไทยกล่าวว่า จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตรวมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 21 คน จังหวัดที่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต มี 7 จังหวัด ได้แก่ ยโสธร สกลนคร นครพนม แม่ฮ่องสอน อุทัยธานี กระบี่ และระนอง จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เพชรบูรณ์ 136 คน ทั้งนี้ สาเหตุและพฤติกรรมเสี่ยง เกิดจากการเมาแล้วขับ ร้อยละ 41.06 โดยยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงสุด ยังคงเป็นรถจักรยานยนต์ร้อยละ 84.23 และเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 25 ปี เป็นกลุ่มที่ประสบอุบัติเหตุสูงสุดถึงร้อยละ 43.88 ส่วนใหญ่เกิดในช่วงเส้นทางตรง ร้อยละ 57.74 บนถนนนอกเขตทางหลวงแผ่นดินในเขตชุมชน หมู่บ้าน ร้อยละ 34.15 และทางหลวงแผ่นดิน ร้อยละ 33.75 ช่วงกลางคืนเป็นช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ร้อยละ 67.34

รมว.มหาดไทยกล่าวว่า สำหรับตัวเลขของผู้ประสบอุบัติเหตุและผู้เสียชีวิตในปีนี้ถือว่าน้อยลงกว่าปีที่แล้ว ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันทำงานอย่างดี และจากสถิติที่ระบุว่าจักรยานยนต์เป็นพาหนะที่ประสบอุบัติเหตุมากที่สุด จึงมีแนวคิดให้ประสานกับกระทรวงคมนาคมว่าหากจะจัดทำเลนเฉพาะรถจักรยานยนต์และมีโทษหากผู้ขับขี่ขับเกินเลนที่กำหนดไว้ จะช่วยแก้ปัญหาได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามเป็นเพียงข้อเสนอแนะขอให้ผู้ปฏิบัติลองไปดูว่าข้อเท็จจริงสามารถทำได้เพียงใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศปถ.ได้สรุปอุบัติเหตุใหญ่ที่เกิดประจำวันที่ 5 ม.ค. เช่น จ.พระนครศรีอยุธยา รถพ่วง 10 ล้อ กลับรถตัดหน้ารถโดยสารประจำทาง ทำให้คนขับเสียชีวิตทันทีและมีผู้บาดเจ็บ 41 ราย จ.ชุมพร รถกระบะพลิกคว่ำตกข้างทาง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 5 ราย

ด้านพล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผบช.น. ผู้รับผิดชอบด้านจราจร เปิดเผยถึงยอดการเกิดอุบัติเหตุของกรุงเทพฯ ว่า มียอดผู้เสียชีวิต 11 ราย บาดเจ็บ 25 ราย และรับแจ้งอุบัติเหตุ 30 ราย สำหรับยอดผู้เสียชีวิตลดลงจากปีที่แล้ว 24 ราย ยอดผู้บาดเจ็บลดลง 77 ราย และยอดการรับแจ้งอุบัติเหตุลดลง 76 ราย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ยอดการเกิดอุบัติเหตุและยอดผู้เสียชีวิตในช่วง 7 วันอันตรายลดลงคือ มีการใช้เครื่องตรวจจับการฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง 30 ทางแยกทั่วกรุงเทพมหานคร ทำให้ลดอุบัติเหตุที่เกิดจากการฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดงได้จำนวนมาก และการตั้งจุดตรวจป้องกันอุบัติเหตุทางถนน และการกระทำผิดที่พบมากที่สุดคือ ข้อหาไม่มีใบอนุญาตขับขี่ 4,726 ราย รองลงมาคือไม่สวมหมวกนิรภัย 3,907 ราย ข้อหาไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 2,981 ราย ข้อหาฝ่าสัญญาณไฟแดง 847 ราย ข้อหาขับรถเร็วเกินกำหนด 772 ราย ข้อหาขับรถขณะเมาสุรามี 749 ราย ข้อหาโทรศัพท์ขณะขับรถ 211 ราย และ ข้อหาแซงรถที่คับขัน 200 ราย

พล.ต.ต.ภาณุยังเปิดเผยถึงการใช้กล้องตรวจจับสัญญาณไฟแดงที่ติดตั้งอยู่ในกทม. 30 จุด เริ่มตั้งแต่เวลา 00.01 น.ของวันที่ 30 ธ.ค.เป็นระยะเวลา 7 วัน ได้รับรายงานจากศูนย์ควบคุมสั่งการจราจร เมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 6 ม.ค. พบผู้กระทำผิดฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง โดยกล้องเรดไลท์-คาเมร่าบันทึกผู้กระทำผิดได้ 25,241 ราย ในจำนวนนี้ทางบก.จร.ได้ดำเนินการออกหมายเรียกส่งไปรษณีย์ให้ผู้กระทำผิดหรือเจ้าของรถมาเสียค่าปรับข้อหาความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบก ข้อหาขับรถฝ่าฝืนสัญญาณจราจรไฟสีแดง มาตรา 22 (2) มีโทษตามมาตรา 152 ปรับไม่เกิน 1,000 บาท (ตัดแต้ม 40 คะแนน) แล้ว 14,420 ราย

รองผบช.น.กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบภาพที่บันทึกไว้ พบว่ามีภาพที่เกิดอุบัติเหตุสาเหตุมาจากการฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดงจำนวนหลายราย มีอยู่รายหนึ่งวิ่งมาทางตรงฝ่าไฟแดงออกไป ในขณะที่รถคู่กรณีได้รับสัญญาณไฟเลี้ยวขวาได้ เมื่อขับฝ่าออกไปทำให้เกิดชนกันตรงทางแยก ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีจราจรหลายท้องที่ได้ติดต่อมาที่บก.จร. เพื่อตรวจสอบและขอรับภาพถ่าย

จากกล้องเรดไลท์-คาเมร่า นำไปเป็นหลักฐานประกอบทางคดี ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าคู่กรณีฝ่ายใดกระทำผิด

พล.ต.ต.ภาณุกล่าวอีกว่า มีประชาชนแสดงความคิดเห็นสอบถามมาว่า ทำไมตำรวจจราจรถึงไม่เตือนในเรื่องฝ่าสัญญาณไฟแดง แต่ออกหมายเรียกมาเสียค่าปรับเลย ต้องบอกว่าข้อหาฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดงนี้เป็นข้อหาหนัก เพราะความผิดนี้ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินทั้งของตนเองและผู้อื่น ผู้ที่ขับขี่ต้องตระหนักถึงผลเสียที่จะตามมาเมื่อเกิดอุบัติเหตุจากการกระทำผิด ไม่ใช่กฎหมายปรามหรือแค่ตักเตือน แต่ต้องปราบให้หมดไปจากท้องถนน เพื่อสวัสดิภาพของทุกคนที่ใช้ถนน ตนได้กำชับให้ตำรวจที่เปรียบเทียบปรับตามจุดที่กำหนดทุกแห่ง ให้ปรับแต่ละรายไม่ต่ำกว่า 500 บาทและดำเนินการตัดแต้ม 40 คะแนนด้วย

นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า จากการสำรวจการกระทำผิดตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 2551 - 4 ม.ค.2552 ใน 28 จังหวัด พบว่า ปั๊มน้ำมันกระทำผิดมากที่สุด 89 แห่ง จากที่สำรวจทั้งหมด 713 แห่ง ขายสุราในวัด 1 แห่งจากที่สำรวจ 242 แห่ง ส่วนสถานศึกษาซึ่งสำรวจ 223 แห่ง ไม่พบการกระทำผิด ซึ่งกรมควบคุมโรคเร่งประชาสัมพันธ์กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยกันสร้างสังคมที่ปลอดภัย ซึ่งจะช่วยลดปัญหาอุบัติเหตุจราจรจากการเมาสุราด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook